อาหนี่ม้วนหางงูของตนเข้ามา ร่างกายส่วนบนเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นและแผลสดที่ดูน่าเกลียดน่ากลัว
“ข้าขอให้ไอ้เวรนั่นมันตายไวๆ!” ความโกรธในดวงตาของอาหนี่เหมือนเปลวไฟแผดเผา แต่หัวใจกลับเต็มไปด้วยความว่างเปล่า ก่อนออกจากหนองน้ำปราณมายามา เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าโลกนี้กว้างใหญ่ไพศาลถึงเพียงใดระดับพลังปราณของเขาที่ระดับหกขั้นจักรพรรดิยุทธการจัดว่าไม่มีผู้ใดเทียบเทียมได้ในเผ่า แทบไม่มีใครอาจหาญกล้าเหิมเกริมกับเขา ต่อให้เจออสูรเวทก็สามารถสังหารได้โดยง่าย
แต่ตั้งแต่เข้าอาณาเขตมนุษย์ เขาก็พบกับความพ่ายแพ้มาตลอด โลกของมนุษย์นั้นน่ากลัวกว่าหนองน้ำปราณมายาอย่างที่ผู้อาวุโสสูงสุดประจำเผ่าเคยพูดเอาไว้ไม่มีผิด
ไอ้พวกบ้านั่นจับตัวหยูฟู่กับท่านลุงหยูเฟิ่งเอาไว้เป็นตัวประกัน แล้วเอาเขามาทิ้งไว้ที่นี่ มองจากนอกทวีปมังกรซ่อนเร้นยังรู้เลยว่าต้องมีจุดประสงค์แอบแฝงแน่นอน
“ไอ้พวกนั้นมันอยากให้ข้าไปตามหาตัวศิษย์พี่ปู้เช่นนั้นหรือ มันไม่ได้หวังดีแน่ หากศิษย์พี่ที่แสนดีออกไปช่วยหยูฟู่ เขาจะต้องติดกับดักของพวกมันแน่นอน… ข้าจะทำให้ศิษย์พี่ปู้ตกอยู่ในอันตรายไม่ได้โดยเด็ดขาด!” อาหนี่กำหมัดแน่น ใบหน้ามืดมนหดหู่
แต่หากเขาไม่ไปตามหาตัวปู้ฟาง หยูฟู่กับท่านลุงหยูเฟิ่งคงตกอยู่ในอันตรายมหันต์… ช่างเป็นการตัดสินใจที่ยากอะไรเช่นนี้
“หือ มนุษย์อสรพิษรึ”
เสียงสงสัยดังขึ้นขัดจังหวะความลังเลของอาหนี่ มนุษย์อสรพิษหนุ่มหันกลับมอง พอไปเห็นร่างสองร่างที่คุ้นตาก็รู้สึกตกใจไม่น้อย
เขาจำทั้งสองได้ดี เนื่องจากคนพวกนี้ปรากฏตัวขึ้นที่เผ่าเพื่อชิงดอกบัวประมุขน้ำแข็ง แต่ก็ต้องกลับไปมือเปล่า
“ข้าคิดว่าพวกเจ้ามาถึงนานแล้วเสียอีก… ความจริงกลับเพิ่งมาหรอกรึ แต่เหตุใดเจ้าจึงอยู่คนเดียวเล่า หากข้าจำไม่ผิด คนที่ต้องให้เถ้าแก่ปู้ช่วยไม่ใช่เจ้านี่” อู๋อวิ๋นไป่ถามเสียงสงบ นางอยู่ในชุดคลุมสีขาว ดวงตามองอาหนี่ที่มีสภาพไม่สู้ดีนักด้วยความสงสัยใครรู้
ดวงตาของอาหนี่สว่างวาบทันที เขาไม่รู้ว่าอู๋อวิ๋นไป่คนนี้เชื่อถือได้หรือไม่
“มาเถิด ไปคุยกันที่ร้านเถ้าแก่ปู้ดีกว่า” อู๋อวิ๋นไป่รับรู้ได้ว่าอาหนี่รู้สึกไม่สบายใจ นางขมวดคิ้วแล้วเดินนำหน้าไปก่อน
อาจารย์อาอู๋มองอาหนี่แล้วก็เดินไปเช่นกัน
ทั้งสามมาถึงร้านของปู้ฟางในที่สุด
อู๋อวิ๋นไป่มาที่ร้านตั้งแต่เช้าตรู่ เนื่องจากยังติดใจที่เมื่อวานตนเองไม่ได้ชิมสุราตื่นรู้เพลิงน้ำแข็ง ด้วยเหตุนี้นางจึงตั้งใจตื่นแต่เช้าแล้วลากอาจารย์อาอู๋ที่นอนหลับลึกเหมือนท่อนไม้ตายซากมาด้วย
ปู้ฟางกำลังนั่งขี้เกียจอยู่บนเก้าอี้หน้าประตูร้าน ดวงตาของเขาเป็นประกายวาบเมื่อเห็นร่างทั้งสามที่กำลังเข้ามาใกล้
ชายหนุ่มดูอึ้งไปเมื่อได้เห็นร่างของมนุษย์อสรพิษที่ไม่ได้เห็นมาเป็นเวลานาน นักบวชที่มาเยือนร้านเขาเมื่อวานเพิ่งพูดถึงคนพวกนี้ไปหยกๆ แล้วจู่ๆ วันนี้อีกฝ่ายก็โผล่มาให้เห็นตัวเป็นๆ เลย
นักบวชหัวโล้นเมื่อวาน… ท่าทางจะร้ายเอาเรื่องอยู่
“เถ้าแก่ปู้ เจ้าจำมนุษย์อสรพิษตนนี้ได้หรือไม่” อู๋อวิ๋นไป่มาถึงร้านแล้วก็มองไปเห็นเจ้าดำที่กำลังกินซี่โครงเปรี้ยวหวานอย่างมีความสุขก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็เอ่ยปากถามปู้ฟางขึ้นมา
อาจารย์อาอู๋เองก็ตกใจจนละสายตาไปไหนไม่ได้เช่นกัน ร้านนี้เอาซี่โครงเปรี้ยวหวานราคาแพงเอาเรื่องมาเป็นอาหารสุนัขเช่นนั้นหรือ เหมือนโยนของขวัญจากเทพไท้ทิ้งแม่น้ำแยงซีอย่างไรอย่างนั้น
เจ้าดำหยุดกินซี่โครงเปรี้ยวหวานแล้วเหลือบตาขึ้นมาถลึงจ้องอาจารย์อาอู๋ที่กำลังมองมาด้วยดวงตาเป็นประกาย มันพ่นลมเยาะ จากนั้นก็หันหลังเอาบั้นท้ายบังสายตาอีกฝ่ายไว้ แล้วกลับไปสนใจเนื้อในจานดังเดิม หางของมันส่ายไปมาอย่างน่ารักน่าชัง
“ศิษย์พี่ปู้…”
อาหนี่ตรงเข้ามาเผชิญหน้ากับปู้ฟาง หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ในที่สุดเขาก็หาตัวชายผู้นี้เจอเสียที! เป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้วตั้งแต่ที่พวกเขาจากหนองน้ำปราณมายามาเพื่อตามหาชายผู้นี้โดยเฉพาะ พอได้มาเจอจริงๆ ในใจของชายหนุ่มก็เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกมากมาย
เมื่อเห็นอาหนี่บ่อน้ำตาแตกน้ำมูกไหลย้อย ปู้ฟางก็พลันตากระตุก ไอ้น้อง… แค่ได้เห็นหน้าข้าเหตุใดต้องตื้นตันใจถึงเพียงนี้ด้วยเล่า
“เข้ามาก่อนสิ” ปู้ฟางตอบ
จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินเข้าร้านไป
อู๋อวิ๋นไป่สูดหายใจเข้าลึกพลางเดินเข้าร้านไปเช่นกัน ทันทีที่ก้าวเข้ามาในร้านสีหน้าของนางก็เปลี่ยนไป
พลังปราณในร้านเข้มข้นขึ้นอีกหากเทียบกับเมื่อวาน กระแสประหลาดเองก็แข็งแกร่งขึ้นด้วยเช่นกัน นางรู้สึกราวกับว่าทำนองแห่งการตื่นรู้กำลังสั่นสะเทือนอยู่ในแก้วหู
“ต้นตื่นรู้ทางห้าสาย…” อู๋อวิ๋นไป่หันไปมองต้นไม้ที่โตอยู่ในกระถางดินเผาสีเหลืองตรงมุมร้านทันที
ใบของต้นตื่นรู้ทางห้าสายโตเต็มที่แล้ว สีของมันเข้มขึ้นไม่ได้อ่อนเหมือนเดิมอีกต่อไป ดูก็รู้ว่าต้นไม้นี้กำลังจะผลิตดอกออกผล
อาจารย์อาอู๋ได้รับผลกระทบมากที่สุด เนื่องจากเขาอยู่ในขั้นนักพรตยุทธการจึงสามารถจับท่วงทำนองของการตื่นรู้ได้ชัดเจนกว่าอู๋อวิ๋นไป่
เขารู้สึกปั่นป่วนอยู่ภายใน ใจอยากลงไปนั่งขัดสมาธิเพื่อฝึกปราณเป็นอย่างยิ่ง เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่คนเราจะเจอต้นตื่นรู้ทางห้าสายซึ่งกำลังจะออกผล
“แม่นาง… ต้นตื่นรู้ทางห้าสายกำลังจะออกผลแล้ว กระถางต้นไม้ของเถ้าแก่ปู้นี้น่าทึ่งโดยแท้ ดูท่าจะมีความสามารถพิเศษในการเร่งเวลาได้ มิเช่นนั้นต้นไม้คงไม่โตเร็วถึงเพียงนี้!” อาจารย์อาอู๋สำรวจต้นไม้ด้วยสายตาเคร่งขรึม
ในฐานะขั้นนักพรตยุทธการ เขารู้ดีว่าสถานการณ์ในนครหลวงตอนนี้ล่อแหลมเพียงใด ทันทีที่ต้นตื่นรู้ทางห้าสายออกผล คลื่นใต้น้ำที่กำลังรอวันปะทุในนครหลวงจะปะทุขึ้นทันที
“พวกเจ้าทั้งสองลองดูก่อนว่าจะสั่งอะไร อืม… ส่วนมนุษย์อสรพิษนี่ คนอื่นๆ อยู่ที่ใดเล่า เหตุใดจึงมีแค่เจ้า” ปู้ฟางหันมาถามไถ่
อาหนี่รู้สึกเสียวสันหลังวาบทันทีที่ได้ยินคำถามของปู้ฟาง เขายังคงลังเลที่จะตอบ เนื่องจากคิดว่าไอ้มนุษย์หัวล้านคนนั้นไว้ใจไม่ได้ และตั้งใจจะใช้เขาเป็นเหยื่อล่อให้ศิษย์พี่ปู้ติดกับ…
“ข้าไม่อยากลากศิษย์พี่เข้าไปเกี่ยวด้วย!” หัวใจของอาหนี่ตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม
“บอกมาได้เลยไม่ต้องกลัว ปกติข้าปฏิเสธทุกคำขออยู่แล้ว พูดได้เลยตามสบาย” ปู้ฟางพูดเสียงเรียบ เขาเห็นถึงความลำบากใจในดวงตาของชายหนุ่มตรงหน้า แล้วก็พอจะบอกได้ว่าอีกฝ่ายคงรู้สึกทรมานเพียงใด
เอ่อ… ปฏิเสธทุกคำขอเช่นนั้นรึ อู๋อวิ๋นไป่อึ้งไปทันทีที่ได้ยินคำพูดของปู้ฟาง เถ้าแก่ปู้คนนี้เป็นคนที่มีวิถีทางของตนเองจริงๆ หากหมอนี่ยอมขายสุราตื่นรู้เพลิงน้ำแข็งให้นางตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้นางก็คงไม่ต้องดั้นด้นมาที่ร้านตั้งแต่เช้าตรู่
อาหนี่รู้สึกสบายใจขึ้นทันทีแล้วพรั่งพรูทุกอย่างออกมาเหมือนสายน้ำไหล
อู๋อวิ๋นไป่และอาจารย์อาอู๋เงี่ยหูฟังชนิดใจจดใจจ่อ การผจญภัยของเหล่ามนุษย์อสรพิษดูน่าตื่นเต้นกว่าการเดินทางแสนน่าเบื่อไร้ซึ่งเหตุการณ์ใดๆ ของพวกเขาโดยสิ้นเชิง
“เจ้ามู่เฉิงเช่นนั้นรึ” ปู้ฟางหันไปมองมนุษย์อสรพิษแล้วถามเสียงเรียบ
“ใช่แล้วขอรับ! ไอ้คนชาติชั่วคนนั้นมีนามว่าเจ้ามู่เฉิง! มันจับพวกเราไว้เพราะมีแผนชั่ว!” ดวงตาของอาหนี่เดือดด้วยโทสะและความจงเกลียดจงชัง
ปู้ฟางนิ่งคิด แล้วก็นึกถึงชายที่เคยพยายามจะต่อสู้กับร่างมายาของมังกรที่เขาเรียกออกมาจากอภิมหาวงแหวนปราณหายนะเศียรมังกรได้ ชายหนุ่มไม่ได้คาดคิดเลยว่าคนผู้นี้จะกลับมาอีกครั้ง และคราวนี้ก็เบนเป้าหมายมาที่เขาเสียด้วย
“ศิษย์พี่ปู้ ไอ้เจ้ามู่เฉิงนี่มันตั้งใจจะล่อให้ท่านไปติดกับเป็นแน่ ได้โปรดอย่าเสียสละตนเองเพื่อพวกข้าเลยขอรับ ในนามของความยุติธรรม ข้าไม่อยากให้ศิษย์พี่ปู้ต้องลำบากเสี่ยงชีวิตช่วยพวกข้า แต่หยูฟู่และท่านลุงหยูเฟิ่งเองก็เป็นครอบครัวของข้า ข้า…” สีหน้าของอาหนี่ดูสับสนไปหมดขณะพรั่งพรูเรื่องราวออกมา
ปู้ฟางอึ้ง จ้องไปที่ชายตรงหน้าซึ่งพูดไม่หยุด ตัวเขาเองไม่รู้จะเอ่ยอะไรออกมาดี
ชายหนุ่มยกมือขึ้นโบกเพื่อให้อาหนี่หยุดพูด “เอ่อ… ขอโทษที่ต้องขัดจังหวะ แต่ข้าคงไม่ไปช่วยพวกเจ้าหรอก”
อานีอึ้งไปทันที อู๋อวิ๋นไป่เองก็ชะงักขณะมองไปที่ปู้ฟาง
“หน้าที่ของข้าคือรักษาลุงหยูเฟิ่งของเจ้าเท่านั้น ส่วนจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างทางมาที่ร้านก็ไม่ได้เกี่ยวกับข้าเลยสักนิด” ปู้ฟางอธิบายด้วยน้ำเสียงจริงจัง
อาหนี่ตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ หากปู้ฟางไม่ไปช่วยพวกเขา แล้วตัวเขาเองจะไปช่วยหยูฟู่กับท่านลุงหยูเฟิ่งได้อย่างไรกัน
ขณะที่อาหนี่กำลังจะเปิดปากพูด เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นจากทางเข้าตรอก ฝูงชนเฮละโลกันเข้ามาที่ร้านอีกครั้ง
“เอาละ อย่างที่เจ้าเห็น ร้านของข้าค่อนข้างยุ่ง เรื่องไปช่วยตัวประกันนั้น… ข้าไม่มีเวลาจะไปใส่ใจ” ปู้ฟางโบกมือไปมาในอากาศ เขามองอาหนี่จากนั้นก็เหลือบตามองอู๋อวิ๋นไป่ก่อนจะเอ่ยแนะนำ “เอ่อ… เจ้าจะขอให้นางช่วยก็ได้นะ ถึงอย่างไรพวกเจ้าทั้งสองก็เป็นคนบ้านเดียวกัน ต่อให้มาจากคนละเผ่าพันธุ์ แต่เมื่อหลายพันปีก่อนอาจจะเป็นครอบครัวเดียวกันก็ได้”
“ครอบครัวเดียวกันเมื่อหลายพันปีก่อน” กับผีน่ะสิ… อู๋อวิ๋นไป่ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
แต่เมื่ออู๋อวิ๋นไป่หันไปเห็นอาหนี่ที่กำลังหดหู่ไร้ทางออก นางก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ “เจ้ามนุษย์อสรพิษ ในเมื่อเรามาจากครอบครัวเดียวกัน… เอ่อ ถุ้ย! ในเมื่อเราก็รู้จักมักจี่กัน จะให้พวกข้าไปช่วยพวกเจ้าแทนก็ได้
“แต่มีข้อแม้นะ พอกลับหนองน้ำปราณมายาแล้ว ข้าอยากให้เจ้าแนะนำข้า… ให้รู้จักประมุขอสรพิษ”
ดวงตาของอู๋อวิ๋นไป่เป็นประกายวาบขณะมองไปที่อาหนี่