อวิ๋นเจี่ยวเกิดความสนใจลูกแก้วนี้ขึ้นมาทันที นางไม่คิดว่าจะมีมิติติดตามตัวอยู่จริงในโลกใบนี้ เมื่อพินิจดูอย่างละเอียดแล้ว “ถังเฉิน เจ้าเป็นคนเดียวที่สามารถพาคนเข้าไปในลูกแก้วเหรอ”
“อาจารย์อวิ๋น ชะ…” ถังเฉินคิดจะพยักหน้า
“ไม่ต้อง” เยี่ยยวนกลับชิงพูดขึ้นก่อน “ลบผนึกไปก็เพียงพอ” พูดเสร็จมือของเขาก็ส่องประกายแสงสีขาวออกมา ก่อนที่ลูกแก้วนั้นจะมีเลือดไหลออกมาหนึ่งหยด คาดว่าจะเป็นของถังเฉิน ฮึ! อย่าคิดหาโอกาสจับมือศิษย์หลานของข้า!
╭(╯^╰)╮
นาทีถัดมา คนทั้งสี่ต่างรู้สึกภาพตรงหน้าเปลี่ยนแปลงไป ก่อนจะมายืนอยู่ในป่าแห่งหนึ่งเสียแล้ว บริเวณรอบด้านเป็นต้นไม้สูงใหญ่ อีกทั้งยังสามารถมองเห็นทิวเขาที่ทับซ้อนกันจากระยะไกล ดูราวกับว่ากว้างไกลอย่างไร้ขอบเขต นอกจากนี้พวกเขายังได้ยินเสียงร้องของสัตว์ป่านานาชนิดอีกด้วย
อวิ๋นเจี่ยวตกตะลึงกับภาพตรงหน้า มิติติดตามตัวมีขนาดใหญ่มาก
“ที่นี่ใกล้จะกลายเป็นดินแดนลับแล้ว” เยี่ยยวนพูด
“ดินแดนลับ!” ทั้งสามคนตกตะลึง มองดูไปยังป่าไม้ที่ไร้จุดสิ้นสุด เถิงสีพูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ “ท่านปรมาจารย์ ท่านหมายความว่ามิติแห่งนี้ยังสามารถขยายกว้างออกไปอีกหรือ”
“อืม” อีกฝ่ายตอบรับ แต่ไม่ได้อธิบายต่อ ดวงตาของเขากวาดมองไป คิ้วของเขาขมวดขึ้นราวกับนึกบางอย่างได้
อวิ๋นเจี่ยวมองพินิจดูมิติแห่งนี้ มันช่างแตกต่างอย่างมากจากมิติในจินตนาการของนาง เห็นได้ชัดว่ามีระดับสูงกว่ามิติที่นางเคยเห็นจากนิยาย
นางหันไปมองถังเฉินที่อยู่ด้านข้าง วัตถุวิเศษเช่นนี้ เหตุใดเขาจึงบอกนาง อีกทั้งยังส่งมอบขึ้นมาอย่างไม่เจ็บใจ ภายในใจของนางเต็มไปด้วยความสงสัย ดังนั้นนางจึงถามขึ้น
กลับเป็นถังเฉินที่ผงะไป ก่อนจะตอบด้วยสีหน้าสงสัย “อาจารย์ส่งสารบอกให้รีบรายงานเมื่อพบเจอสิ่งต้องสงสัยไม่ใช่หรือ”
“…” นางเคยพูดเช่นนี้เหรอ
พูดจบ เขายังชี้ไปยังตำแหน่งด้านขวาของป่าไม้ “อาจารย์ท่านรีบดูทางนั้น ข้ารู้สึกว่าน่าสงสัยอย่างมาก”
อวิ๋นเจี่ยวผงะ ก่อนจะมองตามทิศทางที่เขาชี้ บริเวณนั้นเป็นพื้นที่ส่วนลึกของป่า เห็นเพียงตรงกลางมีพืชสีแดงอยู่ผืนหนึ่ง ไม่เหมือนกับหญ้าธรรมดา แต่ยังมีหมอกควันสีขาวล้อมรอบอยู่
ไม่ใช่! นั่นไม่ใช่หมอกควัน
นางจ้องมองไป ก่อนจะตกตะลึงในทันใด “พลังเทพ!” เวลานี้นางเพิ่งพบว่าภายในดินแดนลับแห่งนี้ไม่ได้อบอวลไปด้วยพลังลมปราณ หากแต่เป็นพลังเทพ!
“ใช่ คือพลังเทพ!” ถังเฉินพูดด้วยสีหน้าขุ่นเคือง “โลกสวรรค์เพิ่งโจมตีสำนักเทียนซือไป ตอนนี้ยังปรากฏมิติสวรรค์เช่นนี้ จะบังเอิญอะไรขนาดนี้กัน ข้าคิดว่านี่จะต้องเป็นแผนการของโลกสวรรค์อย่างแน่นอน พวกเขาคิดจะวางแผนลอบทำร้ายเสวียนเหมินของพวกเรา” ถึงแม้ว่าลูกแก้วนี้จะเป็นของวิเศษ แต่จะสำคัญไปกว่าอนาคตของเสวียนเหมินได้อย่างไร ไม่แน่ว่ามันอาจจะเป็นกับดัก!
“สมองของท่านพ่อข้าคงคิดไม่ถึงตรงนี้ ไม่แน่ว่าอาจถูกกับดักของโลกสวรรค์เข้าพอดี อีกทั้งข้ากลัวตีหญ้าให้งูตื่น ดังนั้นจึงนำมาหาอาจารย์ที่นี่”
สีหน้าของเขา…โลกสวรรค์ที่ร้ายกาจอย่าคิดทำร้ายความสามัคคีของเสวียนเหมิน
อวิ๋นเจี่ยว “…”
เถิงสี “…”
ทำไมรู้สึกว่าความคิดของตนช่างคับแคบ! ขออภัย! พวกข้าผิดไปแล้ว!
จะว่าไปเสวียนเหมินก่อเกิดกิจกรรมคว่ำบาตรโลกสวรรค์อะไรหรือไม่ อย่างเรื่องเส้นชีพจรเทพในสำนักเทียนซือครั้งก่อนก็ด้วย เหล่าผู้อาวุโสของสำนักเทียนซือนอกจากไม่ดีใจแล้ว แต่ละคนล้วนทำท่าทางอยากโยนเส้นชีพจรเทพกลับโลกสวรรค์ไป
“อาจารย์อวิ๋น ท่านว่าโลกสวรรค์มีแผนการอะไรอยู่”
“เอ่อ…” อวิ๋นเจี่ยวผงะ ก่อนจะตั้งสติกลับมา “เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่รู้ จริงสิ เจ้าบอกว่าลูกแก้วนี้เจ้าเก็บมาได้ตอนกวาดล้างผีร้าย?”
“ใช่!” เขาพยักหน้า พร้อมคิ้วที่ขมวดขึ้นมา ก่อนจะพูดขึ้นเมื่อนึกอะไรบางอย่างได้ “เป็นผีร้ายฝูงหนึ่ง มีทั้งหมดหลายสิบตัว หนึ่งในนั้นยังมีพลังมาก ข้าต้องสูญเสียแรงอย่างมากถึงจะกำราบพวกมันได้ เดิมทีคิดจะไปขอความช่วยเหลือจากยมทูตที่สำนักเทียนซือในวันพรุ่งนี้ ส่วนลูกแก้วนี้ข้าหาเจอจากบริเวณใกล้เคียง”
“อืม” ส่งต่อให้ยมทูตชักนำเข้ายมโลก ง่ายกว่าการทำพิธีกรรมอย่างมาก ในขณะที่นางคิดจะถามต่อ ยันต์ส่งสารข้างลำตัวก็ส่องสว่างขึ้น
เสียงร้อนรนของเจ้าสำนักสวีดังขึ้นจากด้านใน “อาจารย์อวิ๋น เชิญท่านรีบมายังสำนักเทียนซือ ราชาซิวหลิงแห่งยมโลกมาเข้าพบ บอกว่ามาหาวิญญาณที่ท่านกำลังตามหา”
“ได้ ข้าไปเดี๋ยวนี้” อวิ๋นเจี่ยวใจหล่นวูบ ทันใดนั้นเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นภายในใจ นางมองดูคนทั้งสองที่ยังคงทำสีหน้าโกรธเคือง “พวกเราไปสำนักเทียนซือกันก่อน”
หลังจากนั้นนางจึงไปปลุกชายแก่ที่นอนอยู่ในตำหนักด้านข้าง ก่อนจะออกเดินทางไปยังข่ายพลังขนส่ง ในขณะที่กำลังจะเข้าข่ายพลัง พวกนางก็พบว่าด้านล่างตามติดมาด้วยสัตว์เลี้ยงขนาดใหญ่
นางถอนหายใจออกมา ก่อนจะลากคนไปด้านข้าง พร้อมกับพูดเสียงเบา “อาจารย์ปู่ ท่านอย่าไปเลย”
“เหตุใด” คิ้วของเขาขมวดขึ้นทันที ทำไมชายคนอื่นจึงไปได้ ไม่พอใจ!
“คนของสำนักเทียนซือมีมากเกินไป” นางอธิบาย “อีกทั้งเดี๋ยวพวกเราก็กลับมา” ท่านยังต้องทำขนมด้วยไม่ใช้หรือ
เยี่ยยวนเหลือบมองคนในข่ายพลัง ก่อนจะหันมามองศิษย์หลานที่อยู่ตรงหน้า เขายังคงไม่ขยับ! สีหน้ายังคงเรียบเฉย แต่ภายในดวงตากลับเจือปน…ความน้อยใจที่ถูกทอดทิ้ง?
อวิ๋นเจี่ยวใจอ่อนลงอย่างไร้สาเหตุ นางเดินขึ้นหน้าหนึ่งก้าว พร้อมกับโน้มตัวไปหาอีกฝ่าย ก่อนจะพูดด้วยเสียงอ่อนโยน “ท่านเชื่อฟังข้า!” พูดจบ นางก็เขย่งปลายเท้าขึ้น ก่อนจะจูบลงบนหน้าผากของอีกฝ่ายที่ก้มต่ำลงมา
คนที่เมื่อกี้ทำสีหน้าไม่พอใจตัวแข็งทื่อไปในทันที เขาเบิกตาโพลง ก่อนที่ใบหน้างดงามนั้นจะกลายเป็นสีชมพู อีกทั้งยังขยายไปทั่วหน้า
“อาจารย์…”
นางยังพูดไม่ทันจบ ก็รู้สึกเพียงมีลมผ่านหู ร่างสีขาวตรงหน้าหายไปอย่างไร้ร่องรอย เหลือไว้เพียงใครบางคนที่ยืนอยู่ที่เดิม พร้อมกับสองมือที่ค้างไว้ในท่ากอด
อวิ๋นเจี่ยว “…”
หลายวันก่อนยังยึดห้องนาง พูดว่าจะขอหวานๆ ทำไมคราวนี้ถึงวิ่งหนี?! เฮ้ย! มีใจอยากเป็นโจร แต่ไม่กล้าแบบโจร?
-_-|||
อวิ๋นเจี่ยวสีหน้าเหนื่อยหน่าย ไม่ทันได้สังเกตคนทั้งสามที่นิ่งอึ้งอยู่ในข่ายพลัง
เถิงสี “…”
ชายแก่ “…”
เมื่อกี้เจ้าหนู…แต๊ะอั๋งอาจารย์ปู่ต่อหน้าพวกเขาหรือ?!!!
w(゚Д゚)w
ถังเฉิน “…” เหมือนจะรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้เข้าแล้ว ขอยันต์ลบความทรงจำสักใบได้หรือไม่
…
สำนักเทียนซือส่องสว่างไปด้วยไฟ
เหล่าอวิ๋นเจี่ยวเพิ่งย่างเท้าเข้าไปในตำหนักใหญ่ ก็พบราชาซิวหลิงนั่งอยู่ด้านในด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ข้างตัวของเขายังมีวิญญาณอีกสี่ตน พวกเขาล้วนสวมชุดยาวสีดำ รูปร่างไม่โปร่งใสเหมือนกับวิญญาณทั่วไป แต่กลับมีแนวโน้มกลายเป็นรูปร่างที่สามารถจับต้องได้ ข้างตัวของพวกเขาล้วนมีอาวุธ
“พี่อวี๋จื้อ!” เถิงสีจำวิญญาณที่นำหน้าได้ เขารีบสาวเท้าเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“เถิงสี!” คนทั้งสี่ก็จำเขาได้เช่นกัน พวกเขารีบเดินขึ้นหน้ามา “ทำไมเจ้าก็ขึ้นมาเหมือนกัน มีเรื่องอะไร”
“อาจารย์บอกว่าตะเกียงวิญญาณของสหายลั่วผิดปกติ ท่านจึงให้ข้าขึ้นมาตามหาเขา” เถิงสีอธิบาย
ทันทีที่เขาพูดจบ สีหน้าของทั้งสี่คนต่างแปรเปลี่ยนไป ภายในดวงตาเต็มไปด้วยความเศร้าโศกและสีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเคือง
“เกิดอะไรขึ้น” เถิงสีถาม
อวี๋จื้อกำมือข้างลำตัวแน่น ก่อนจะพูดขึ้น “เถิงสี ตะเกียงวิญญาณของสหายลั่ว...ดับแล้ว”
“อะไรนะ!”