ไป๋อวี้รู้สึกว่าอาจเป็นเพราะสองวันมานี้พักผ่อนมากเกินไป จนทำให้เกิดปัญหาทางหู ทำไมเขาถึงมีอาการหูฝาด ได้ยินเจ้าหนูบอกกับเขาว่า นางกับอาจารย์ปู่เป็นอะไรกัน อ่อ ไม่สิ ต้องเป็นอาจารย์ปู่อยากเป็นอะไรกับนาง แต่ไม่สำเร็จ
เขาต้องฟังผิดไปอย่างแน่นอน ยังไม่ต้องพูดถึงฐานะที่แตกต่างของทั้งสอง เจ้าหนูปกติเป็นคนที่มีเหตุมีผล ไม่ทำเรื่องผิดจริยธรรมอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าอาจารย์ปู่จะปฏิบัติต่อเจ้าหนูพิเศษกว่าคนอื่นก็ตาม แต่อย่างน้อยอาจารย์ปู่ก็เป็นถึงปรมาจารย์เสวียนเหมิน ท่านจะทำเรื่องวัวแก่กินหญ้าอ่อนขึ้นมาได้อย่างไร อีกทั้งยังเป็นศิษย์หลานของตนเอง
อืม ชายแก่คิดว่าตัวเองต้องหูฝาดเป็นแน่ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจไปให้เจ้าหนูดูอาการหน่อย
จากนั้น…เขาพบอาจารย์ปู่ในห้องของอวิ๋นเจี่ยว!
อีกทั้งอีกฝ่ายยังกอดเอวของเจ้าหนูเอาไว้แน่น ราวกับหมากฝรั่ง ไม่ว่าเจ้าหนูจะผลักอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อย
ชายแก่รู้สึกเข่าอ่อนขึ้นมา ก่อนที่จะสะดุดธรณีประตูล้มลง เมื่อกี้…เขาตาฝาดหรือ ใช่ ต้องตาฝาดอย่างแน่นอน! นอกจากหูฝาดแล้ว ยังเห็นภาพหลอนด้วย
อวิ๋นเจี่ยวที่กำลังจะดึงหมีโคลาบนตัวออกตกใจในทันที นางรีบสะกิดมือที่อยู่กลางเอว พร้อมพูดขึ้น “ปล่อยก่อน ท่านทับถูกผมของข้า”
เยี่ยยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะปล่อยมือที่กอดอีกฝ่ายออกด้วยสีหน้าไม่เต็มใจ เขาถลึงตาใส่คนที่เข้ามาขัดจังหวะอย่างเย็นชา น่าจะไล่ออกจากสำนักไปให้เร็วเสียจริง
“ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม ชายแก่” อวิ๋นเจี่ยวเดินขึ้นหน้าพยุงคนขึ้นมา “มาหาข้าทำไม”
ชายแก่รู้สึกสันหลังเย็นวาบขึ้นมาอย่างประหลาด เขาเหลือบมองอาจารย์ปู่ที่ทำหน้าเย็นชา ก่อนจะหันไปมองเจ้าหนูที่ทำสีหน้าจริงจัง
เมื่อกี้เป็นภาพหลอนจริงๆ สินะ! อาจารย์ปู่กับเจ้าหนู…เฮอะๆๆ จะเป็นไปได้อย่างไร?!
“เจ้าหนู? ข้า…ข้ารู้สึกว่าตาของข้ามีปัญหา” อีกทั้งยังเป็นปัญหาสาหัสด้วย เขาชี้ไปยังดวงตาของตนเอง “เจ้าดูให้ข้าหน่อย?”
“ตา?” อวิ๋นเจี่ยวเปิดเปลือกตาของเขาออก “ดูเหมือนจะไม่เป็นอะไร สายตายาวเหรอ แต่ท่านก็ถึงอายุที่ควรจะเป็นแล้ว!”
ชายแก่ “…”
ถึงแม้จะเป็นเรื่องจริง แต่ก็ไม่ต้องพูดแทงใจดำขนาดนี้ก็ได้
อวิ๋นเจี่ยวจับเส้นชีพจรให้อีกฝ่าย สักพักเหมือนนึกอะไรขึ้นได้จึงเปลี่ยนมืออีกข้าง ชายแก่ถึงได้เห็นข้อมือที่พันผ้าขาวเอาไว้ “มือเจ้าเป็นอะไร”
อวิ๋นเจี่ยวผงะไป ก่อนจะตอบ “ข้อมือหลุดเท่านั้น ไม่กี่วันก็หาย”
“ฮะ?” ทำไมถึงข้อมือหลุดได้ ออกข้อสอบมากไปหรือ
อาจารย์ปู่ที่ยืนทำหน้าไม่พอใจอยู่ด้านหลังเดินขึ้นหน้ามาจับมือขวาของเจ้าหนู ก่อนจะพูดขึ้น “ข้ารักษาให้เจ้า”
ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังจะใช้พลังเทพนั้น อวิ๋นเจี่ยวกลับรีบชักมือกลับมา “ไม่ต้อง! หายเร็วเกินไป อย่างไรก็ต้องหักอีก!” มือของนางมีความคิดของตนเอง นางกลัวอดไม่ได้ที่จะสะบัดออกไปอีกรอบ
เยี่ยยวน “…”
ชายแก่ทำหน้าฉงน เอ๊ะ? หมายความว่าอย่างไร มีใครไม่อยากให้ตนเองหายดีบ้าง
“ร่างกายท่านไม่เป็นอะไร หากไม่สบายตา ข้าไปเอายาให้” อวิ๋นเจี่ยวชักมือที่จับเส้นชีพจรกลับมา ก่อนจะกวาดตามองเขา “ท่านมาเพื่อสิ่งนี้?”
ชายแก่ผงะ ก่อนจะนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนเองมาหาอีกฝ่ายได้ “อ่อ ไม่ใช่ แต่เจ้าสำนักสวีมา บอกว่ามีเรื่องมาหาเจ้า ตอนนี้กำลังรอเจ้าอยู่ที่ตำหนักใหญ่”
“เจ้าสำนักสวี?” อวิ๋นเจี่ยวเกิดความฉงน งานเก็บกวาดของสำนักเทียนซือทำรวดเร็วเสียจริง แผนการของนางยังเขียนไม่เสร็จเลย “ได้ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
ในขณะที่นางกำลังจะก้าวออกจากประตูนั้น เหมือนนึกบางอย่างขึ้นได้ เห็นเพียงแต่นางเดินกลับมาหยิบตำราเล่มหนึ่งจากชั้นวาง จากนั้นยัดใส่มือของชายแก่ “นี่คือคาถาหมิงซิน ท่านเอาไปฝึก สองวันนี้ฝึกคาถานี้ให้ได้ มีผลดีต่อดวงตา!” พูดจบถึงได้เดินออกไป
ชายแก่ที่มีภารกิจการเรียนเพิ่มอย่างกะทันหัน “…”
ไหนวันหยุด?! เป็นปีศาจจริงๆ ด้วย!
เอ๊ะ…เดี๋ยว!
อาจารย์ปู่ท่านจะไปไหน! ท่านตามไปทำไมกัน
(⊙_⊙)
…
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด ตั้งแต่อวิ๋นเจี่ยวเปิดห้องเรียนสอนพิเศษแล้ว หากสำนักเทียนซือมีเรื่องอะไรจะใช้วิธีการส่งสาร มีเพียงเรื่องใหญ่เท่านั้นถึงจะส่งลูกศิษย์มาเรียกนาง ครานี้เจ้าสำนักสวีเป็นคนมาเอง คงจะไม่ใช่เรื่องเล็ก
ดังนั้นอวิ๋นเจี่ยวจึงเดินอย่างรีบร้อน ไม่ถึงสองนาทีนางก็ย่างเท้าก้าวเข้ามาในตำหนักใหญ่แล้ว
“อาจารย์อวิ๋น!” เจ้าสำนักสวีที่กำลังดื่มน้ำชานั้นรีบลุกขึ้นยืน เขาเดินหน้าขึ้นมาสองก้าวเพื่อต้อนรับอีกฝ่าย ในขณะที่กำลังจะอ้าปาก เขาก็เหลือบเห็นคนที่ตามมาด้านหลัง ก่อนจะเผยสีหน้าตกตะลึงออกมา “นี่…”
อวิ๋นเจี่ยวหันหน้ากลับไปมอง ถึงได้พบว่าอาจารย์ปู่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของตนเอง ตอนที่ทดสอบขึ้นทะเบียนนั้น เจ้าสำนักสวีเคยพบกับอาจารย์ปู่แล้ว หัวใจนางเต้นผิดจังหวะไปหนึ่งที แต่กลับได้ยินเจ้าสำนักสวีพูดขึ้น
“สหายท่านนี้…หน้าคุ้นเป็นอย่างยิ่ง!” เขาครุ่นคิดอยู่สักพัก แต่กลับนึกไม่ออก “เหมือนสหายในเสวียนเหมินอย่างยิ่ง” อาจเป็นเพราะไม่มีลูกศิษย์เสวียนเหมินคนใดหน้าตาอัปลักษณ์ แต่รูปลักษณ์ของสหายท่านนี้…แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังตกตะลึงเมื่อเห็นเพียงครั้งแรก หน้าตาของเขางดงามยิ่งกว่าเหล่าปรมาจารย์ที่ลงมาเมื่อหลายวันก่อนเสียอีก เพียงแต่สายตาของเขากลับเย็นยะเยือก ราวกับ…กำลังมองโจร?!
อืม ตาฝาดเป็นแน่!
อวิ๋นเจี่ยวกลับโล่งใจ เมื่อนึกย้อนไปถึงตอนนั้น พวกเขาก็เห็นอาจารย์ปู่จากระยะไกลเพียงหนึ่งครั้งเท่านั้น อีกทั้งในตอนนั้นรอบข้างอบอวลไปด้วยพลังเทพ คงจะมองได้ไม่ชัด ดังนั้นนางจึงรีบแนะนำ “นี่คือท่านอาวุโสในสำนักของข้า อา…อาจารย์ของข้า!”
เจ้าสำนักสวีตกตะลึง สีหน้าเต็มไปด้วยความเคารพ ก่อนจะคารวะอีกฝ่าย “คารวะท่านอาวุโส” เขาไม่ได้ถามอะไรต่อ คงเป็นเพราะคุ้นชินกับชิงหยางของพวกเขาที่มักจะมีอาจารย์อา ท่านอาวุโสโผล่มา ตอนนี้ไม่รู้ว่าชิงหยางมีจำนวนคนมากเท่าไหร่กันแน่
“เจ้าสำนักสวีมาหาข้าทำไม” อวิ๋นเจี่ยวเชิญเขานั่งลง ส่วนตนเองลากอาจารย์ปู่ไปนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“ข้ามีเรื่องสำคัญ!” พูดจบ เขาก็หยิบยันต์ใบหนึ่งออกมา ก่อนจะอธิบาย “สิ่งของบางอย่างวางไว้ในสำนักเทียนซือไม่เหมาะสมเท่าใด พวกข้าไม่รู้ว่าควรจะจัดการอย่างไร”
เขากระตุ้นยันต์ใบนั้นทันที นาทีถัดมาภายในตำหนักมีเสียงบางอย่างดังขึ้น ก่อนที่จะมีวัตถุกองหนึ่งหล่นลงกลางตำหนัก ทำให้ในตำหนักอบอวลไปด้วยพลังเทพ
“อาวุธเทพ!” อวิ๋นเจี่ยวผงะ ก่อนจะพบว่าภายในตำหนักมีอาวุธเทพหลากหลายชนิดกองกันเป็นภูเขา นางรู้สึกคุ้นตากับอาวุธหลายชิ้นในนั้น เหมือนกับจะเป็นอาวุธประจำกาย ทันใดนั้นนางก็ตระหนักได้ “เหล่านี้คืออาวุธของท่านเทพในทักษิณสวรรค์?”
“ใช่ๆๆ ” เจ้าสำนักสวีรีบพยักหน้า “ท่านเทพที่ดับสูญไปในตอนนี้มีหลายร้อยคน อาวุธเหล่านี้จึงกลายเป็นอาวุธที่ไร้เจ้าของ เหล่าลูกศิษย์จึงเก็บรวบรวมเอาไว้ ตอนแรกคิดว่าจะเอาไว้เป็นรางวัลสำหรับการประลองครั้งต่อไปของเสวียนเหมิน แต่เมื่อเก็บขึ้นมาถึงได้พบว่ามีจำนวนมากมายเกินไป สำนักเทียนซือไม่มีพื้นที่เก็บ หากแจกจ่ายให้ลูกศิษย์โดยตรงก็ไม่เหมาะสม ระดับการฝึกฝนของลูกศิษย์ยังไม่เพียงพอต่อการใช้อาวุธเทพ เก็บไว้ก็กลัวเกิดเรื่อง ดังนั้น…ข้าจึงนำมาทั้งหมดเพื่อหารือกับอาจารย์อวิ๋นว่ามีวิธีการจัดการหรือไม่”
ดังนั้น กองนี้คืออุปกรณ์ที่ตีสัตว์ประหลาดได้มาหรือ เจ้าสำนักสวีมาเพื่อส่งมอบสิทธิ์การแจกจ่าย
นางกวาดตามองอาวุธเทพที่กองเต็มพื้น เหมือนเห็นเงินที่ส่งมาถึงหน้าประตู สำนักเทียนซือช่างรู้หน้าที่เสียจริง หากนางไม่รับไว้ คงจะไม่ดีเป็นแน่!
“เช่นนั้น…วางไว้ที่ข้าแล้วกัน!” นางพยักหน้ากับกุมารมอบทรัพย์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ก่อนจะพูดขึ้น “ท่านเทพเหล่านั้นเพิ่งจะดับสูญ อาวุธเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นอาวุธประจำกาย ผนึกด้านบนยังไม่สลายหายไป ต้องจัดการก่อน” อย่างเช่นวางไว้สักสองสามวัน รอให้ผนึกหายไป
“เช่นนั้นรบกวนอาจารย์อวิ๋นด้วย” เจ้าสำนักสวีโล่งใจในทันที
อาจารย์เพิ่งพาได้เสียจริง!