“อะไรนะ?!” ดวงตาของชีอ้าวชวางหรี่ลงแล้วมองไปที่เฮยหยู่อย่างไม่อยากจะเชื่อ คิดว่าจะได้เห็นเบาะแสอะไรบางอย่างในดวงตาของเขา แต่ดวงตาของเฮยหยู่ไม่ได้แสดงการหลบเลี่ยงใดๆ เลย
ชีอ้าวชวางหันหน้าไปมองไป๋ตี้ คิดว่าจะได้ยินอะไรบางอย่างจากไป๋ตี้บ้าง แต่ไป๋ตี้กลับเงียบพร้อมกับท่าทางเคร่งขรึม หัวใจของชีอ้าวชวางจมดิ่งทันที เช่นนั้นก็แสดงว่าสิ่งที่เฮยหยู่พูดเป็นความจริงงั้นหรือ?!
“ถ้าพวกภูตผีปีศาจบุกโลกมนุษย์ เหอะๆ เผ่ามังกรอาจจะยังอยู่รอดได้ด้วยพลังของพวกเขา ส่วนมนุษย์ที่เปราะบางที่สุดนั้น ข้ากลัวว่าพวกเขาทั้งหมดจะเป็นอาหารของภูตผีปีศาจ รวมถึงอาจารย์ของเจ้า ลูกพี่ลูกน้องและไอ้เด็กผมแดงคนนั้นด้วย” เฮยหยู่เหลือบมองและยิ้มอย่างร้ายกาจ ทุกสิ่งที่เขาพูดกระทบจิตใจอย่างแรงราวกับมีค้อนหนักๆ มาทุบหัวใจของชีอ้าวชวาง
“เฮยหยู่! หยุด!” ในที่สุดไป๋ตี้ก็อดไม่ได้ ตะโกนออกมาอย่างเย็นชา
“ให้ตายสิ! เจ้าคิดว่าข้ากลัวเจ้าหรือ? ตอนนี้กลับมาที่โลกอสูรปีศาจแล้ว ผนึกก็ถูกปลดแล้ว พลังทั้งหมดของข้ากลับมาแล้ว ข้าไม่จำเป็นต้องพึ่งพาพวกเจ้าอีกต่อไปแล้ว!” เฮยหยู่พูดออกมาอย่างเย็นชาและเหยียดหยาม “หรือว่าเจ้าคิดว่าจะหลอกลวงเสี่ยวอ้าวชวางของเจ้าล่ะ? เจ้าจะบอกนางว่าแม้ว่าโลกมนุษย์จะถูกยึดครองแต่ทั้งหมดก็จะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขงั้นหรือ? ตลกสิ้นดี”
ชีอ้าวชวางรู้สึกเพียงว่าเรี่ยวแรงทั้งหมดในร่างกายถูกดึงออกไปจนหมด นางได้แต่ยืนอึ้งอยู่อย่างนั้น ถ้าเป็นอย่างที่เฮยหยู่พูดจริงๆ โลกมนุษย์จะกลายเป็นขุมนรก เลือดจะนองราวกับแม่น้ำ ทุกหนทุกแห่งจะมีแต่เสียงร่ำไห้ ความสิ้นหวังและความหวาดกลัวจะปกคลุมไปทั่วโลก
เฮยหยู่มองไป๋ตี้ที่มีประกายความโกรธอยู่ในแววตาแล้วรอยยิ้มภูมิใจก็ปรากฏบนใบหน้าของเขา แค่เพียงเขาได้เห็นไป๋ตี้โกรธเขาก็พอใจแล้ว เฮยหยู่หันไปมองและเห็นสีหน้าของชีอ้าวชวางซีดลง หัวใจของเขากลับบีบแน่นขึ้นโดยไม่มีเหตุผล เฮยหยู่รีบหันหน้าหนีและหัวเราะเยาะ “สงครามศักดิ์สิทธิ์ครั้งนี้ข้าไม่อยากทำผิดซ้ำอีก ถ้าพวกเจ้าอยากจะเที่ยวเล่นก็เที่ยวไปเองแล้วกัน”
“เจ้า!” ไป๋ตี้ขมวดคิ้วและมองเฮยหยู่ สีหน้าของเขาดูสับสน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ชีอ้าวชวางยังเรียกสติคืนมาไม่ได้ สีหน้าของนางซีดเซียว นางยังคงจมอยู่กับคำพูดก่อนหน้านี้ของเฮยหยู่ นางจำได้ว่านายน้อยที่พบกันในอาณาจักรปีศาจเคยบอกว่าเขาจะกลับไปเตรียมตัวสำหรับสงครามศักดิ์สิทธิ์ เช่นนั้นก็หมายความว่าสิ่งที่เฮยหยู่พูดเป็นความจริง! ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ! เช่นนั้นสงครามศักดิ์สิทธิ์…
“อ้าวชวาง ไม่ต้องไปฟังเขา โลกมนุษย์จะไม่ล่มสลายหรอก เพราะโลกอสูรปีศาจจะไม่ปล่อยให้พวกนั้นประสบความสำเร็จแน่” ไป๋ตี้ยื่นมือออกไปจับไหล่ของชีอ้าวชวางแล้วเขย่าเบาๆ เพื่อให้นางตั้งสติ
ทันใดนั้นชีอ้าวชวางก็ได้สติและมองไป๋ตี้ที่ดูท่าทางมุ่งมั่น จากนั้นไป๋ตี้ก็พูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ทุกๆพันปีจะมีสงครามสามโลกประทุขึ้น โลกภูตต้องการจะยึดครองโลกเทพเจ้า โลกเทพเจ้าต้องการยึดครองโลกภูต และโลกอสูรปีศาจจะเป็นจุดสมดุล จากนั้นก็จะเลือกเชื่อฝ่ายที่อ่อนแอกว่าเพื่อปกป้องตัวเอง เป็นแบบนี้มาหลายหมื่นปีแล้ว ดังนั้นโลกมนุษย์จะต้องไม่ถูกทำลาย สบายใจได้”
ไม่รอให้ชีอ้าวชวางได้พูดอะไร คำพูดที่เหยียดหยามของเฮยหยู่ก็มาอีกครั้ง “นั่นมันเมื่อก่อน…คราวนี้พูดแบบนั้นไม่ได้หรอก โลกอสูรปีศาจจะเข้าไปแทรกแซงหรือไม่ก็ไม่แน่ เจ้าไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลกอสูรปีศาจนี่หรือ? เราไม่เลยว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้ ทำไมเจ้าถึงกล้าให้คำมั่นสัญญากับอ้าวชวางเช่นนั้นล่ะ? อีกอย่างนะ แม้ว่าโลกเทพเจ้าจะชนะ แต่วิหารแห่งแสงก็ถูกทำลายไปหมดแล้ว เทพีแห่งแสงรับพลังจากความศรัทธาของมนุษย์ไม่ได้อีกแล้ว ถึงเวลานั้นหากอยากจะเข้าไปทำความสะอาดและสร้างวิหารแห่งแสงขึ้นอีกครั้งก็เป็นสิ่งที่ลำบากมากๆ แล้ว!”
ไป๋ตี้อึ้งและไม่ได้พูดอะไรสักพัก
สีหน้าของชีอ้าวชวางยิ่งซีดลงไปอีก นางเคยเห็นพลังของนายน้อยแห่งอาณาจักรภูตผีปีศาจมาแล้ว แม้ว่านายน้อยจะเปิดเผยเพียงพลังภูเขาน้ำแข็ง แต่ชีอ้าวชวางก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก ส่วนเทพีแห่งแสง ตัวนางเองก็เคยได้ต่อสู้กับเทพีแล้ว จึงรู้ถึงพลังที่น่ากลัวของเทพี ไม่มีใครทำนายผลของสงครามครั้งนี้ได้เลย ไม่มีใครทำได้…
เฮยหยู่มองสีหน้าที่ซีดลงของชีอ้าวชวางแล้วหัวใจของเขาก็ยิ่งรู้สึกไม่ดี ในที่สุดเขาก็ขมวดคิ้วพูด “เจ้าจะทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ทำไม? ไม่ว่าโลกอสูรปีศาจจะเปลี่ยนไปอย่างไร เผ่าพันธุ์อสูรปีศาจเหล่านี้ก็ไม่ยอมให้ฝ่ายนั้นมาทำลายพวกเขาหรอก อีกอย่าง เจ้าคิดว่าเทพเจ้าแห่งความมืดเป็นคนงี่เง่าหรือ? ไอ้หมอนั่นจะยอมให้พลังที่เขาสร้างขึ้นมาอย่างยากลำบากถูกลบล้างไปหรือ?”
ประกายที่อธิบายไม่ได้ปรากฏในแววตาของไป๋ตี้ เขาหันไปมองใบหน้าหล่อเหลาของเฮยหยู่ แต่เฮยหยู่หันหน้าหนีไปด้วยความรู้สึกผิดในใจ
ไป๋ตี้เหลือบมอง เฮยหยู่ เขากำลังปลอบใจงั้นหรือ? เขาปลอบใจคนเป็นด้วยหรือ?
เฮยหยู่เดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เขาพูดอย่างจริงจังโดยไม่หันไปมอง “เร็วเข้า”
ไป๋ตี้มองสีหน้าที่ยังคงซีดเซียวของชีอ้าวชวางและพูดเบาๆ “อ้าวชวาง เจ้าอย่ากังวลมากเกินไปเลย อย่างที่เฮยหยู่บอกว่าโลกอสูรปีศาจจะไม่ปล่อยให้สงครามนี้เอนเอียงไปหาฝ่ายใดเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง อีกอย่าง หากการสงครามในครั้งนี้จบลง แม้ว่าโลกของเทพเจ้าจะชนะแล้วเทพีแห่งแสงอยากจะกลับไปเป็นเช่นเดิมมันก็ไม่ง่ายแล้ว ถึงเวลานั้น เทพเจ้าแห่งความมืดก็คงพัฒนาพลังของเขาไปมากแล้ว”
ชีอ้าวชวางเงยหน้าซีดๆ ขึ้นมองไป๋ตี้ ในที่สุดก็พยักหน้าช้าๆ พร้อมทั้งกำหมัดแน่นอยู่ในแขนเสื้อ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางจะต้องพยายามอย่างเต็มความสามารถของนาง นางจะไม่ยอมให้โลกภูตผีปีศาจเอาชนะอาณาจักรเทพเจ้าและเข้ายึดครองโลกมนุษย์หรอก เมื่อชีอ้าวชวางคิดถึงเรื่องนี้ก็ตัวสั่นขึ้นมาทันที เพราะว่าจู่ๆ นางก็คิดถึงคำพูดของคามิลล์ หรือว่าที่คามิลล์ส่งนางมาที่นี่ก็เพื่อสิ่งนี้? แผนการของคามิลล์คือจะให้นางเข้าร่วมใช่หรือไม่? เพราะอะไรล่ะ?
เวลานี้เฟิงอี้เซวียนกำลังทำอะไรอยู่นะ? จู่ๆ นางก็หายไป เขาคงเป็นห่วงนางมากใช่หรือไม่? จากนิสัยที่ใจร้อนของเขา เขาจะโจมตีคามิลล์หรือไม่? ถ้าเป็นเช่นนั้นเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคามิลล์เลยนะ! อารมณ์ของชีอ้าวชวางสับสนไปหมด ทันใดนั้นที่ติ่งหูของนางก็รู้สึกถึงความเย็น เหลิ่งหลิงยวิ๋น…ชีอ้าวชวางจับต่างหูคริสตัลสีม่วงที่ติ่งหูและก็คิดอยู่ตลอดอย่างไม่สบายใจ นางรู้สึกว่าการหายตัวไปของเหลิ่งหลิงยวิ๋นมันแปลกประหลาด แล้วก็มีต่างหูคริสตัลสีม่วงมาปรากฏที่หูของนางด้วย ต่างหูที่สวยงามนี้ไม่ได้เจาะที่หูของนาง แต่มันฝังอยู่ที่ติ่งหูราวกับว่ามันเกิดขึ้นบนร่างกายของนาง เทพเจ้าแห่งความมืดจะปกป้องวิหารแห่งคำสั่งของเขาได้จริงหรือ? พลังของเขาจะแข็งแกร่งขึ้นได้หรือไม่? ตราประทับสีดำของเทพเจ้าแห่งความมืดที่หลังมือของชีอ้าวชวางหายไปแล้ว ไม่รู้ว่าเทพเจ้าแห่งความมืดปลดตราประทับให้นางตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนี้เขาได้เข้าไปแทนที่เทพีแห่งแสงบนโลกมนุษย์แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องรับจิตวิญญาณของชีอ้าวชวางมาเป็นเครื่องสังเวยแล้ว
ตอนที่ชีอ้าวชวางพร้อมกับไป๋ตี้และเฮยหยู่กำลังจะออกจากป่าแห่งนี้ พวกเขาก็ได้ยินเสียงครึกโครมดังมาจากด้านหลัง มันเป็นเสียงที่พวกเขาดูเหมือนจะเคยได้ยินมาก่อนแล้ว
“เร็วเข้า อยู่ข้างหน้านี้”
“แม่สาวหิมะ เจ้าไม่ได้เข้าใจอะไรผิดใช่หรือไม่?”
“จะผิดได้อย่างไร! ไม่ผิดหรอก! พลังของอสูรปีศาจทั้งสองทรงพลังมาก…”
“ถ้าเช่นนั้นหากเรากินเข้าไปก็จะได้เลื่อนขั้นใช่หรือไม่?”
“เหอะๆ มีมนุษย์งามด้วยนะ”
“ว้าว จริงหรือ! มีมนุษย์มาปรากฏตัว นางเป็นของเล่นของอสูรปีศาจสองตนนั้นหรือเปล่า?”
“น่าจะใช่นะ…”
“ถึงอย่างไรเดี๋ยวมันก็เป็นของเล่นของพวกเราแล้ว เล่นให้พอก่อนแล้วค่อยกิน ฮ่าๆ…”
เสียงหัวเราะที่ทำให้คนฟังรู้สึกไม่สบายใจดังขึ้นมา
ไป๋ตี้ขมวดคิ้วและมองไปด้านหลัง ดูเหมือนว่าเมื่อครู่นี้อสูรปีศาจหิมะจะไม่ได้เข้าใจจริงๆ ว่าความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นเหนือกว่าพวกของนางมาก จึงยังไปขอความช่วยเหลือมาอีก มันเป็นเรื่องยากมากที่มนุษย์จะปรากฏตัวในโลกอสูรปีศาจ อีกทั้งมนุษย์ที่รูปโฉมงดงามอย่างชีอ้าวชวางก็จะยิ่งทำให้เผ่าอสูรปีศาจวุ่นวาย
ใบหน้ารูปงามของเฮยหยู่แสดงความไม่พอใจเพราะสองประโยคสุดท้ายนั้นเขาได้ยินอย่างชัดเจน ไม่รู้ว่าทำไม พอเฮยหยู่ได้ยินสิ่งที่อสูรปีศาจเหล่านั้นพูดว่าจะเอาอ้าวชวางเป็นของเล่นก็โกรธมากจนอยากจะหั่นอสูรปีศาจเหล่านั้นออกเป็นชิ้นๆ! พวกอสูรปีศาจโง่เขลาต่ำต้อยพวกนี้!
เฮยหยู่หันกลับไปและเดินไปอยู่ข้างๆ ของชีอ้าวชวาง
ห่างจากพวกเขาไม่ไกลนัก อสูรปีศาจหิมะตนเมื่อครู่ไปพาอสูรปีศาจจำนวนมากมา บางตนเป็นอสูรปีศาจระดับสูงด้วย ตอนเหล่าอสูรปีศาจพวกนั้นเห็นพวกของชีอ้าวชวางทั้งสาม ใบหน้าของพวกเขาก็แสดงความตื่นเต้นออกมาทันที
จากนั้นน้ำเสียงภาคภูมิใจของอสูรปีศาจหิมะก็พูดขึ้น “ถูกต้องหรือไม่? ข้าไม่ได้โกหกพวกเจ้าใช่หรือไม่? มีอสูรปีศาจระดับสูงสองตนและมนุษย์ที่งดงามอีกหนึ่งคนใช่หรือไม่?”
เมื่อได้ยินเสียงอันแหลมคมของอสูรปีศาจหิมะ เฮยหยู่ก็กำหมัดจนข้อนิ้วเป็นสีขาวและดวงตาของเขาก็มีประกายเย็นชาออกมา ในขณะที่มองกลุ่มอสูรปีศาจที่กำลังใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็วนั้น ประการแรกคืออสูรปีศาจหิมะร่างสีขาวที่พวกเขาเพิ่งจะปล่อยไป ในขณะนี้นางกำลังมองมาที่พวกเขาอย่างมีชัย ในความเข้าใจของนางก็คือตอนนี้พวกของไป๋ตี้อยู่ในกำมือของพวกเขาแล้ว
“หึๆ มนุษย์จริงๆ ด้วย!” อสูรปีศาจที่มีผมสีเขียวพูด น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ร่างของเขาเหมือนมนุษย์และมีหางยาวอยู่ด้านหลัง เห็นได้ชัดว่าเป็นอสูรปีศาจธรรมดา ยังไม่ได้แปลงร่างเป็นมนุษย์ไม่ได้ทั้งหมด
“ไปให้พ้น นี่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะคิดได้ มนุษย์นี่เป็นของข้าแล้ว หลังจากข้าเล่นกับนางเสร็จแล้วข้าจะให้พวกเจ้า ส่วนอสูรปีศาจสองตนนั้นพวกเจ้ากินมันได้เลย พลังของพวกเราจะได้เพิ่มขึ้น” อสูรปีศาจผมสีน้ำตาลที่ยืนข้างๆ อสูรปีศาจหิมะตีที่อสูรปีศาจผมสีเขียว สายตาของเขามองไปที่ชีอ้าวชวางแล้วหัวเราะจนน้ำลายแทบจะไหลออกมา อสูรปีศาจผมสีน้ำตาลตนนี้จัดได้ว่าไม่เลวทีเดียว เขาเป็นอสูรปีศาจระดับเดียวกับอสูรปีศาจหิมะ
“ไปตายซะ…” เฮยหยู่ก้มหน้าลง ไม่มีใครเห็นท่าทีของเขาได้ชัดเจนนัก หลังจากที่เขาเอ่ยคำที่เย็นชาออกมาด้วยเสียงต่ำ เคียวสีดำขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นในมือของเขาพร้อมกับประกายแสงที่รุนแรง
ในเวลาต่อมาเฮยหยู่ก็เคลื่อนไหวไปอยู่ตรงหน้าของอสูรปีศาจกลุ่มนั้นในทันที
“หือ?” อสูรปีศาจร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ ไม่มีใครเห็นเลยว่าเฮยหยู่มาถึงตรงหน้าพวกเขาได้อย่างไร
ใบหน้ารูปงามของเฮยหยู่มีแต่ความเย็นชา เขาโบกเคียวสีดำขนาดใหญ่ในมือ พวกอสูรปีศาจตกตะลึงและมองเคียวขนาดใหญ่ที่อยู่ในอากาศอย่างอึ้งงัน ในสายตาของพวกเขา การเคลื่อนไหวของเฮยหยู่ดูเหมือนจะช้ามาก เพราะพวกเขามองเห็นได้อย่างชัดเจน แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาตื่นตระหนกและหวาดกลัวก็คือการเคลื่อนไหวของเฮยหยู่ดูเหมือนจะช้ามาก แต่พวกเขาหลบไม่ได้เลย! พวกเขาปล่อยให้เคียวสีดำขนาดใหญ่ของเฮยหยู่เฉือนลงมาจนเหล่าอสูรปีศาจที่ยืนอยู่ด้วยกันทั้งหมดถูกตัดที่เอวและร่างแยกออกเป็นสองท่อน! เลือดสาดกระจายไปทั่วเป็นดอกไม้สีเลือดอันงดงามและน่าหลงใหลอยู่ในอากาศ ดวงตาของอสูรปีศาจทั้งหมดเป็นสีแดงก่ำ ยังไม่ทันที่พวกเขาจะหมดลมหายใจ ร่างกายส่วนบนของพวกเขาก็ตกลงไปที่พื้นอย่างแรงและมองร่างกายส่วนล่างของพวกเขาที่ถูกตัดออกยังคงยืนอยู่ตรงหน้า สุดท้ายลมหายใจแห่งความตายและความกลัวก็กลืนกินพวกเขาไปด