บทที่ 209 ใต้ดิน

คู่ชะตาบันดาลรัก

หยางชูฟังคำรายงานจากองครักษ์เงาก็หัวเราะ

“ไม่พบคน พบแต่อุโมงค์ลับที่ถูกปิดกั้นงั้นหรือ”

หมิงเวยพยักหน้า “พี่ห้ายิ่งเข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วเจ้าค่ะ”

พูดไปนางก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย “ก่อนหน้านี้เขาอยู่ซอยคังเล่อ หากเกิดอะไรขึ้นคนของท่านยังเข้าไปช่วยได้ แต่ตอนนี้เขายิ่งถลำลึกเข้าไปในถ้ำเสือ หากเกิดอะไรขึ้นมาจะทำอย่างไร”

หยางชูเหลือบมอง “ดูท่านจะเป็นห่วงเขามากนะ”

“เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้า!” หมิงเวยพูด “ท่านลุงดีกับข้าขนาดนั้น หากเขาเป็นอะไรขึ้นมา ข้าจะไม่ทำให้พวกเขาผิดหวังได้อย่างไร”

ได้ยินนางตอบอย่างเป็นการเป็นงานเช่นนี้ หยางชูรู้สึกเบื่อหน่าย เขาพูดว่า “ข้าเห็นว่าเขาเป็นคนฉลาดมาก ผู้คนมักใช้คนงามเป็นตัวล่อ แต่เขากลับใช้ความงามของตนให้เป็นประโยชน์ อันที่จริงพี่ชายท่านเหมาะกับการเป็นสายลับมาก!”

หมิงเวยขี้เกียจพูดพล่ามนางพูดกับงูขาวไปว่า “เจ้าต้องติดตามอย่างใกล้ชิด หากเกิดอะไรขึ้นกับพี่ห้าให้รีบมารายงานทันที”

“เจ้าค่ะ นายท่าน”

………….

จี้เสียวอู่ย่างเท้าหนักบ้างเบาบ้างภายในอุโมงค์ลับ สีหน้าเขาดูสงบนิ่ง แต่ในใจกำลังด่าหมิงเวยเสียเละเทะ บอกว่าจอมยุทธ์น้อยออกจากเขา แต่ผลที่ได้คือเขากลับต้องมามุดอุโมงค์!

“คุณชายกัว” เสียงหายใจของกุ้ยเหนียงดังอยู่ข้างหูเขา

จี้เสียวอู่ฝืนยิ้มและพูดกับตัวฝู “เจ้าประคองพี่กุ้ยเหนียงหน่อย” ตัวฝูจ้องมองเขาอย่างไม่พอใจ

จี้เสียวอู่ยิ้มเอาใจ “ตัวฝูคนดี เมื่อครู่เจ้าก็เห็นแล้วว่า…”

ตัวฝูไม่พูดอะไรออกมาสักคำนางเดินไปช่วยประคองกุ้ยเหนียงเดินไปข้างหน้า หลังจากเดินมานานกว่าครึ่งชั่วยาม ฉีผิงที่เดินนำทางก็หยุดลงในที่สุด

“เอาล่ะ พักที่นี่ก่อนเถอะ”

จี้เสียวอู่พบว่าเบื้องหน้าเขานั้นเป็นพื้นที่กว้างและมีอุโมงค์ทางแยกเรียงกัน เขาคิดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ “พี่ฉี พวกท่านขุดอุโมงค์ใต้ดินในเมืองหลวงใหญ่ขนาดนี้เลยหรือ”

ฉีผิงตอบ “อุโมงค์นี้พวกข้าไม่ได้เป็นคนขุด แต่มันมีอยู่ก่อนแล้ว”

กุ้ยเหนียงเห็นจี้เสียวอู่มีสีหน้างุนงงจึงอธิบายไปว่า “ที่นี่เดิมทีเป็นทางน้ำใต้ดิน ฮ่องเต้องค์ก่อนได้เข้ามาปกครองหยุนจิงจึงได้มีการซ่อมแซมขึ้นใหม่ ที่นี่จึงถูกทิ้งร้างเจ้าค่ะ”

จี้เสียวอู่ได้ฟังก็เข้าใจขึ้นมาทันทีเขาคิดในใจว่าไม่แปลกที่ทางการจะจับพวกเขาไม่ได้ ปกติไม่ต้องพูดถึงกระต่ายเจ้าเล่ห์มีสามรัง[1]เลย แต่นี่ยังมีสถานที่ลับเช่นนี้ด้วย เขามองเข้าไปพบว่าที่นี่มีถ้ำมากมายและมีผู้คนอาศัยอยู่ที่นี่ไม่น้อย

ขณะที่กำลังมองดูก็มีเสียงร้องขอความช่วยเหลือของหญิงสาวคนหนึ่งดังออกมาจากด้านใน หลังจากนั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งวิ่งออกมาจากถ้ำ เสื้อผ้าของนางขาดวิ่นและรองเท้าของนางก็หายไป

นางวิ่งไปร้องไห้ไปไม่นานชายอีกคนก็วิ่งตามออกมาจากถ้ำแล้วคว้าตัวนางอย่างไม่ถนอมนัก เขาตบหน้าอีกฝ่ายจนแก้มของหญิงสาวบวมแดงและลากนางกลับเข้าไปในถ้ำ

จี้เสียวอู่ตกใจแล้วเขาก็โกรธขึ้นมาอีกครั้ง แต่พอจะตะโกนออกไปตัวฝูกลับชิงพูดออกไปก่อนว่า “หยุดนะ!”

นางวิ่งไปหยุดชายคนนั้น “เจ้าทำอะไรน่ะ ปล่อยนางนะ!”

ชายคนนั้นเห็นนางก็แปลกใจ “โอ้ ยังมีสาวน้อยใจกล้าอีกคนหรือ หน้าตาไม่เลวเลย เหตุใดข้าถึงไม่เคยเห็นเจ้ามาก่อน”

นี่เป็นครั้งแรกที่ตัวฝูถูกอีกฝ่ายมองด้วยสายตาหยาบโลนเช่นนี้ นางทั้งโกรธทั้งขยะแขยง “ข้าบอกให้เจ้าปล่อยนางไม่ได้ยินหรืออย่างไร”

ชายคนนั้นหัวเราะเสียงดัง “ข้าปล่อยนางก็ได้ แต่เจ้ามากับข้าแทนดีหรือไม่เล่า” พูดจบเขาก็ยื่นมือออกไปพยายามที่จะสัมผัสใบหน้าของตัวฝู

“หยุดเดี๋ยวนี้!”

“เพี้ยะ!”

แต่ฉีผิงห้ามช้าไปตัวฝูปัดมือที่หมายจะสัมผัสใบหน้าตนเองออกแล้วต่อยเข้าที่ใบหน้าอีกฝ่าย ชายคนนั้นยกมือขึ้นเพื่อหยุดนางพอเป็นพิธีเพราะไม่คิดว่าแม่นางตัวเล็กจะมีแรงมากมายอะไร…

“อา!” วินาทีต่อมาตัวเขาก็ลอยออกไปและกระแทกกับผนังอย่างแรง

ตัวฝูรีบเข้าไปประคองหญิงสาว “เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่”

ใบหน้าของหญิงสาวบวมจนไม่สามารถพูดออกมาได้ นางมองตัวฝูทั้งน้ำตาและพยักหน้าขอบคุณ ชายคนนั้นลุกขึ้นมาด้วยความโกรธเกรี้ยว แต่ก่อนจะมีปัญหาขึ้นฉีผิงก็ตะโกนขึ้นอีกครั้งว่า “ข้าบอกให้เจ้าหยุดไม่ได้ยินหรือไง เจ้ามาจากกลุ่มใดกัน”

ชายคนนั้นเห็นฉีผิงก็ผงะ ใบหน้าดุดันเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มประจบ “หัวหน้าฉีหรือ เมื่อครู่ข้าน้อยไม่ทันเห็นท่าน โปรดรอสักครู่ข้าน้อยจะรีบจัดการเรื่องให้เสร็จ…”

จากนั้นก็หันไปตะโกนเสียงดัง “รีบมาจับนางเร็วเข้า ผู้ใดเป็นคนดูแลนางกัน ถึงได้ปล่อยให้ออกมาเพ่นพ่านเช่นนี้!”

ผู้ใดจะรู้ว่าเมื่อตะโกนเสร็จยังไม่ทันได้ทำอะไรต่อเขาก็เห็นว่าสีหน้าของฉีผิงดูมืดมนขึ้น

“หุบปาก!” ฉีผิงตะคอกใส่ “นางเป็นคนที่ข้าพามา!”

ชายคนนั้นตกใจเขาตบปากตนเองทันที “ข้าน้อยมีตาหามีแววไม่หัวหน้าฉีโปรดเมตตา…”

ฉีผิงตะคอกอย่างเย็นชา “ไสหัวไปซะ!”

“ขอรับๆๆ ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้” เขาไม่กล้าพูดถึงแม่นางคนนั้นอีกแม้แต่คำเดียวแล้วรีบกลับเข้าไปในถ้ำอย่างรวดเร็ว

จี้เสียวอู่ดูไม่พอใจมาก “พี่ฉี นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน แม่นางคนนั้น…”

ฉีผิงไม่ตอบคำถาม แต่ส่งยิ้มกลับไปแล้วกล่าวเปลี่ยนเรื่อง “ข้าดูแลไม่ทั่วถึง พี่กัวอย่าถือสาเลยนะ มาๆๆ มาทางนี้เถอะ”

จี้เสียวอู่อยากถามออกไปมากกว่านี้แต่ก็ถูกกุ้ยเหนียงดึงเขาไว้นางพูดเสียงเบา “คุณชายกัว…”

จี้เสียวอู่สงบสติอารมณ์ของตนให้ใจเย็นลงเป็นเรื่องยากหากจะจัดการตอนนี้ เขายิ้มให้กุ้ยเหนียงแล้วเดินตามฉีผิงเข้าไปในถ้ำเงียบๆ

ด้านนอกอุโมงค์ดูทรุดโทรม แต่เมื่อเข้ามาด้านในกลับต่างออกไปของตกแต่งด้านในล้วนมีความประณีตมาก

ฉีผิงพูดว่า “พี่กัวซ่อนตัวอยู่ที่นี่สักพักเถอะ”

จี้เสียวอู่มองเด็กสาวที่ตัวฝูพามาแล้วอดไม่ได้ที่จะถามออกไป “พี่กัว เหตุใดคนของท่านถึงได้ทำเรื่องเช่นนี้แม่นางคนนั้น…”

ฉีผิงถอนหายใจ “พี่กัว ข้าอิจฉาเมืองลั่วเฉิงของพวกท่านจริงๆ!”

จี้เสียวอู่ไม่เข้าใจ “พี่ฉีคือ…”

“พี่กัวคงอยากถามว่าเหตุใดเมื่อครู่ข้าถึงไม่จัดการใช่หรือไม่” จี้เสียวอู่พยักหน้า

ฉีผิงตอบ “ไม่ใช่ข้าไม่อยากจัดการ แต่จัดการไม่ได้ ตระกูลกัวของพวกท่านเป็นใหญ่ในเมืองลั่วเฉิง แต่กลุ่มยาจกในเมืองหลวงซับซ้อนกว่านั้น อำนาจที่นี่ไม่ใช่ว่าพูดแค่คำสองคำก็จบ หากข้ายื่นมือเข้าไปจัดการในตอนแรก ผลลัพธ์อาจกลายเป็นว่าทั้งสองกลุ่มทะเลาะกัน”

เขายักไหล่ก่อนกล่าว “ข้าไม่มีทางเลือกตอนนี้ทำได้แค่เปิดตาข้างหนึ่งปิดตาข้างหนึ่งเท่านั้น”

“แต่ว่า…”

“วันเวลากว่าจะผ่านไปไม่ง่ายเลย!” ฉีผิงพูด “เจ้าหน้าที่ยังคงทำการค้นหาอยู่ พี่กัวอดทนอยู่ที่นี่สักสองสามวันเถิด” เขาเตือนจี้เสียวอู่ว่าเขายังมีคดีติดตัวอยู่ ดังนั้นอย่าก่อเรื่อง

เมื่อเห็นจี้เสียวอู่ตกใจเขาก็ระงับอารมณ์แล้วส่งยิ้มให้อีกฝ่าย “กุ้ยเหนียง ดูแลคุณชายให้ดีล่ะ”

จากนั้นก็ตบไหล่จี้เสียวอู่เบาๆ “พี่กัว ข้ายังมีเรื่องต้องไปจัดการ ท่านตามสบายเถอะ” แล้วเขาก็พาคนออกไป

ในถ้ำจึงเหลือเพียงจี้เสียวอู่ ตัวฝู กุ้ยเหนียงและหญิงสาวนางนั้น

จี้เสียวอู่มองกุ้ยเหนียง “พี่กุ้ยเหนียง…”

กุ้ยเหนียงนึกถึงสายตาของฉีผิงเมื่อครู่ นางจึงทำได้เพียงกัดฟันอธิบายไปว่า “คุณชายกัว ข้า…”

“ท่านก็มีภูมิหลังเช่นนี้หรือ” กุ้ยเหนียงเงียบแล้วพยักหน้า

“พวกเขาจับเด็กสาวพวกนั้นมาหรือ” กุ้ยเหนียงพยักหน้าอีกครั้ง

จี้เสียวอู่ทุบโต๊ะด้วยความโกรธ “พวกเขาทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร!”

“คุณชายกัว” กุ้ยเหนียงพูดเสียงเบา “ตอนนี้ท่านทราบแล้วใช่หรือไม่ ว่าทำไมกุ้ยเหนียงถึงไม่ยอมไปกับคุณชาย กุ้ยเหนียง…สกปรกเกินไป…”

………….

[1] กระต่ายเจ้าเล่ห์มีสามรัง : คนเจ้าเล่ห์ที่มีที่หลบซ่อนตัวมากมาย