ตอนที่ 46 หลอกลวง
วันรุ่งขึ้น ท้องฟ้าแจ่มใสเหมาะแก่การออกไปทำสวนยิ่งนัก
หยุนเชวี่ยลากตัวเหอยาโถวเข้าไปในเมืองด้วยกัน เพื่อส่งเนื้อสัตว์ที่ล่าได้ให้ลูกค้าพร้อมกับคืนเกวียนที่ยืมมาจากเถ้าแก่หู
ทั้งสองช่วยกันเข็นรถเข็นที่มีตะกร้าเนื้อสัตว์และตะกร้าพุทราป่าอย่างเข็นขัน จนในที่สุดเหอยาโถวก็คร่ำครวญออกมา “มันหนักเกินไปแล้ว แขนของข้ายังไม่ทันหายปวดจากการเข็นโถเหล้าวันนั้นเลย! ข้าว่าเราควรจ้างพวกคนขับรถม้าจะดีกว่านะ”
“เจ้าฟุ่มเฟือยเกินไปแล้ว” หยุนเชวี่ยเหลือบมองเหอยาโถว “หากจ้างรถม้า เราจะเสียเงินโดยใช่เหตุนะ”
เหอยาโถวเม้มริมฝีปากแน่น ขณะที่เข็นรถอยู่เข็นอยู่นั้น เขาก็พูดติดตลกขึ้นมาอีกครั้ง “ข้าคิดว่าเจ้ามีความคิดแบบเศรษฐีน้อยเสียอีก แต่เหตุใดถึงตระหนี่เช่นนี้!”
“เศรษฐีน้อยหรือ… เลิกฝันกลางวันได้แล้ว” หยุนเชวี่ยไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี นางพลันคิดในใจว่า… ใช่แล้ว สักวันหนึ่งนางจะต้องมีที่ดินอันอุดมสมบูรณ์นับพันไร่ มีเงินมากมายมหาศาลจนใช้ไม่หมด และกลายเป็นเศรษฐีให้ได้!
การเดินทางเข้าเมืองและส่งเนื้อสัตว์ให้ลูกค้าครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่น ถุงเงินในมือของหยุนเชวี่ยหนักอึ้ง มันส่งเสียงอันไพเราะทุกครั้งที่หยุนเชวี่ยเขย่า
เหอยาโถวที่เดินอยู่ด้านข้างพูดขึ้น “ฟังสิ เสียงเหรียญกระทบกันไพเราะกว่าเพลงที่ขับร้องโดยโสเภณีที่หอนางโลมซุยเซียงเสียอีก!”
“เจ้าเคยไปที่หอนางโลมซุยเซียงหรือ?” ซุยเซียงคือหอนางโลมแห่งเดียวที่ตั้งอยู่ในเมือง ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ เช่นหยุนเชวี่ยจะไม่รู้จักสถานที่แห่งนี้
เหอยาโถวเกาศีรษะ “ไม่เคย”
“แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไร?”
“เดาเอาน่ะ”
หยุนเชวี่ยนิ่งอึ้ง…
ทั้งสองพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน หยุนเชวี่ยเก็บถุงเงินไว้ในกระเป๋าด้านในเสื้อของตัวเองอย่างระมัดระวัง หลังจากเดินเลี้ยวตรงหัวมุมถนนได้สักสองสามก้าว เหอยาโถวก็อุทานเสียงดัง “โอ๊ย”
“เหตุใดถึงเดินไม่ดูทาง!” เหอยาโถวตะโกนพลางจับศีรษะ
คู่กรณีของเหอยาโถวโค้งตัวพร้อมกล่าวขอโทษซ้ำไปมา “ขอโทษขอรับ ๆ” ทันทีที่เงยหน้าขึ้น ชายหนุ่มก็พึมพำออกมาด้วยความประหลาดใจ “หะ เหตุใดนายน้อยคนนี้ถึงมีใบหน้างดงามราวกับสตรีเช่นนี้ ช่างน่าทึ่งเสียจริง!”
หยุนเชวี่ยเงยหน้าขึ้นมองเห็นนักพรตเต๋ายืนอยู่ด้านหน้าของเหอยาโถว นักพรตคนนี้มีรูปร่างสูงและผอม เคราของเขายาวมาก เสื้อผ้ายับยู่ยี่และสกปรก ชายผู้นี้ดูคุ้นตามาก
“โอ้ เจ้ามองออกด้วยหรือว่าข้าเป็นเด็กผู้ชาย?” เหอยาโถวกะพริบตาด้วยความประหลาดใจ
ดอกไม้งามแห่งหมู่บ้านไปซีนั้นแต่งตัวราวกับผู้หญิง และแน่นอนว่าเขางดงามกว่าสตรีบางคนในหมู่บ้านเสียอีก
นักพรตเต๋าส่งเสียงไอสองสามครั้งและแสร้งทำท่าทีแปลก ๆ ก่อนเหลือบตามองเหอยาโถว “ชาตินี้เจ้าเกิดมาเป็นผู้ชาย แต่ชาติที่แล้วเจ้าเป็นถึงนางฟ้าบนสวรรค์!”
หยุนเชวี่ยแทบหลุดหัวเราะออกมา
ทุกคนในหมู่บ้านไป่ซีต่างรู้ว่าเหอยาโถวนั้นมีโชคชะตาเป็นผู้หญิง ด้วยใบหน้าที่หวานหยดย้อยและการแต่งกายที่สวยสง่าจึงทำให้ไม่มีสตรีนางไหนในหมู่บ้านงามเทียบเท่าเขาได้เลย
“นางฟ้าหรือ? ถ้าอย่างนั้นบอกทีสิว่าข้าเป็นเทพธิดาหรือเป็นสาวทอผ้า?” เหอยาโถวเอ่ยถามด้วยความปลาบปลื้ม
นักพรตเต๋าเผยสีหน้าเคร่งขรึม “เป็นเทพธิดาที่ปรนนิบัติพระโพธิสัตว์กวนอิม”
“ฮ่า ๆ ๆ” หยุนเชวี่ยระเบิดหัวเราะโดยไม่สนใจนักพรตตรงหน้าพลางเดินหาเหอยาโถวเข้ามากระซิบ “เขาหลอกลวง อย่าต่อปากต่อคำของเขาเลย”
“เดี๋ยวสิ” เมื่อนักพรตเต๋าเห็นว่าทั้งสองคนกำลังจะเดินจากไป เขาจึงรีบก้าวไปขวางทางพวกเขาเอาไว้ “นายน้อย เจ้ามีเคราะห์ที่ต้องประสบกับเหตุนองเลือด! หากไม่สะเดาะเคราะห์ตอนนี้ เจ้าจะต้องเสียใจ!”
“ถุย! ไอ้คนหลอกลวง เจ้าอยากได้เงินถึงขั้นต้องสาปแช่งคนอื่นเลยหรือ? ถ้าอย่างนั้นเชื่อหรือไม่ว่าข้าจะไปที่สำนักงานบริหารและแจ้งว่าเจ้าเที่ยวสาปแช่งคนอื่นไปทั่ว!” หยุนเชวี่ยมองไปที่นักพรตพร้อมเอามือไพล่หลัง
ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะกล้าหลอกลวงคนอื่นตอนกลางวันแสก ๆ!
นักพรตเต๋าส่ายศีรษะพลางลูบเครา “ช้าก่อน!”
เขาต้องการแสร้งทำว่าตนเป็นนักพรตผู้สูงส่ง ทว่าชุดที่เขาสวมใส่นั้นช่างซอมซ่อซึ่งขัดกับสิ่งที่เขาอยากเป็น น่าขันเสียจริง
หยุนเชวี่ยหันมองรอบ ๆ พลางครุ่นคิดว่าชายผู้นี้ช่างคุ้นตาราวกับเคยเจอที่ไหนมาก่อน
“นายน้อยฟังข้าก่อน!” นักพรตเต๋าไม่ลดละความพยายามจึงกล่าวโน้มน้าวต่อ “ข้าเพียงต้องการช่วยท่านพ้นจากเคราะห์โศกเท่านั้น ไม่มีเจตนาหลอกลวงเลยแม้แต่น้อย…”
เหอยาโถวกลอกตาไปมา
หยุนเชวี่ยถอนหายใจด้วยความโมโห “อย่ามาขวางทางพวกข้าอีก ไม่เช่นนั้นเราจะตะโกนให้คนแถวนี้ช่วย!”
“แค่ก ๆ” นักพรตเต๋ามองไปรอบ ๆ พลางเผยท่าทีมีพิรุธก่อนกระซิบว่า “ข้ามีหม้อน้ำศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่นี่ พวกเจ้าไม่เชื่อสามารถไปตรวจสอบดูได้ว่าสิ่งที่ข้าพูดนั้นเป็นจริงหรือไม่?”
“หืม?” เหอยาโถวเลิกคิ้วขึ้น
นักพรตเต๋ากล่าวกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของเด็กทั้งสองคน จากนั้นหรี่ตาลงพร้อมลูบเคราก่อนเอามือจับบ่าของหยุนเชวี่ยและเหอยาโถว
เด็กทั้งสองตกตะลึงหลังจากถูกสัมผัสตรงบ่า พวกเขาเผยสีหน้าอยากรู้อยากเห็นก่อนหมุนตัวกลับไปมองนักพรตเต๋า และหยุนเชวี่ยจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เจ้าทำได้จริงหรือ?”
“อย่าเพิ่งรีบร้อนสิ!” นักพรตเต๋าล้วงขวดแก้วเล็ก ๆ ออกมาจากกระเป๋าเสื้อก่อนเปิดฝาขวดและเทของเหลวไม่มีสีลงไป
หยุนเชวี่ยที่ยืนอยู่ด้านข้างคอยจับตามองเขาอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากนางอยากรู้ว่านักพรตลูกนี้จะใช้ลูกไม้ไหนอีก
นักพรตกล่าวออก “นายน้อย โปรดวางมือไว้บนฝา”
เหอยาโถวมองนักพรตเต๋าด้วยความสงสัยก่อนยื่นมือออกไป
นักพรตเต๋าเก็บมือเข้าไปในแขนเสื้อพลางกล่าวอย่างมีเลศนัย “ถ้าน้ำในหม้อเปลี่ยนเป็นสีโลหิตแสดงว่าเร็ว ๆ นี้เจ้าจะต้องเผชิญกับลางร้ายครั้งใหญ่!”
“ใช้เวลานานแค่ไหน?” เหอยาโถวพลางมองลงไปในน้ำ
“นี่! นายน้อยอย่าเพิ่งรีบร้อนสิ!”
หยุนเชวี่ยที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ด้านข้างพลันนึกขึ้นได้ว่าเคยเจอนักพรตเต๋าผู้นี้ที่ใด! เขาคือนักพรตที่โดนคนจากบ่อนกระทืบ อีกทั้งยังเป็นคนเดียวกับที่กินบะหมี่ร้านของหวังเอ๋อแล้วชักดาบใช่หรือไม่?
ชายผู้นี้ไม่กลัวตายจริง ๆ! เขากล้ามากที่ติดเคราปลอมและแต่งกายเที่ยวหลอกลวงผู้คนในมณฑลอันผิง!
ขณะที่หยุนเชวี่ยกำลังจะเปิดโปงชายผู้นี้ น้ำในหม้อก็เปลี่ยนเป็นสีโลหิตเสียก่อน
ขากรรไกรของเหอยาโถวอ้าค้างด้วยความตกตะลึง เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อ
กลลวงตาสินะ…
วิธีการทำให้ของเหลวใสไม่มีสีเปลี่ยนเป็นสีโลหิตคือการที่นักพรตเต๋าผู้นี้ใส่ไตรวาเลนต์ลงไปในน้ำเพื่อทำให้เกิดปฏิกิริยารีดอกซ์
เหอยาโถวผู้ไม่รู้ถึงกลลวงมองหยุนเชวี่ยด้วยความตื่นตระหนกราวกับกลัวว่าจะเกิดเหตุนองเลือดขึ้นจริง
หยุนเชวี่ยหัวเราะเยาะเสียงดัง “ท่านนักพรตจ่ายหนี้ที่ติดค้างไว้กับบ่อนพนันหมดแล้วหรือเจ้าคะ?”
ใบหน้าของนักบวชเต๋าซีดเผือดทันที แต่ถึงกระนั้นเขายังแสร้งทำเป็นไม่รู้เพื่อกลบเกลื่อน “สาวน้อย เจ้าจำคนผิดแล้ว! ข้าไม่เคยเข้าบ่อนพนันเลยสักครั้ง!”
“อ้อ ใช่สิ” หยุนเชวี่ยเอามือทาบหน้าอกพลางมองนักพรตตั้งแต่หัวจรดเท้า “แล้วเรื่องที่ร้านบะหมี่ของหวังเอ๋อล่ะ ท่านจ่ายค่าขาไก่ให้เขาหรือยัง?”
นักพรตเต๋าตกตะลึง…
หลังจากเดินเตร็ดเตร่อยู่บนถนนสายนี้เป็นเวลาสองวัน ในที่สุดเขาก็เจอเหยื่อที่เป็นเด็กที่อยู่ตามลำพังกันสองคน แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกเปิดโปงเสียก่อน
“ดูเหมือนว่าความจำของข้าจะเลอะเลือน” หยุนเชวี่ยชี้ไปทางทิศให้ของถนน “แต่ข้าว่าอาสี่ของหวังเอ๋อที่เปิดร้านขายเนื้อหมูอยู่ด้านหน้า…”
“…”
นักพรตเต๋าตัวแข็งทื่อด้วยความตกตะลึง
เมื่อได้ยินเช่นนั้น นักพรตเต๋าจึงหันหลังกลับและออกตัววิ่งด้วยความตื่นตระหนก ทว่าหยุนเชวี่ยดึงเคราปลอมของเขาไว้เสียก่อน
“โอ๊ย ๆ ๆ!” นักพรตเต๋าร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด เนื่องจากหยุนเชวี่ยกำเคราปลอมของเขาอยู่
ทันใดนั้นเคราปลอมก็หลุดออกมา เผยให้เห็นใบหน้าอันอ่อนวัยของนักพรต
ที่แท้มันคือเคราปลอม!
เมื่อเห็นเช่นนั้น เหอยาโถวจึงปะติดปะต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ทันที เขาจึงเดินเข้าไปหมายจะจับตัวนักพรต แต่ชายคนนั้นก็ตะโกนเสียงดังว่า “ถุงเงินของเจ้าตก!”
เหอยาโถวก้มลงมองบนพื้น ขณะที่ชายคนนั้นออกตัววิ่งอย่างรวดเร็ว
“ถุย! ไอ้คนลวงโลก! อย่าให้ข้าเจอเจ้าอีกแล้วกัน!” เหอยาโถวกำลังจะวิ่งตามนักพรตจอมปลอม แต่หยุนเชวี่ยห้ามเขาไว้เสียก่อน
“ช่างเขาเถอะ วันนี้เจ้าไม่ได้สั่งสอนเขา วันหน้าก็ต้องมีคนอื่นสั่งสอนเขาอยู่ดี”