เหล่าท่านอาวุโสต่างวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา
“ข้าว่าต้องเป็นพวกเดียวกันกับท่านเทพครั้งที่แล้ว คงต้องมีแผนการอะไรบางอย่างแน่ๆ”
“ใช่ มาแอบปลูกพรรณไม้สวรรค์ที่นี่ ไม่รู้ว่ามีแผนการอะไร”
“ไม่แน่ว่าอยากจะวางข่ายพลังอะไรตรงนี้ หรือไม่ก็ทำลายโชคชะตาของเสวียนเหมิน เพียงแต่ยังทำไม่สำเร็จ พวกเราถึงดูไม่ออก”
“มีความเป็นไปได้! แต่ข้าไม่เคยได้ยินว่ามีข่ายพลังไหนใช้พรรณไม้มาก่อน”
“ข้าว่าพวกเขาอาจจงใจทิ้งพรรณไม้นี้เอาไว้ คิดจะก่อเกิดความโลภให้พวกเรา จากนั้นดูพวกเราต่อสู้กันเอง ทำลายความสามัคคีของเสวียนเหมิน”
“ฮึ! การกระทำนี้ช่างร้ายกาจ ยังคิดว่าพวกเราเป็นเสวียนเหมินเมื่อก่อนหรือ”
“เลวทราม ลอบโจมตีไม่สำเร็จ กลับใช้กลอุบายต่ำเช่นนี้”
“เสียแรงที่เป็นเทพ!”
“ช่างบ้าคลั่งเสียจริง!”
“ต่ำยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน!”
“ช่าง…”
เหล่าท่านอาวุโสยิ่งพูดยิ่งเดือดดาล ท่าทางอยากจะถมน้ำลายใส่พรรณไม้นั้น เหลือเพียงไม่ได้เขียนถึงความไม่พอใจไว้บนหน้าเท่านั้น
อวิ๋นเจี่ยว: “…”
( ̄△ ̄;)
เดี๋ยว พรรณไม้นี้ทำอะไรผิด
พวกท่านมีปมกับสวรรค์มากขนาดไหนกัน!
“อาจารย์อวิ๋น!” เจ้าสำนักสวีหันมาถามเธอด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ท่านคิดว่า พรรณไม้นี้ใครเป็นคนเอามาโยนไว้ตรงนั้น”
อวิ๋นเจี่ยวถอนหายใจออกมา ก่อนจะพูดขึ้น “สวรรค์ไม่ได้โยนลงมา”
“อะไรนะ” เหล่าท่านอาวุโสต่างผงะ “เช่นนั้นมาได้อย่างไร”
“มันงอกมาจากดินเอง!” เห็นได้ชัดว่าเป็นแบบนั้น
ท่านอาวุโสทั้งหลายตกตะลึงยิ่งขึ้น สีหน้าเหลือเชื่อ หัวหน้าห้องเจียวพูดขึ้น “แต่…นี่คือพรรณไม้สวรรค์ สามารถเติบโตได้ที่สวรรค์เท่านั้น”
“ตามหลักแล้วเป็นเช่นนั้น” อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า ก่อนจะยื่นมือออกไปสัมผัสใบไม้ พืชต้นนี้เชื่อมกับพื้นดินด้านล่างอย่างแนบสนิท มันงอกขึ้นมาเองตามที่ว่า ที่หัวหน้าห้องเจียวพูดก็ไม่ผิด พรรณไม้สวรรค์เติบโตได้แค่ในสวรรค์ นอกจาก…
เธอนึกบางอย่างขึ้นได้ ก่อนจะลุกขึ้นยืนมองไปรอบข้าง จากนั้นถามขึ้น “ป่าไม้นี้คือที่ใด ทำไมข้าไม่คุ้น” ภูเขาลูกนี้อยู่เพียงด้านหลังของสำนักเทียนซือ ตอนที่เธอวางข่ายพลังคุ้มครองภูผานั้น เธอสำรวจรอบด้านของสำนักเทียนซือแล้ว ควรจะคุ้นเคยกับบริเวณใกล้เคียงถึงจะถูก แต่สถานที่แห่งนี้เธอมาเป็นครั้งแรก
“อ่อ ที่นี่คือเขาเซียนจั้ง” เจ้าสำนักสวีอธิบาย “หลังจากที่เรื่องของฉู่เหยียนในครั้งก่อน อาจารย์อวิ๋นให้ยันต์หลายใบกับข้า ข้าจึงนำเอาเนื้อ…เอ่อ ร่างของเทพเหล่านั้นมาฝังไว้ในหลุมด้านหลังเขาชั่วคราว แต่จำนวนยิ่งกองยิ่งสูง จึงกลายเป็นเช่นนี้” พวกเขาฝังไปฝังมา บนภูเขากลับงอกต้นไม้ขึ้น อีกทั้งเนื่องจากร่างเทพที่ฝัง ทำให้ต้นไม้เหล่านั้นเติบโตอย่างว่องไว นอกจากนี้ยังมียันต์ ทำให้ร่างของพวกเขาเน่าเปื่อยจนกองกลายเป็นภูเขาในเวลาไม่กี่เดือน “ภูเขาลักษณะนี้ ด้านหลังยังมีอีกหลายลูก!”
อวิ๋นเจี่ยว: “…”
ที่แท้พวกเธอกำลยืนอยู่บนกองศพของเหล่าเทพ รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาทันที
“หากข้างล่างนี้ฝังร่างของเทพ เช่นนั้นก็ไม่ผิด” เธอหันไปมองทุกคน ก่อนจะถอนหายใจ พร้อมพูดด้วยสีหน้ามั่นใจ “ด้านล่างของภูเขายี้ คงกำเนิดเส้นขีพจรเทพขึ้นมาไม่นาน!”
“เส้นขีพจรเทพ!”
(⊙ o ⊙)
ท่านอาวุโสทั้งหลายอุทานออกมาพร้อมกัน ดวงตาเบิกโพลง สีหน้าเหลือเชื่อ เดิมทีพวกเขาคืดว่าสวรรค์โยนบางอย่างลงมาด้วยแผนการอะไรบางอย่าง เหมือนกับอสูรกลืนกินนภาและลูกแก้วกำเนิดวิญญาณก่อนหน้านี้ แต่ไม่คิดว่าจะกำเนิดเส้นชีพจรเทพ!
อวิ๋นเจี่ยวรู้สึกเสียดสีเล็กน้อย ทักษิณสวรรค์เปลืองแรงขนาดนั้น ทั้งจับเส้นชีพจรเทพ ทั้งลูกแก้วกำเนิดวิญญาณกลืนกินวิญญาณอีก ท่านมหาเทพผู้สูงส่งกลับไร้ยางอายโจมตีเสวียนเหมิน เพียงเพื่อต้องการเลี้ยงเส้นชีพจรเทพ สุดท้ายพวกเขากลับทำอะไรไม่สำเร็จ แต่ร่างของตัวเองหลังตายกลับก่อเกิดออกมาได้เส้นหนึ่ง
ในเวลาหนึ่งไม่รู้ว่าควรจะจุดเทียนไว้อาลัยให้พวกเขาสักเล่มดีหรือไม่
อันที่จริงแล้วเมื่อลองคิดดูอย่างละเอียด เส้นชีพจรเทพที่ก่อเกิดขึ้นมานี้ก็ใช่ว่าจะไร้เหตุผล อิ้งหลุนลงมือดึงวิญญาณของเหล่าเทพนานออกมารวดเร็วเกินไป อย่าว่าแต่ขัดขืน แม้แต่ท่านมหาเทพทักษิณสวรรค์เองก็ยังไม่ทันได้ตอบสนอง ดังนั้นร่างกายและพลังของพวกเขายังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์แบบ ภายในเส่นชีพจรอาจยังมีพลังเทพหมุนเวียน
ภายในเลือดเนื้อของท่านเทพอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพลังเทพ คนหนึ่งสองคนยังดี แต่บังเอิญดับสูญนับหลายร้อนคน อีกทั้งจำนวนคนในสำนักเทียนซือ ไม่เพียงพอ จึงต้องฟังว่าอย่างนั้น ดังนั้นร่างเทพทั้งหมดจึงกองอยู่รวมกัน อีกทั้งมียันต์ของชายแก่ สะกดเอาไว้ พลังเทพที่ไหลมารวมกันจึงมีจำนวน มหาศาล อีกทั้งพลังเทพเหล่านี้ไหลลงสู่พื้นดิน การก่อกำเนิดของเส้นชีพจรเทพจึงเป็นเรื่องปกติ
ผ่านช่วงของการตกตะลึงไปแล้ว เหล่าท่านอาวุโสต่างก็ยอมรับความจริงเรื่องของการก่อกำเนิดเส้นชีพจรเทพในโลกมนุษย์ได้แล้ว เพียงแต่ความเคร่งเครียดระหว่างคิ้วของพวกเขากลับมีมากขึ้น เจ้าสำนักสวีพูดด้วยสีหน้าเป็นกังวล “อาจารย์อวิ๋น เส้นชีพจรเทพเกิดขึ้นที่โลกมนุษย์ จะเป็นการไม่ดี…หรือไม่”
“ท่านเป็นกังวลเรื่องโลกบน?” อวิ๋นเจี่ยวพูดออกมาโดยตรง เหล่าท่านอาวุโสต่างพยักหน้า ลูกแก้วกำเนิดวิญญาณสำหรับเลี้ยงเส้นชีพจรเทพยังชักนำให้ท่านมหาเทพทักษิณสวรรค์ลงมาแย่งชิงกลับไปด้วยตัวเอง ตอนนี้กลับมีเส้นชีพจรเทพปรากฏขึ้นในเสวียนเหมิน เหล่าเทพโลกบนจะเป็นอย่างไร
ครั้งก่อนเกี่ยวข้องกับวิญญาณในยมโลก ดังนั้นจึงทำให้ราชายมโลกปรากฏตัว แน่นอนว่าสวรรค์ไม่กล้าพูดอะไร อีกทั้งไม่มีคนสนใจถึงเสวียนเหมิน แต่ครานี้เส้นชีพจรเทพกลับกำเนิดขึ้นที่นี่
พวกเขาไม่แน่ใจว่ายังมีเทพที่เป็นเหมือนกับทักษิณสวรรค์มากน้อยเพียงใด
“เรื่องนี้ไม่ต้องเป็นกังวล!” อวิ๋นเจี่ยวส่ายหัว “เส้นชีพจรเทพนี้เพิ่งกำเนิดขึ้นมา แต่ว่าที่นี่คือโลกมนุษย์ ไม่เหมาะสำหรับการเติบโตของเส้นชีพจรเทพ ตอนนี้มันมีพลังเทพบนศพคอยเลี้ยงเอาไว้ ส่วนยันต์นั้นยังมีผลอีกแค่สองวัน เมื่อถึงเวลาพลังเทพด้านล่างจะสลายไปจนหมดว่า เส้นชีพจรเทพไม่ได้รับการหล่อเลี้ยงจากพลัง ใช้เวลาไม่นานก็จะสลายไป”
“สลายไปแล้วจะเป็นอย่างไร” เจ้าสำนักสวีถาม
“เป็นไปได้มากที่สุดคือ…” อวิ๋นเจี่ยวครุ่นคิด ก่อนจะพูดขึ้น “อาจกลับเส้นชีพจรพลังลมปราณหลายเส้น”
ทุกคนถึงได้โล่งใจ เส้นชีพจรพลังลมปราณดี พวกเขาชอบ!
“จริงสิ!” อวิ๋นเจี่ยวเสนอขึ้น “ครั้งก่อนพวกท่านบอกว่าลูกศิษย์โรงเรียนเสวียนเหมินมีมากเกินไป ปีหน้าอาจต้องขยายพื้นที่ไม่ใช่หรือ เมื่อรอเส้นชีพจรลมปราณกำเนิดได้สำเร็จ ก็ขยายบนภูเขานี้เลย” โรงเรียนไหนไม่มีเรื่องเล่าหลุมศพบ้าง
“ความคิดนี้ดี!” มีท่านอาวุโสเห็นด้วยอย่างรวดเร็ว ลูกศิษย์ของสำนักเทียนซือเดิมทีก็มีจำนวนมากอยู่แล้ว อีกทั้งปีนี้โรงเรียนรับลูกศิษย์ใหม่จำนวนมาก ทำให้ห้องเรียนในตอนนี้นั่งไม่ลงแล้ว จากเดิมทีที่ต้องการเร่งการขยายพื้นที่ ตอนนี้มีเส้นชีพจรพลังลมปราณอีก ในภูเขาแห่งนี้ต้องมีพลังลมปราณเข้มข้นอย่างแน่นอน เป็นประโยชน์สำหรับการฝึกฝนอย่างมาก
“หากพวกท่านกังวลว่าเส้นชีพจรเทพนี้จะถูกคนมาพบเข้า สองวันนี้วางข่ายพลังไว้โดยรอบย่อมได้” อวิ๋นเจี่ยวพูดเสริม เส้นชีพจรเทพเส้นชีพจรพลังลมปราณชำนาญในการซ่อนตัว คนทั่วไปคงรับรู้ได้ยาก “พรรณไม้เหล่านี้ถอนออกก็พอแล้ว”
“ถอนออก?” เจ้าสำนักสวีผงะ ก่อนจะมองไปยังต้นหญ้าบนพื้น จากนั้นถามขึ้นอย่างสงสับ “อาจารย์อวิ๋นรู้หรือไม่ว่ามันคืออะไร”
“มันก็แค่หญ้า!” อวิ๋นเจี่ยวพูดออกมา “วัชพืชของสวรรค์เท่านั้นเอง”
ฮะ?
(⊙_⊙)
อวิ๋นเจี่ยวมองดูเหล่าคนที่ทำหน้าฉงน “พวกท่านคงไม่คิดว่านี่คือสมุนไพรล้ำค่าอะไรใช่หรือไม่” จะเป็นไปได้อย่างไร สมุนไพรล้ำค่าที่ไหนไม่ต้องใช้เวลาหลายสิบหลายร้อยปีขึ้นไป
เหล่าคนที่ไม่ฝึกฝนด้านการรักษา: “…”
ความอับอายนี้คืออะไรกัน พวกเขาพยามยามประคบมาตั้งนาน อีกทั้งจินตนาการไปต่างๆ กัน ถึงแผนการของสวรรค์แล้ว ที่แท้ก็แค่วัชพืชหรือ?!
สักพัก…
“อาจารย์อวิ๋น” เจ้าสำนักสวีสีหน้าจริงจัง ก่อนจะเดินขึ้นหน้าแล้วพูดว่า “ข้าว่า…ในเมื่อเรื่องนี้สิ้นสุดลงแล้ว อีกทั้งใกล้เวลาการสอนแล้ว ข้ายังมีสอนต่อ ขอตัวลาไปก่อน”
ทันทีที่เขาพูดจบ คนอื่นก็ตาลุกวาวขึ้น ก่อนจะลุกขึ้นยืนในทันที
“อาจารย์ ข้าเองก็ยังมีสอนห้องหลอมอาวุธ ต้องไปก่อน!”
“ข้าด้วยอาจารย์ ข้ายังมีสอนห้องยันต์”
“พูดราวกับห้องข่ายพลังไม่มีสอน ข้าก็ขอตัวเช่นกัน!”
“ห้องทำนายของพวกข้า…”
เหล่าท่านอาวุโสต่างกล่าวลา ทำท่าทางอยากจะรีบไปสอนหนังสือ
พวกเขาเดินหันหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว ไม่ถึงชั่วครู่ก็จากไปจนไม่เหลือแม้แต่คนเดียว!
รีบๆ ไป! มิเช่นนั้นอาจารย์อวิ๋นได้ออกข้อสอบชนิดยาอย่างแน่นอน!
อวิ๋นเจี่ยว: “…”