บทที่ 217

หยวนยู่ใช้พลังกายทั้งหมดที่มีเพื่อปลดปล่อยคลื่นปราณคลั่งส่งออกไปทั่วทุกทิศทาง ซึ่งมันก็คมยิ่งกว่าดาบปราณทั่วไปมากนัก ทำให้เกราะปราณก็ใช่ว่าจะป้องกันไว้ได้ทั้งหมด !

พวกคนที่โดนคลื่นพลังนี้เข้าไปต่างก็ไม่สามารถป้องกันได้เลย พวกเขาถูกสับกลายเป็นชิ้นเนื้ออย่างรวดเร็ว ! และถึงแม้จะมีบางส่วนที่ไหวตัวทัน รีบถอยหลบออกมา แต่มันก็ยังมีทหารเลวบางส่วนที่ถูกคลื่นนี้กลืนกินเข้าไปอยู่ดี

ด้วยความวุ่นวายที่เกิดขึ้น มันก็ทำให้หยวนยู่มีโอกาสฝ่าวงล้อมเข้าไปแล้ว ! ตัวเขาไม่รอช้า รีบพุ่งเข้าไปเพื่อที่จะร่วมต่อสู้กับถังหยินทันที !!!

แค่ชายหนุ่มคนเดียวก็เกือบจะล้มจ้านอู่ตี้ได้อยู่แล้ว ดังนั้นการที่มีมาเพิ่มอีกคนก็ย่อมหมายถึงพลังที่ขึ้นไปอีก ! ทำให้แม่ทัพจ้านอู่ตี้ต้องสู้สุดกำลังด้วยตัวคนเดียวอย่างยากลำบากยิ่ง

ทว่าถึงจะเป็นเช่นนั้น หากแต่เขาก็ไม่อาจถอยหนีได้แม้จะเสียเปรียบ ด้วยมันอาจทำให้พวกทหารเสียขวัญกำลังใจ จนทำให้ทุกอย่างที่ทำมาพังหมดสิ้น !

ในขณะที่ร่างแยกและหยวนยู่เข้าต่อสู้กับจ้านอู่ตี้ ทางด้านกองทัพหนิงเองก็ได้เข้าโจมตีกำแพงอย่างบ้าคลั่งด้วยเช่นกัน และด้วยความรวดเร็วของพวกหนิง พวกเขาก็เข้าบุกตีกำแพงเมืองจนแทบจะยึดเป็นของตัวเองได้อยู่แล้ว !

ดาบเหล็กถูกกวัดแกว่งไปมา ทำเอาพวกเฟิงมากมายล้มตายลงโดยไม่ทันแม้แต่จะได้โต้กลับ ทำให้เกิดศพแล้วศพเล่าที่ถูกผลักตกจากกำแพง จนกระทั่งสายตาของพวกหนิงหันไปเห็นเสนารักษ์ที่อยู่รอบ ๆ แล้วพุ่งเป้าไปที่คนพวกนั้นทันที !!!

พวกหมอที่เห็นท่าทีของพวกหนิง พวกเขาก็รีบตั้งสติ ก่อนจะพากันหนีไปพร้อม ๆ กับหมอหญิงคนนั้น ทว่ามันก็สายไปเสียแล้ว ด้วยตอนนี้พวกเขาถูกล้อมเอาไว้ทุกทิศทาง !

จู่ ๆ ทหารหนิงสองนายก็ทำท่าจะเข้ามาจับหมอหญิงคนนั้น ทำให้นางรีบชักมีดออกมาป้องกันตัวอย่างรวดเร็วก่อนก้าวถอยหลังเพื่อสร้างระยะห่าง

เมื่อเห็นว่าหญิงสาวมีอาวุธ พวกหนิงก็หัวเราะออกมาก่อนที่จะพุ่งเข้าใส่นางอีกครั้ง ซึ่งตัวนางก็ไม่รอช้า รีบแทงมีดสวนกลับไปทันที ! ทว่าถึงจะเห็นท่าทีเช่นนั้นของนาง พวกมันก็ยังไม่ลดละการโจมตีแต่อย่างใด กลับเลือกใช้ดาบฟาดลงมาปัดมีดแล้วเข้าคว้ากอดนางเอาไว้

เมื่อพวกเขาจับนางเอาไว้ได้ ก็มีทหารหนิงนายหนึ่งที่จับร่างบางกดลงไปบนพื้นแล้วฉีกเสื้อผ้าออก ก่อนเป็นถังหยินที่ปรากฏขึ้นด้านหลังพวกเขาพร้อมดาบ 2 เล่มในมือโดยที่ไม่มีใครรู้ตัว

การที่เห็นหญิงสาวไม่ได้ขัดขืนแบบนี้ มันก็ทำให้ทหารหนิงนายนั้นตื่นเต้นมาก เขาอดใจไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รีบเอื้อมมือไปจับคอเสื้อของนางฉีกกระชากออกจนเห็นผิวสีขาวนวลน่าหลงใหล แต่ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะได้ทำอะไรต่อ กลางศีรษะของทหารหนิงผู้นั้นก็พลันมีใบดาบเสียบทะลุ จนทำให้เกิดรูกลวงและหยดเลือดที่ไหลลงบนตัวของหมอหญิง

พวกหนิงกรีดร้องออกมาเพราะพวกเขาเห็นดาบแทงทะลุหัวของสหาย หากแต่ถึงจะเห็นเต็ม ๆ ตา ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้ขยับหนีแต่อย่างใด ด้วยตอนนี้ร่างกายของพวกเขาสั่นเทา อยู่นอกเหนือการควบคุมไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว !

ทหารหนิงไม่สามารถทำอะไรได้เลย พวกเขาได้แต่มองหญิงสาวที่ลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีไป !

หลังจากตั้งสติได้ พวกหนิงก็พากันลุกขึ้น แล้วจึงวิ่งเข้าไปล้อมถังหยินที่ไม่ใส่เกราะเอาไว้ ก่อนที่จะมีคนหนึ่งในพวกนั้นที่พูดขึ้นมาว่า “ข้าต้องการหัวของเจ้า !”

เนื่องจากยังไม่ฟื้นพลังกายอย่างเต็มที่ ดังนั้นถังหยินจึงไม่อาจสู้กับคนพวกนี้ได้ตรง ๆ ได้แต่โดดหลบคมดาบแล้วจึงใช้แรงโน้มถ่วงเป็นตัวช่วยในการเสือกแทงดาบลงมา !

ฉึก !

เกราะเหล็กถูกแทงทะลุจนเป็นเกิดเป็นรูลึกลงไปถึงช่วงล่างของทหารหนิงนายหนึ่ง ทำให้อีกฝ่ายได้แต่ร้องโอดครวญก่อนจะทิ้งตัวลงไปนอนบนพื้น ไม่หายใจอีกต่อไป

เมื่อเห็นสหายของพวกเขาถูกสังหารไป พวกหนิงที่เหลือก็เริ่มโกรธจัด พวกเขาไม่ลังเลอีกแล้ว พุ่งตัวเข้ามารุมด้วยดาบในมือทันที !

ถังหยินไม่มีกำลังมากพอที่จะใช้ดาบปัดป้องได้ เขาจึงได้แต่หลบมันไปมาอยู่เช่นนั้น ซึ่งการเคลื่อนไหวของชายหนุ่มมันก็ดูไหลลื่นยิ่ง ราวกับว่าเขากำลังร่ายรำอยู่ท่ามกลางคมดาบยังไงยังงั้น

และในระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังหลบไปมานั้นเอง เขาก็ได้ใช้สายตากวาดมองหาช่องโหว่ไปด้วย ก่อนจะแทงดาบเข้าไปอย่างแม่นยำเพื่อทำให้อีกฝ่ายถึงตายภายใต้การโจมตีเพียงครั้งเดียว

เมื่อการต่อสู้ถูกลากถ่วงให้นานเข้า พวกทหารหนิงที่ล้อมถังหยินเอาไว้ก็เริ่มเหนื่อยอ่อนแล้ว ด้วยพวกเขาถูกสังหารโดยถังหยินกันไปเป็นจำนวนมาก

หากแต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นพวกเขาก็ยังไม่ถอย ทั้งยังมีคนเข้ามาร่วมมากขึ้นไปอีก ด้วยหวังจะบีบให้ถังหยินหมดแรงตายเสียตรงนี้ ! ซึ่งตัวชายหนุ่มเองก็ไม่เคยถูกต้อนให้จนมุมเช่นนี้มาก่อน ดังนั้นเขาจึงได้แต่สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วพุ่งเข้าใส่ทหารหนิงที่อยู่ด้านหลังต่อไปทั้งอย่างงั้น !

ชายหนุ่มรวดเร็วมากจนไม่มีใครจับได้ ข้อมือขยับฉับไว ส่งคมดาบเข้าตวัดฟันไปที่ดวงตาของพวกหนิงสองคนจนเลือดสาดกระจาย ทำให้คนพวกนั้นต้องยกมือขึ้นมาปิดบังมันเอาไว้ด้วยความเจ็บปวด จนสถานการณ์ยิ่งปั่นป่วนมากขึ้นไปอีก ก่อนที่ถังหยินจะใช้โอกาสนี้พุ่งเข้าไปหาหมอสาวคนเดิม “มากับข้า !”

พูดจบเขาก็เปิดทางด้วยดาบทั้งสองในมือ ก่อนพากันมุ่งตรงไปยังหอคอยบนกำแพงแทนที่จะลงไปข้างล่าง ด้วยทางเดินในนี้มันแคบมากจนทำให้ต้องเข้ามาเพียงทีละคนเท่านั้น ซึ่งมันก็เหมาะแก่การตั้งรับเป็นอย่างยิ่ง !

ถังหยินใช้เวลาไม่นานนักในการฝ่าฟันศัตรูเพื่อตรงไปยังหอคอย ทว่าเพียงแค่นี้ก็มากพอแล้วที่จะทำให้พวกหนิงล้มตายไปกว่า 40 นายตลอดเส้นทาง !

แท้ที่จริงแล้วภายในหอคอยยังมีพวกเฟิงอยู่อีกประมาณ 20 นาย และเมื่อพวกเขาเห็นว่าถังหยินเข้ามาได้แล้ว พวกเฟิงในนั้นก็พากันยกโล่ขึ้นป้องกันไม่ให้พวกหนิงแห่เข้ามา

เมื่อเข้ามาได้แล้วถังหยินก็หอบหายใจอย่างเหนื่อยล้า ด้วยไม่อาจทนต่อไปได้อีก ได้แต่ปล่อยให้ร่างของตนนั่งลงพิงผนังกำแพงอยู่อย่างนั้นเพื่อพักผ่อนเพียงชั่วคราว

เม็ดเหงื่อไหลท่วมไปทั้งตัวของเขา

“เจ้าบาดเจ็บหรือ ?” หมอหญิงเดินเข้ามาถามเขาด้วยความเป็นห่วง

ถังหยินก้มมองที่บาดแผลก่อนจะหัวเราะเบา ๆ “หึหึ แค่นี้ฆ่าข้าไม่ได้หรอก”

“ข้าจะทำแผลให้เจ้า !” ว่าแล้วหมอหญิงก็รีบปลดเกราะของชายหนุ่มออกทันที

ถังหยินอยากจะหยุดนาง แต่ก็ไม่เหลือเรี่ยวแรงแล้ว เขาจึงได้แต่ปล่อยให้นางจัดการไปตามต้องการ

ชายหนุ่มปล่อยให้นางปลดเกราะและฉีกเสื้อออก ก่อนที่นางจะนำน้ำสะอาดจากที่ไหนก็ไม่รู้ออกมาราดทำความสะอาดบาดแผลให้อย่างเชี่ยวชาญ

“ทำไมถึงช่วยข้าล่ะ ?” หญิงสาวถามระหว่างที่ทำแผล

เพราะหญิงสาวไม่ได้เงยหน้าขึ้นพูด มันจึงทำให้ถังหยินไม่รู้ว่านางต้องการอะไร ส่วนตัวเขาเองก็ไม่ได้ชอบคิดอะไรมากมายด้วยอยู่แล้ว ดังนั้นชายหนุ่มจึงทำการตอบกลับไปแบบส่ง ๆ

“เจ้าเป็นชาวเฟิง ข้าก็เป็นชาวเฟิงเหมือนกัน”

เวลาไหลผ่านไปท่ามกลางความเงียบงัน และเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่ได้พูดต่อ ก็เป็นหมอสาวที่พูดขึ้น “แค่นั้นเองหรือ ?”

“จะเอาอะไรอีกกัน ?”

หญิงสาวส่ายหัว “นามของข้าคือ ซูเย่เหล่ย เรียกข้าว่า เสี่ยวเหล่ย ก็ได้”

ถังหยินพยักหน้าให้ ก่อนก้มมองนิ้วเรียวขาวของนางที่กำลังทำแผลให้เขา “เจ้ามีฝีมือด้านนี้พอสมควรเลยนะ สนใจจะเข้าร่วมกองทัพของข้าไหม ?”