ตอนที่ 212 พวกเราก็มีแผน

เจ้าสาวร้อยเล่ห์

“นี่เป็นเรือนที่เตรียมไว้ให้อวี่ฮ่าว มี่เอ๋อร์คิดว่าเป็นอย่างไรบ้าง?” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อยื่นใบตรวจสอบรายการฉบับหนึ่งให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์ดู หลังจากผ่านช่วงเวลาที่อาเจียนจนแทบชุลมุนวุ่นวายไปหมด อารมณ์ของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ก็เริ่มเปลี่ยนกลับมาดีขึ้น หวงฝู่เยวี่ยก็ควักเอาปัญหาที่จัดการยากที่สุดของตนออกมาปรึกษากับมี่เอ๋อร์ และการตัดสินใจที่ยากที่สุดในยามนี้ก็คือที่พำนักหลังจากแต่งงานของอวี่ฮ่าวและอวี่ไข่ ไปจนถึงทรัพย์สินกิจการรวมทั้งประเด็นหลักๆ อีกเล็กน้อย

“หลังจากแต่งงานอวี่ฮ่าวจะไม่อยู่ในจวนอย่างนั้นหรือ?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์คิดมาโดยตลอดว่าหลังจากแต่งงานอวี่ฮ่าวก็จะรั้งตัวอยู่ในตระกูลซั่งกวน หวงฝู่เยวี่ยเอ้อเห็นอวี่ฮ่าวเหมือนลูกที่ตนเองให้กำเนิดมา ทั้งยังชื่นชอบมู่หรงชิงหวั่นเป็นอย่างมาก หากจะรั้งพวกเขาอยู่ในบ้านก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล

“ต้องปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมกันน่ะสิ!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้ออยากจะรั้งอวี่ฮ่าวอยู่ที่จวนเป็นอย่างมาก แต่ซั่งกวนฮ่าวพูดแล้วว่า ทั้งสองล้วนเป็นลูกอนุภรรยา ทั้งคนที่แต่งงานด้วยต่างก็เป็นลูกสาวภรรยาเอกของตระกูลใหญ่ จะรั้งคนหนึ่งไว้ที่จวน ให้อีกคนแยกออกไปอยู่ที่อื่น นับเป็นเรื่องที่พูดยาก หากจะรั้งไว้ก็ต้องรั้งไว้ด้วยกันทั้งหมด หากจะให้ไปก็ต้องไปด้วยกันทั้งหมด ไม่อาจปฏิบัติไม่เหมือนกันได้ แต่ว่าซั่งกวนฮ่าวก็บอกไว้เช่นกัน จะแยกออกจากจวนไปที่จริงก็ล้วนเหมือนกัน บางทีจะกลับมาอยู่ที่จวนหรือจะกลับมาอยู่ยาวๆ ก็ขอแค่นางพูดออกมาคำเดียวเท่านั้น ไม่มีความจำเป็นต้องคิดให้ว้าวุ่นใจ นางและอนุภรรยาหวังมาขบคิดด้วยกัน ก็รู้สึกว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ หากคิดถึงอวี่ฮ่าว เรียกเขากลับมาอยู่ยาวๆ ก็ไม่นับเป็นเรื่องแปลกอันใด…หลายปีมานี้ทั่วป๋าฉินซินก็แทบที่จะใช้เวลาเกือบครึ่งปีอยู่ที่ตระกูลซั่งกวน หรืออวี่ฮ่าวจะเทียบกับนางไม่ได้เชียว? ดังนั้นนางจึงเริ่มเลือกที่อยู่ให้กับอวี่ฮ่าว แต่ก็หาที่ถูกใจที่สุดไม่ได้เสียที

“อวี่ฮ่าวเลือกที่นี่” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อชี้ชื่อบนรายการที่เน้นไว้ “จะกลับบ้านก็ไม่ไกล ใช้แค่เวลาครึ่งก้านธูปก็ถึงแล้ว อวี่ฮ่าว บอกว่าแค่ที่นี่ก็ดีแล้ว หากพวกเขาจะกลับมาก็เหมือนกับมาเที่ยวเยี่ยมเยียนเพื่อนบ้าน แต่ว่ามันเล็กเกินไป ข้ายังไม่ค่อยถูกใจ เรือนที่พวกเขาให้อวี่ไข่หลังนั้นใหญ่ไม่น้อย แค่มีสระน้ำเล็กๆ ที่สามารถล่องเรือได้แห่งหนึ่งก็ทำให้คนแทบจะตาลุกวาวแล้ว ยิ่งไม่จำเป็นต้องพูดถึงอย่างอื่น!”

“ท่านแม่…” เยี่ยนมี่เอ๋อร์หัวเราะขึ้นมา นางรู้จักบ้านของอวี่ไข่หลังนั้น เป็นเรือนนอกหลังหนึ่งของตระกูลซั่งกวน ซั่งกวนฮ่าวให้คนไปแต่งเติมเล็กน้อย จัดมันไว้ในตัวเลือกของรายการ ที่นั่นมีเรือนหลังน้อยใหญ่อีกเจ็ดแปดเรือน ในที่พักหลังนั้นยังมีหอชมสวนที่ไม่เลวอยู่แห่งหนึ่งทั้งสระน้ำที่ครอบคลุมพื้นที่เกือบสามหมู่ (ไร่) จะเพิ่มเรือเล็กๆ ลำหนึ่งเข้าไปก็ไม่มีปัญหา แต่หากจะล่องเรือกลับเป็นไปไม่ได้ ตำแหน่งก็ดีทีเดียว อยู่ใกล้กับเรือนพนาวายุของตระกูลทั่วป๋า แต่หากจะกลับมา อย่างน้อยก็จำเป็นต้องใช้เวลาถึงครึ่งชั่วยาม ซั่งกวนฮ่าวเลือกที่นั่น ก็เป็นเพราะอยากจะส่งพวกเขาออกไปให้ไกลๆ พอไม่เห็นก็ย่อมไม่ต้องหงุดหงิดใจกระมัง!

“ข้าเพียงอยากให้อวี่ฮ่าวได้ที่ดีๆ หน่อยเท่านั้น!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อยิ้มอย่างกระดากใจ “แม้ว่าพอแต่งงานจะกลายเป็นผู้ใหญ่ แต่อย่างไรอายุของเขาก็ติดอยู่ที่หน้าเช่นนั้น ข้าอยากจะมอบของให้เขามากๆ หน่อย ให้เขาได้ใช้ชีวิตที่ดีบ้างก็เท่านั้น”

“ปัญหาของเรือนนั้นที่จริงก็เป็นเพียงเรื่องเล็ก” เยี่ยนมี่เอ๋อร์รู้ว่าหวงฝู่เยวี่ยเอ้อนั้นคิดกับอวี่ฮ่าวและอวี่ไข่ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว จะอยากให้อวี่ฮ่าวได้ของที่มากหน่อยก็เป็นเรื่องปกติ กล่าวยิ้มๆ “ที่แห่งนั้นคล้ายว่าจะเล็กไปบ้าง แต่เดินทางกลับไปกลับมานั้นสะดวกอยู่มาก แม้ว่าจะไม่อาจกลับมาพักที่จวนทุกวันได้ แต่หากท่านแม่มีเรื่องอันใด พวกสาวใช้ก็สามารถเชิญอวี่ฮ่าวและชิงหวั่นกลับมาได้ทันที ข้าว่าเลือกที่นี่ก็ดีแล้ว ส่วนที่เทียบกับอวี่ไข่นั้น เรือนจะเล็กไปบ้าง ทั้งเก่าไปบ้าง เช่นนั้นก็ควรเพิ่มที่ดินที่นาหรือพวกกิจการร้านค้าให้มากหน่อยดีหรือไม่? ไม่จำเป็นต้องเยอะมาก ยึดตามความเหมาะสมของอวี่ฮ่าว เพิ่มอีกสี่ห้าแห่งก็พอแล้ว ท่านแม่คิดว่าเป็นอย่างไร?”

“ยังเป็นมี่เอ๋อร์ที่คิดอย่างรอบคอบ!” หวงฝู่เยวี่ยพยักหน้าอย่างพอใจ ดีต่ออวี่ฮ่าว ส่วนอวี่ไข่ก็ได้ส่วนแบ่งที่นับเป็นขนเส้นเดียวบนวัวเก้าตัว[1] แทบไม่ได้กระทบอันใดต่อซั่งกวนเจวี๋ยและซั่งกวนอิงแม้แต่น้อย เช่นนั้นให้ได้มากหน่อยก็ให้เขาไปเถิด!

“ฮูหยินอย่าได้เอาใจเขาเกินไปเลยเจ้าค่ะ!” อนุภรรยาหวังนั้นอยากจะให้อวี่ฮ่าวได้ประโยชน์อยู่แล้ว แต่ ‘ระดับ’ ที่นางมีอยู่ในมือสามารถพูดได้ว่าถึงขั้นสูงสุดแล้ว “การแต่งงานของเขาและชิงหวั่นจำเป็นต้องใช้สินสอดมากมาย ไม่อาจจะสิ้น เปลืองกับเขามากจนเกินไปได้นะเจ้าคะ ความหมายของข้าก็คือ เลือกเรือนหลังนี้ก็ดีแล้ว ส่วนกิจการร้านค้าหรือที่ดินนั้นก็แบ่งตามคุณชายอวี่ไข่เถิดเจ้าค่ะ เขายังอายุน้อยกว่าคุณชายอวี่ไข่ เช่นนี้นับเป็นเรื่องที่สมควรแล้วเจ้าค่ะ”

“นั่นย่อมไม่ได้!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อขมวดคิ้ว จะให้อวี่ฮ่าวน้อยกว่าอวี่ไข่ได้อย่างไร อย่างไรก็ไม่ได้!

“อนุภรรยาหวังพูดอย่างนี้ก็นับว่าสมเหตุสมผล เช่นนั้นเอาอย่างนี้ดีหรือไม่ มอบที่นาและกิจการร้านค้าให้เท่ากับอวี่ไข่ แต่ไม่ใช่ว่ามีกิจการร้านค้าหลายแห่งที่ท่านแม่มอบให้เป็นชื่อของข้าหรอกหรือ? เช่นนั้นข้าที่มีฐานะเป็นพี่สะใภ้จะส่งให้เขาสักสองแห่งก็ไม่เป็นอันใด หากมีคนเคลือบแคลงใจ ก็สามารถมอบสิ่งของของตัวเองเพื่อเชิดหน้าชูตาให้กับอวี่ไข่ได้เช่นกัน!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์รู้ว่าสิ่งที่อนุภรรยาหวังกังวลก็คือหลังจากที่พวกทั่วป๋าซู่เยวี่ยกลับมาแล้วจะตีโพยตีพายเล่นแง่ พวกเขาย่อมไม่พูดให้อวี่ฮ่าวเปลี่ยนเป็นเรือนหลังที่ดีๆ แต่คงจะอยากเพิ่มที่ดินและร้านค้าให้อวี่ไข่มากๆ หน่อยเสียกว่า

“อย่างนั้นก็ได้!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อก็เป็นคนที่คิดเป็นเช่นกัน กล่าวด้วยรอยยิ้มทันที “เช่นนั้นก็แบ่งเหมือนอย่างเคย จะได้ไม่ทำให้คนปากมากด้วย ข้าก็จะเลือกร้านค้าจากกิจการของตัวเองสองแห่งให้อวี่ฮ่าวเช่นกัน ข้ายังมีเรือนหลังหนึ่งใกล้ๆ กับทะเลสาบโม่โฉว จะว่าใหญ่ก็ใหญ่ แต่อยู่ไกลไปบ้าง มอบให้อวี่ฮ่าวด้วยแล้วกัน!”

“ขอบคุณฮูหยิน ขอบคุณสะใภ้ใหญ่เจ้าค่ะ!” อนุภรรยาหวังคิดว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็คงไม่ทำให้อวี่ฮ่าวเป็นที่สะดุดตาอีกแล้ว ยิ่งไม่อาจทำให้อวี่ฮ่าวเป็นดั่งตะปูในตาของอวี่ไข่หรือใครบางคนด้วย จึงกล่าวขอบคุณไปเช่นนั้น

“เรือนหลังนั้นของอวี่ไข่ค่อนข้างใหญ่ หากพาพวกคนรับใช้ไปก็คงจะมากอยู่บ้าง ข้ารู้สึกว่าไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไรนัก ไม่อย่างนั้น ก็เหลือตำแหน่งว่างให้มากหน่อย ดูว่าอนุภรรยาหนิงและฮูหยินใหญ่มีคนที่พอใช้การได้หรือไม่ ให้พวกนางจัดการเพิ่มเข้าไปเอง” เยี่ยนมี่เอ๋อร์พลิกรายชื่อพวกคนรับใช้ไปมา จำนวนนั้นพอเหมาะพอดี แต่เทียบกับอวี่ไข่แล้วกลับน้อยกว่าตั้งสิบกว่าคน ครุ่นคิดก็กล่าว “คนพวกนี้อย่างไรเหลือไว้ที่จวนส่วนหนึ่ง อวี่ฮ่าวและชิงหวั่นย่อมกลับมาอยู่ที่นี่บ่อยอยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องพาคนใช้ทั้งหมดเทียวไปเทียวมา เหลือไว้ที่จวนบ้างให้อนุภรรยาหนิงช่วยดูแลก็ดีไม่น้อย”

“ก็ดี!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อพยักหน้า คิดว่าแบบนี้ก็ดีเช่นกัน สะดวกสบายอยู่บ้าง ทั้งทางตระกูลมู่หรงก็ส่งรายชื่อมา สาวใช้แม่นมและพ่อบ้านที่ส่งมาเป็นสินเดิมเจ้าสาวของชิงหวั่นมีจำนวนสี่สิบกว่าคน ในเรือนแห่งนั้นพื้นที่น้อยไปบ้าง จำนวนคนก็พอ เหมาะพอควรแล้ว

“อีกอย่าง ท่านแม่คิดว่าเรือนสองแห่งนี้จะแบ่งให้พวกเขาไปตรงๆ เลยหรือว่าให้อวี่ไข่เป็นฝ่ายเลือกก่อน?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์คลี่ยิ้มเล็กน้อย ดวงตาเป็นรูปเสี้ยวพระจันทร์ ประกายความเจ้าเล่ห์ออกมา

“มีอันใดก็รีบพูดเถิด!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อแทบไม่ต้องคิดก็รู้ว่านางกำลังมีแผนชั่วร้ายอยู่ อาจเป็นเพราะว่าชีวิตเริ่มมั่นคงและราบรื่นขึ้นแล้ว ทั้งนางก็ได้รับการยอมรับจากตระกูลซั่งกวนมาโดยตลอด นิสัยเจ้าเล่ห์ซุกซนที่ซ่อนไว้จึงได้เผยออกมาบาง

บางครั้งบางคราว ทำให้หวงฝู่เยวี่ยเอ้อยิ่งชอบขึ้นไปอีก

“หากไม่ครุ่นคิดถึงปัจจัยเรื่องกลับมาจวนบ่อยๆ ดูจากที่สองแห่งนั้น ทั้งร้านค้าและกิจการ เห็นได้ชัดว่ารายการฉบับนั้นของอวี่ไข่ดีกว่ามาก ส่วนอวี่ฮ่าวคล้ายด้อยไปอยู่บ้าง เช่นนั้นพวกเราก็ควรจะทำอะไรสักอย่างกับเครื่องเรือนเครื่องใช้หรือ ไม่?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์หัวเราะร่า “เพิ่มปะการังสูงสามฉื่อ[2] ในห้องโถง ภาพวาดของปรมาจารย์ถานเฟิ่งถานที่มีชื่อเสียงที่สุดของยุคสมัยในห้องหนังสือสองภาพ ทั้งแจกันโบราณและเครื่องเคลือบลายครามก็ขาดไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ มูลค่าของที่ทั้งสองแห่งก็ไม่ต่างกันมากแล้ว!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์หัวเราะ “จากนั้นก็ให้อวี่ไข่เป็นฝ่ายเลือกก่อน เขาอยากจะได้ที่ไหนก็เลือกที่นั่น ป้องกันเผื่อภาย หลังจะพูดมากอะไรอีก!”

“ปะการังสูงสามฉื่อ? แจกันโบราณและเครื่องเคลือบลายคราม? ยังมีภาพวาดและอักษรของอาจารย์ที่มีชื่อเสียง?” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อขมวดคิ้วเล็กน้อย อนุภรรยาหวังกลับฟังออกแล้วว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์คิดจะทำอะไร หัวเราะออกมาแทบหายใจไม่ทัน

“ชิ่นเซียน เจ้าพูดมา นางคิดจะเล่นลูกไม้อะไรกัน?” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อถามอนุภรรยาหวังไปอย่างตรงๆ บางครั้งนางก็ตามไม่ทันความคิดของทั้งสองคนจริงๆ แค่ชั่วพริบตาก็คิดแผนอะไรได้แล้ว

“สะใภ้ใหญ่กำลังเหน็บแนมใครบางคนเจ้าค่ะ!” อนุภรรยาหวังกล่าวยิ้มๆ “ฮูหยินน่าจะจำได้ โถงหลังของเรือนหลังมีปะการังเจ็ดสีสูงห้าฉื่ออยู่ นั่นเป็นของล้ำค่าในดวงใจของฮูหยินใหญ่ แม้แต่จะจับก็ยังอดเสียดายให้คนอื่นจับไม่ได้ หากกล่าวว่าเอาปะการังสูงสามฉื่อให้คุณชายอวี่ไข่ เช่นนั้นใครก็คงไม่คิดอะไร แต่หากเป็นในเรือนของอวี่ฮ่าว ข้าว่าไม่ว่าจะเป็นคุณชาย อวี่ไข่ก็ดี อนุภรรยาหนิงก็ดี ย่อมต้องอิจฉาตาร้อนและโมโห จากนิสัยของพวกเขา ย่อมต้องพยายามสรรหาคำพูด คิดทุกวิถีทางให้ได้ปะการังสูงห้าฉื่อนั้นมาอยู่ในมือ หากมีครั้งที่หนึ่งก็ย่อมต้องมีครั้งที่สอง หลังจากได้รับผลประโยชน์แล้ว จะยั้งมือก็ยั้งไม่ได้ง่ายๆ แล้ว ฮูหยินใหญ่จะให้หรือไม่ให้ล้วนเป็นปัญหาทั้งสิ้น ส่วนพวกเราน่ะหรือ คอยดูความสนุกอยู่เงียบๆ ก็พอ จะได้ไม่เสีย เวลาและเสียอารมณ์ให้พวกนางมาสร้างปัญหาด้วย!”

“เจ้านี่มีความคิดชั่วร้ายมากมายเหลือเกิน ข้าว่าเพื่อหน้าตาของนางย่อมต้องให้แน่ แต่คงจะปวดใจเจียนตายเชียวล่ะ!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อได้ยินอนุภรรยาหวังพูดมาเช่นนี้ก็เข้าใจทันที ชำเลืองมองเยี่ยนมี่เอ๋อร์ทั้งก่นว่ายิ้มๆ จากนั้นก็กล่าวทั้งขบคิด “เรื่องพวกนี้อย่างไรปล่อยให้มันเป็นขั้นเป็นตอนจะดีกว่า เรือนเล็กนั้นก็ไม่ต้องเพิ่มของเข้าไปมาก เพิ่มแค่เพียงปะการังก็พอแล้ว ส่วนอย่างอื่นรอให้อวี่ไข่และอวี่ฮ่าวเลือกและค่อยว่าเถิด ของโบราณและภาพวาดพวกนั้นล้วนเป็นของรักของหวงทั้งนั้น หากถูก อวี่ไข่พรากไป ข้าจะไม่เจ็บเจียนตายเอาหรือ?”

“เช่นนั้น…” เยี่ยนมี่เอ๋อร์เผยยิ้มเล็กน้อย “มิสู้วันนี้คัดแยกทรัพย์สินที่จัดคู่กับที่ทั้งสองออกมา ให้อวี่ไข่และอวี่ฮ่าวเลือกกันเร็วหน่อย ทั้งสามารถให้พวกเขายึดตามความชอบมาปรับเปลี่ยนแก้ไขที่ทั้งสองแห่งใหม่ ท่านแม่ว่าอย่างไร?”

“ข้าว่าก็ดีเหมือนกัน!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อพยักหน้ายิ้มๆ “คนที่น่าชังพวกนั้น…ล้วนไปอยู่ที่วัดประจำตระกูลสี่สิบกว่าวัน เกือบจะห้าสิบวันแล้ว ย่อมต้องจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จสรรพก่อนพวกนางกลับมา ไม่อาจให้พวกนางมีทางเลือกให้ย้อนกลับได้! อืม ข้าว่าตรงนี้ควรเพิ่มร้านค้าอีกแห่ง ก็พอจะได้แล้ว ป้องกันเผื่อถึงเวลานั้นอวี่ไข่จะพูดว่าพวกเราขุดหลุมให้เขากระโดดลงไป!”

“จากนั้นรอพวกนางกลับมา ท่านแม่และอนุภรรยาหวังก็จะสามารถจัดแต่งบ้านใหม่ดีๆ ให้อวี่ฮ่าวได้แล้ว ข้าว่าพวกเราจำเป็นต้องส่งคนไปดูฮูหยินใหญ่ว่ามีของรักอะไรบ้าง ถึงเวลานั้นพวกเราก็ย่อมรู้ว่าควรจะทำอย่างไร!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์หัวเราะจนเอวแทบคด ไม่ใช่ว่าทั่วป๋าซู่เยวี่ยรักและเอ็นดูซั่งกวนอวี่ไข่มาตลอดหรอกหรือ? นางหวังให้ทั่วป๋าฉินซินแต่งเข้าตระกูลมาตั้ง

นานแล้วนี่? เช่นนั้นนางจะสามารถทุ่มเทเพื่อทั้งสองคนนี้ได้เท่าไรกัน? นางตั้งหน้าตั้งตาคอยเป็นอย่างมาก

“เอาแบบนี้แหละ!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อพยักหน้ายิ้มๆ ในมือของทั่วป๋าซู่เยวี่ยมีของดีอยู่ไม่น้อย แต่คนผู้นั้นเก็บติดมือไว้โดยตลอด แม้แต่พิธีสวมกวานของเจวี๋ยเอ๋อร์ พิธีปักปิ่นของหลิงหลง ทั้งงานแต่งงานใหญ่ของเด็กทั้งสองคนก็เพียงเอาของที่พอจะนับว่าเป็นของขวัญได้ออกมาอย่างสองอย่างเท่านั้น ของล้ำค่าที่แท้จริงล้วนซ่อนเก็บเอาไว้ นางนั้นกลับไม่หวงแหน แต่ก็ไม่อยากทำเรื่องเช่นนี้ เพียงแต่ไม่รู้ว่าซั่งกวนอวี่ไข่จะหยิบเอาของดีอะไรมาจากมือของทั่วป๋าซู่เยวี่ยได้กัน?

“เช่นนั้นพวกเราก็ค่อยๆ ตั้งตารอดูละครเถิด!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์กินของที่จื่อหลัวยกขึ้นมาให้อย่างถูกปาก ช่วงนี้อาการของนางเริ่มดีขึ้น กลับกันกับหลายวันก่อนยิ่งนัก เห็นอะไรก็ล้วนอยากกิน ทั้งไม่ว่าอะไรก็กินได้หมด ทั่วทั้งตัวแทบจะอ้วนฉุ แม้แต่ซั่งกวนเจวี๋ยก็พูดอย่างใจร้ายออกมาว่าแม่นมฉินนั้นได้เลี้ยงหมูสำเร็จแล้ว…

“เช่นนั้นเรื่องนี้ต้องให้นายท่านและเจวี๋ยเอ๋อร์รู้หรือไม่?” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อกังวลใจอยู่บ้าง

“ฮูหยินเจ้าคะ…” อนุภรรยาหวังถอนหายใจ “เดิมท่านก็ไม่จำเป็นต้องพูด ขอเพียงแค่พูดว่าให้พวกเขาเลือกด้วยตนเอง แล้วก็พูดเรื่องเพิ่มปะการังในเรือนเล็ก แค่นี้นายท่านและคุณชายใหญ่ก็รู้แล้วว่าพวกเราคิดจะทำอะไร เดิมทีก็ไม่จำเป็น ต้องพูดเจ้าค่ะ!”

“อื้ม!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์พยักหน้าทั้งที่มีของเต็มปาก สองคนนั้นฉลาดจะตาย ไม่มีความจำเป็นต้องพูด อีกทั้งหากหลุดพูดก็จะไม่ดี มิสู้ทุกคนแสร้งทำเป็นโง่ดีกว่า…

“อย่างนั้นก็ได้!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อมาคิดดูแล้วก็เป็นเช่นนั้น แต่ไหนแต่ไรตัวเองก็แทบที่จะปิดบังเรื่องอะไรกับสองพ่อลูกนั้นไม่ได้อยู่แล้ว เช่นนั้นให้พวกเขาคิดเอาเองก็แล้วกัน…

———————————-

[1] ขนเส้นเดียวบนวัวเก้าตัว อุปมาว่า น้อยนิดจนแทบไม่มีค่าพอให้พูดถึง

[2] สามฉื่อ ประมาณสามสิบนิ้ว