ตอนที่ 43 ผลประโยชน์

“พี่สะใภ้รองบอกข้าว่าเด็กพวกนั้นชนะการประลอง แต่ข้าไม่เชื่อหรอก” แม่นางเฉินกัดขนมแป้งทอดคำใหญ่ “ตอนเช้าตรู่ ข้าเห็นเชวี่ยเอ๋อเอาไก่ฟ้าและกระต่ายไปขายในเมืองไม่ถึงครึ่งวันก็หมดเกลี้ยง แสดงว่านางต้องขายได้เงินจำนวนมากแน่!”

“หืม ทำแบบนี้ได้อย่างไร? หยุนลี่เต๋อไม่เห็นแก่หน้าท่านพ่อท่านแม่เลย ครั้นยังไม่แยกบ้าน ข้าไม่เห็นมันออกไปล่าสัตว์เลยสักวัน คงกลัวว่าพวกเราจะเอาเปรียบสินะ”

หยุนลี่เซี่ยวเห็นหยุนลี่เต๋อได้กินทั้งเนื้อและเหล้าหมัก แต่ตนต้องก้มหน้าทำสวนทั้งวัน จึงทำให้ภายในใจของเขารู้สึกร้อนรนด้วยความอิจฉา

แม่นางจ้าววางตะเกียบลงพลางกล่าวเสียงทุ้ม “ข้าขอพูดแบบเป็นกลางแล้วกัน… น้องเขยรองปล่อยให้ลูกสาวออกไปตะโกนร้องขายของได้อย่างไร? ที่ป้าสะใภ้ใหญ่อย่างข้าพูดไปเพราะหวังดีต่อเชวี่ยเอ๋อทั้งนั้น…”

“ถูกต้องเลยท่านพ่อ” หยุนลี่จงเงยหน้ามองผู้เฒ่าหยุน “เจ้าเด็กคนนั้นเป็นคนของตระกูลหยุน ท่านพ่ออย่าปล่อยให้คนอื่นนินทาตระกูลเราได้ อีกทั้งข้ากำลังจะเข้ารับราชการ อย่าให้ใครมาตราหน้าท่านพ่อว่ามีหลานสาวชอบร้องแร่แหกกระเชออยู่กลางถนน มันจะไม่งามนะขอรับ”

ผู้เฒ่าหยุนครุ่นคิดอย่างเงียบ ๆ อยู่ครู่หนึ่ง

“ท่านพ่อขอรับ?” หยุนลี่จงเอ่ยถามอีกครั้ง “ท่านคิดว่าที่ข้าพูดมามีเหตุผลหรือไม่?”

“ข้ารู้ดีอยู่แก่ใจ กินข้าวกันก่อนเถอะ”

หลังจากรับประทานอาหารและหลับกลางวันแล้ว หยุนลี่เต๋อจึงเตรียมตัวขึ้นไปล่าสัตว์บนภูเขาด้วยความกระตือรือร้น

ทันทีที่เขาก้าวขาออกจากประตูฝั่งทิศตะวันตก ผู้เฒ่าหยุนก็ตะโกนหยุดเขาไว้

“ลี่เต๋อ เจ้าจะไปล่าสัตว์อีกแล้วหรือ?”

“ขอรับท่านพ่อ!” หยุนลี่เต๋อพยักหน้าพร้อมตอบตามจริง

ผู้เฒ่าหยุนยกมือขึ้นก่อนถอนหายใจ “ล่าสัตว์มากินในครอบครัวพอ อย่าเอาไปขายในเมืองอีกเลย”

“ทำไมล่ะเจ้าคะ?” หยุนเชวี่ยที่อยู่ด้านหลังเอ่ยถาม

“เป็นผู้หญิงไปยืนขายของแบบนั้นมันไม่งาม ครอบครัวของพวกเจ้าไม่ได้ยากจนเสียหน่อย” ชายชราตอบอย่างไม่พอใจก่อนหันไปหาหยุนลี่เต๋อ “เป็นชาวนาควรจะทำแต่ไร่นาและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขสิ”

“แต่พืชผลในทุ่งนายังไม่ถึงฤดูเก็บเกี่ยวนะเจ้าคะ อาหารที่กักตุนไว้ใกล้จะหมดเต็มทน อีกทั้งหมูขายไม่ได้ราคาและอดตายเป็นเบือ ครอบครัวข้าจนปัญหาจริง ๆ เจ้าค่ะ”

ผู้เฒ่าคนนี้ช่างหัวรั้นยิ่งนัก!

หยุนเชวี่ยโผเข้าไปจับแขนของหยุนลี่เต๋อพลางกล่าวตัดพ้อ “ท่านพ่อเจ้าคะ เราไม่ได้ลักขโมยหรือทำอะไรผิดเสียหน่อย และท่านแม่ยังบอกว่านางจะเก็บเงินไว้เป็นค่าสินสอดของพี่สาวอีกด้วย…”

เมื่อได้ยินคำตัดพ้อของลูกสาว หยุนลี่เต๋อพลันรู้สึกเจ็บปวดในใจจึงใช้ฝ่ามือลูบศีรษะของนาง

ผู้เฒ่าหยุนถึงกับกล่าวไม่ออก

“ท่านพ่อ” หยุนลี่เต๋อกล่าวขึ้นอีกครั้ง “ถ้าไม่ใช่เพราะความยากจน ข้าคงไม่ปล่อยให้เชวี่ยเอ๋อต้องลำบากเช่นนี้”

ลูกสาวของครอบครัวอื่นต่างพากันติดตามมารดาเพื่อเรียนรู้งานบ้านและงานเย็บปักถักร้อยเพื่อเอาใจสามีในอนาคต แต่ลูกสาวของเขากลับต้องออกไปทำสวนและขายของตั้งแต่อายุยังน้อย คนเป็นพ่ออย่างเขาต้องรู้สึกอย่างไร?

ถึงกระนั้นหยุนลี่เต๋อยังคงเก็บงำความขมขื่นไว้ในใจ

“ท่านปู่…” ดวงตาของหยุนเชวี่ยเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงก่อนสะอื้นไห้ออกมา “เชวี่ยเอ๋อให้สัญญาว่าจะไม่ทำให้ท่านเดือดร้อนและจะไม่ทำให้ชื่อเสียงตระกูลหยุนเสียหายเด็ดขาด พวกเราสามพี่น้องแค่อยากสวมเสื้อผ้าฝ้ายสวย ๆ เหมือนคนอื่นบ้าง ขอร้องนะเจ้าคะ…”

ผู้เฒ่าหยุนเผยสีหน้าโกรธเคือง เมื่อสายตาสบเข้ากับดวงตาเล็ก ๆ ที่น่าสงสารของนาง สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป

เขาไม่รู้ว่าตนคิดมากเกินไปหรือเปล่า เนื่องจากไม่แน่ใจว่าเด็กหญิงคนนี้ตั้งใจเอ่ยคำว่า ‘ไม่ก่อปัญหา’ และ ’จะไม่ทำให้ตระกูลหยุนเสียชื่อเสียง’ เพื่อเยาะเย้ยหยุนลี่จงหรือไม่?

“ท่านปู่เจ้าคะ?”

ผู้เฒ่าหยุนรู้สึกผิดจึงโบกมือพร้อมถอนหายใจ “ช่างมันเถอะ ๆ ข้าแก่แล้ว พวกเจ้าตัดสินใจกันเองเถิด…”

หยุนลี่จงที่เดินผ่านมาทางหน้าต่างทิศตะวันชะโงกหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง และเห็นหยุนลี่เต๋อสะพายหน้าไม้เดินออกจากบ้านไปจึงพึมพำออกมา “ท่านพ่อ หยุนลี่เต๋อว่าอย่างไรบ้างขอรับ?”

“จะพูดอะไรได้ล่ะ!” ผู้เฒ่าหยุนมองหยุนลี่จงพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “เจ้าทำข้าเสียหน้ากว่าเดิมอีก!

“ท่านพ่อ…

“กลับเข้าไปอ่านตำราซะ! หากรอบนี้ยังสอบไม่ผ่านก็ออกไปทำนากับข้า! ข้าไม่อยากเลี้ยงคนเกียจคร้านเช่นเจ้า!”

หลังจากพูดจบผู้เฒ่าหยุนก็ปิดประตูห้องที่อยู่ชั้นบนจนเกิดเสียงดัง ‘ปัง

หยุนลี่จงอยากพูดอะไรบางอย่าง ทว่าไม่กล้าพูดออกมาจึงก้มหน้าและหันหลังเดินออกไป

เมื่อเห็นสามีเดินใบหน้าบูดบึ้งเข้ามาในห้อง แม่นางจ้าวที่กำลังนั่งปักรองเท้าอยู่ที่ของเตียงจึงเอ่ยถาม “เหตุใดท่านพ่อถึงอารมณ์เสียอีกแล้วเล่าท่านพี่?”

“เรื่องหยุนลี่เต๋อน่ะสิ” หยุนลี่จงเอ่ยตอบด้วยความรำคาญก่อนเดินไปที่หยิบตำราออกมาอ่านและวางมันลงอีกครั้ง “นังลูกสาวตัวดีของมันอีกคน รักกันดีนัก!”

“ลืมมันไปเถิดท่านพี่ อย่าเก็บมันมาใส่ใจเลยจะเสียสุขภาพจิตเปล่า” แม่นางจ้าววางรองเท้าในมือลงพลางมองไปรอบ ๆ “ท่านพ่อเอ่ยปากเรื่องนั้นหรือยังเจ้าคะท่านพี่?”

หยุนลี่จงส่ายศีรษะ

“ท่านต้องรีบแล้ว เพราะครอบครัวเราจะได้ไปใช้ชีวิตสุขสบายอยู่ในเมืองหรือทนทุกข์อยู่ที่บ้านนอกต่อไปล้วนขึ้นอยู่กับว่าท่านจะสอบติดขุนนางหรือไม่

“ข้ากังวลเช่นกัน เพียงแต่…”

“ท่านพี่ลองคุยกับท่านพ่อดี ๆ สิ เขาตั้งตารอให้ท่านสอบติดมาหลายปีแล้ว ท่านไม่อยากมีชีวิตสุขสบายหรือ? ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่ชี้ชะตาชีวิตของเรา เหตุใดเขาจะไม่ทุ่มเงินเพื่อจัดการมันเล่า? หลังจากที่ท่านรับราชการและทำงานได้สักพักแล้ว เราค่อยหาเงินมาคืนเขาดีหรือไม่?”

พระอาทิตย์ส่องแสงเจิดจ้าในยามบ่าย หยุนเชวี่ยและหยุนลี่เต๋อเดินอยู่บนท้องถนนในชนบท

“ท่านพ่อใจดีที่สุดเลย!” หยุนเชวี่ยพูดออกมาราวกับเด็กน้อย

เท่าที่หยุนเชวี่ยจำความได้ ครั้งนี้คือครั้งแรกในรอบสิบปีที่พ่อของนางกล้าแสดงความคิดเห็นต่อหน้าท่านปู่! มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย!

“พ่อเข้าใจเหตุผลของเจ้าอย่างไรล่ะ” หยุนลี่เต๋อเผยสีหน้ารู้สึกผิด “เชวี่ยเอ๋อเป็นเด็กดี ข้าละลายใจต่อเจ้ายิ่งนัก…”

“ท่านพ่อ หากเราทำงานอย่างขยันขันแข็งและหมั่นค้าขายอย่างนี้ต่อไป ภายภาคหน้าเราจะต้องสุขสบายแน่นอนเจ้าค่ะ!”

“อืม!”

“เราต้องเก็บเงินไว้เพื่อเป็นสินสอดให้พี่สาว ส่งเสี่ยวอู่เรียนตำรา และซื้อเครื่องประดับสวย ๆ ให้ท่านแม่ อีกทั้งซื้อที่ดินเพิ่มอีกสองสามไร่นะเจ้าคะ”

“…”

 หยุนลี่เต๋อฟังลูกสาวพูดอย่างเงียบ ๆ

หยุนเชวี่ยตั้งตารอคอยให้ถึงวันนั้นอย่างใจจดจ่อ ส่วนภายในใจของหยุนลี่เต๋อก็เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น เพราะต้องการหาเงินให้ลูกและภรรยา ดังนั้นเมื่อมาถึงบนภูเขา หยุนลี่เต๋อจึงรีบเข้าไปในป่าทันที

“ท่านพ่อ ข้าจะไปเก็บพุทราป่าและกลับมารอท่านที่นี่นะเจ้าคะ”

หยุนเชวี่ยโบกมือให้บิดาและมองดูเขาจนเดินลับตาไป จากนั้นนางจึงออกตัววิ่งไปจนถึงปากถ้ำที่อยู่อีกด้านหนึ่ง

มือเล็กแหวกเถาวัลย์ที่ห้อยลงมาปิดทางเข้าถ้ำ

เมื่อเห็นร่างเล็กในชุดสีเขียวอ่อนปรากฏขึ้นต่อสายตา ดวงตาของชายหนุ่มก็เปล่งประกายทันที “เชวี่ยเอ๋อ เจ้ามาหาข้าแล้ว”

“ดีขึ้นหรือยัง?” หยุนเชวี่ยหยิบห่อกระดาษออกมาจากตะกร้าไม้ไผ่ก่อนยื่นให้ชายหนุ่ม “กินเสียสิ”

ภายในห่อกระดาษมีซาลาเปาลูกใหญ่สองลูกชวนน้ำลายสอ เมื่อรับมาแล้วชายหนุ่มกัดกินมันอย่างเอร็ดอร่อย

ชายหนุ่มใช้ปลายลิ้นเลียริมฝีปากล่างที่มันเยิ้มไปด้วยน้ำมัน “เชวี่ยเอ๋อ เจ้าช่างมีจิตใจดียิ่งนัก”

“ข้ายังหวังว่าเจ้าจะเป็นนายน้อยจากตระกูลผู้ดีหรือเป็นชายผู้สูงศักดิ์ และเมื่อครอบครัวตามหาตัวเจ้าเจอ ข้าก็หวังว่าเจ้าจะให้เงินข้าเป็นสิ่งตอบแทน!” หยุนเชวี่ยจับคางของชายหนุ่มพร้อมย่นจมูกใส่เขา