เฟิงฮองเฮาเอ่ย “หม่อมฉันเคยตักเตือนนางมาแล้ว เด็กคนนั้นมีนิสัยดื้อดึงตั้งแต่เด็ก ถูกเอาอกเอาใจมามาก จึงต้องค่อยๆ งำประกายบ้าง”
“อีกอย่าง” นิ้วพระหัตถ์ฮ่องเต้ค่อยๆ เคาะโต๊ะทรงพระอักษรเบาๆ แล้วพูดขึ้น “เจิ้นปรารถนาที่จะตรัสอะไรเพิ่มเติมสองสามคำ น้องเจ็ดเป็นคนดีที่จงรักภักดี ไม่มีทางหักหลังแน่นอน จวินเจ๋อร์ก็ถือว่าดีมาก ตอนนี้ก็ประสบความสำเร็จด้านการรบ อนาคตย่อมส่งเสริมให้จวนเฉิงอ๋องเจริญรุ่งเรืองขึ้น นี่ก็เพียงพอแล้ว ภายภาคหน้าเหยาเอ๋อร์ยังต้องตามหาบุรุษที่รับผิดชอบต่อหน้าที่ที่พึงกระทำ แล้วใช้ชีวิตที่สันติสุข”
เฟิงฮองเฮาได้ยินจึงสะดุ้งพระทัย เหงื่อเย็นผุดออกมาเล็กน้อย จึงลุกขึ้นพลางตอบกลับ “หม่อมฉันรับรู้ในน้ำพระทัยของฮ่องเต้เพคะ”
“เจ้าคอยควบคุมดูแลวังหลัง และคอยดูแลงานเรือนแทนเจิ้น เจิ้นได้กลายเป็นคู่สามีภรรยากับเจ้า ทำให้เจิ้นรู้สึกวางใจยิ่งนัก” ฮ่องเต้ตรัสจบก็เหยียดกายลุกขึ้น แล้วตรัสขึ้นอีก “เจิ้นยังมีกิจธุระทางราชการที่ต้องสะสางอีกมากมาย คืนนี้จะบรรทมที่ห้องทรงพระอักษร”
เฟิงฮองเฮาพลันค้อมตัวน้อมส่ง รอให้ฮ่องเต้เสด็จออกไป ถึงลอบถอนหายใจออกมา ฮ่องเต้ต้องไม่มีทางปล่อยให้จวนเฉิงอ๋องขยายอำนาจและอิทธิพลแน่นอน เว่ยจางคือคนสำคัญของฮ่องเต้ ดังนั้นคงไม่มีทางให้เขากลายเป็นราชบุตรเขยของจวนเฉิงอ๋อง ตระกูลเว่ยเหลือแค่เขาเพียงคนเดียว จึงไม่มีอำนาจและอิทธิพลที่ยิ่งใหญ่ ดังนั้นเขาถึงพระราชทานงานพิธีสมรสให้กับบุตรีของขุนนางฝ่ายบุ๋นขั้นสอง ถึงจะรู้สึกวางพระทัย
ในจวนติ้งโหว เหยาเฟิ่งเกอที่ตั้งครรภ์แปดเดือนกำลังอุ้มท้องโตๆ เดินเล่นในหลังสวนพฤกษา ซานหูที่พยุงอยู่ด้านข้างยิ้มพลางเสวนากับนาง ทั้งสองนายบ่าวต่างก็พูดคุยกับอย่างรื่นเริง
เหยาเฟิ่งเกอเปรยขึ้น “ใครก็นึกไม่ถึงว่าน้องรองกลับกลายเป็นเช่นนี้”
ซานหูคลี่ยิ้ม “คุณหนูรองได้รับพระราชทานงานสมรสจากฮ่องเต้ แม้กระทั่งดวงหน้าของฮูหยินผู้เฒ่ายังชื่นบานปานนั้น”
“คำพูดนี้กล่าวถูก ถ้าเป็นท่านพ่อก็ยิ่งดีใจเข้าไปกันใหญ่” เหยาเฟิ่งเกอใช้มือข้างหนึ่งจับท้องของตน พลางอุทานด้วยรอยยิ้ม พอนึกถึงเรื่องในใจของตนเอง นางเริ่มรู้สึกแสบตาเล็กน้อย
“น้องสะใภ้สาม” เฟิงฮูหยินน้อยพาสาวใช้สองคนเดินมาจากด้านข้าง พอเห็นเหยาเฟิ่งเกอ จึงยื่นมือออกมาลูบจับท้องกลมๆ ของนางด้วยรอยยิ้ม พลางเอ่ยถาม “หลายวันมานี้เป็นเช่นไรบ้าง ทารกในครรภ์เชื่อฟังหรือไม่”
เหยาเฟิ่งเกอยิ้ม “ตอนกลางวันยังดี ทว่ากลางคืนก่อนนอนมักจะถีบท้องข้าสองที”
“ช่างเป็นทารกหญิงที่ซุกซนจริงๆ” เฟิงฮูหยินน้อยพูดด้วยรอยยิ้ม
เหยาเฟิ่งเกอมั่นใจว่าครรภ์นี้ต้องเป็นบุตรีแน่นอน แม้นจะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ทว่าพอครุ่นคิดอย่างละเอียดก็รู้สึกพึงพอใจ ตอนนี้นางแค่หวังว่าตนจะคลอดบุตรออกมาอย่างราบรื่น อนาคตไม่ว่าอย่างไร ก็มีบุตรีอยู่ข้างกายแล้ว ตอนแก่เฒ่ามาก็คงไม่มีทางไร้ซึ่งที่พึ่งพิง
พวกนางเดินเล่นกันในสวนพฤกษา ระหว่างที่เสวนากัน ประเด็นที่ขาดไม่ได้ในบทสนทนาก็คือเรื่องงานแต่งพระราชทานของเหยาเยี่ยนอวี่จากฮ่องเต้
เฟิงฮูหยินน้อยเปรยขึ้น “ท้ายที่สุดคนทำดีก็ย่อมได้ดี ฮ่องเต้ทรงมอบเกียรติยศนี้แก่ข้าหลวงเหยา แม้กระทั่งน้องสะใภ้ยังได้หน้าได้ตาเช่นนี้ อนาคตคุณหนูรองแต่งเข้ามาในเมืองหลวง จะได้คอยช่วยเหลือและพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน เจ้าไม่ต้องรู้สึกโดดเดี่ยวอีกต่อไป”
เหยาเฟิ่งเกอยิ้ม “ขอให้เป็นไปตามคำมงคลของพี่สะใภ้ใหญ่ ข้าก็ปรารถนาว่าจะเป็นเช่นนี้” ด้วยเหตุที่เอ่ยถึงพี่น้องช่วยเหลือกันและกัน เหยาเฟิ่งเกอก็นึกถึงหลายวันมานี้เฟิงฮูหยินน้อยมัวแต่ยุ่งกับเรื่องที่จะให้เฟิงซิ่วอวิ๋นแต่งเข้ามาในเรือน จึงเกลี้ยกล่อม “หลายวันมานี้พี่สะใภ้ยุ่งวุ่นวายมากนัก ทว่าอย่างไรควรรักษาสุขภาพร่างกายให้ดี”
เฟิงฮูหยินน้อยส่ายหน้า “ข้าไม่ได้ยุ่งอะไรมากมาย ก็แค่คอยดูพวกเขาเก็บกวาดเรือนเท่านั้น เรื่องใหญ่ก็กระทำตามประเพณีและกฎระเบียบอันเก่าแก่ของจวน เรื่องเล็กก็ไม่ต้องให้ข้าคอยกังวล ข้าแค่รอคอยวันที่น้องสาวยกน้ำชามาให้ข้าดื่มก็พอแล้ว”
คำพูดนี้มีความรู้สึกเย้ยหยันตนเองแอบแฝงอยู่ ทำให้นางรู้สึกประหม่ายิ่งนัก เหยาเฟิ่งเกอไม่รู้จะปลอบโยนนางอย่างไร แค่ยกมือตบมือของเฟิงฮูหยินน้อยเบาๆ สื่อให้เห็นว่ากำลังปลอบโยนนางอยู่
ในทางกลับกัน ซูอวี้เหิงที่ได้ยินเรื่องที่ฮ่องเต้ทรงพระราชทานงานสมรส ก็รู้สึกปิติยินดีอย่างยิ่ง จากนั้นจึงไปกล่าวคำอวยพรกับเหยาเฟิ่งเกอ แล้วไปหาหันหมิงชั่นในจวนองค์หญิงใหญ่
หันหมิงชั่นกำลังครุ่นคิดว่าควรส่งมอบสิ่งใดเพื่อเป็นการอวยพรเหยาเยี่ยนอวี่ดี ซูอวี้เหิงมาเยือนพอดี ทั้งสองปรึกษาหารือกันไปครึ่งค่อนวัน แล้วได้เตรียมของขวัญอวยพรสี่อย่าง ทั้งยังเขียนจดหมายไปหนึ่งฉบับ
ตอนที่ตอบจดหมายกลับไปจู่ๆ หันหมิงชั่นก็นึกถึงเหยาเยี่ยนอวี่ที่เคยบอกนางเรื่องสถานการณ์ของจิ้งไห่โหว ภายในใจมีความรู้สึกที่ค่อนข้างแปลก ทว่าพอครุ่นคิดอย่างละเอียด ตนกับเซียวหลินก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกัน นางจึงอดกลั้นความรู้สึกหวั่นไหวนั้นไว้
วันที่เหยาเยี่ยนอวี่ได้รับของขวัญอวยพรและจดหมายที่ซูอวี้เหิงส่งมา เป็นวันที่สองที่พระราชโองการส่งมาถึงพอดี นั่นก็คือวันไหว้บ๊ะจ่าง คนของจวนองค์หญิงใหญ่ทำงานได้น่าไว้วางใจ ของส่งมาถึงจวนข้าหลวงใหญ่ แน่นอนว่าต้องเจอหน้าคุณหนูรองเเหยาเสียก่อน ถึงจะนับว่าได้ส่งของถึงที่แล้ว
วันนี้เดิมทีเว่ยจางอยากจัดงานเลี้ยงที่ทะเลสาบซีซิน แล้วเชิญชวนข้าหลวงเหยาและคุณชายเหยาทั้งสองท่านร่วมดื่มสุราสังสรรค์ เหตุเพราะมีพระราชโองการลงมา จึงต้องทำให้งานเลี้ยงครั้งนี้อลังการและยิ่งใหญ่เพิ่มขึ้นหลายเท่า จนกลายเป็นว่าข้าหลวงเหยาเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงที่ทะเลสาบซีซินแทน แล้วยังเชิญชวนญาติมิตรในเมืองเจียงหนิงไปร่วมรื่นเริงยินดีในงานสมรสของบุตรีตนเอง
ระหว่างที่กำลังยุ่งวุ่นวาย บ่าวจึงเข้ามารายงานว่าคนของจวนองค์หญิงใหญ่มาเยือน
เจียงฮูหยินน้อยเชิญคนไปที่โถงข้าง แล้วค่อยสั่งคนไปบอกเหยาเยี่ยนอวี่
เหยาเยี่ยนอวี่กำลังถูกเฝิงหมัวมัว ชุ่ยเวยและชุ่ยผิงจับแต่งกายอย่างประณีต อากาศในเดือนห้าช่างร้อนอบอ้าวนัก ทว่าเสื้อผ้าที่สวมใส่ออกนอกจวนกลับเป็นผ้าหลายชั้น ตอนนี้เหยาเยี่ยนอวี่ใส่ผ้าไปสี่ชั้นแล้ว เสื้อผ้าที่วางอยู่ตรงนั้นยังไม่รู้ว่ายังมีอีกกี่ชั้นที่ต้องใส่ คุณหนูเหยาจึงใกล้จะเป็นบ้าขึ้นมาทันที เลยพร่ำบ่นโดยตรง “ข้าไม่ไปแล้ว! ก็แค่การแข่งขันเรือมังกร ข้าไม่ไปดูแล้ว! มันก็ไม่มีอะไรน่าดู ข้าถูกเสื้อผ้าพวกนั้นห่อหุ้มจนร้อนอบอ้าวจวนจะตายแล้ว…”
เจียงฮูหยินน้อยสั่งให้คนมารายงาน “เรียนคุณหนูรอง จวนองค์หญิงใหญ่มีคนมาเยือน บอกว่ามาส่งของขวัญและจดหมายอวยพรให้คุณหนูเจ้าค่ะ”
“อ๊า! พี่หัน!” เหยาเยี่ยนอวี่พยันเอ่ยถาม “พวกเขาอยู่ไหน”
บ่าวตอบกลับด้วยด้วยรอยยิ้ม “ฮูหยินน้อยใหญ่กำลังจิบน้ำชาเป็นเพื่อนอยู่ตรงหน้าโถงเสี่ยวฮวา ฮูหยินน้อยใหญ่บอกว่าหากคุณหนูแต่งกายเสร็จก็ให้ไปพบหน้าเจ้าค่อ คนขององค์หญิงใหญ่เหมือนยังไม่รู้สึกวางใจเลยเจ้าค่ะ”
เหยาเยี่ยนอวี่คลี่ยิ้ม “นี่มีอะไรไม่น่าไว้วางใจเล่า คิดว่าคุณหนูหันต้องมีอะไรที่อยากคุยกับข้าแน่นอน” ขณะที่พูด ก็เร่งเฝิงหมัวมัวอีกครั้ง “หมัวมัว ขอร้องเถอะ สวมเสื้อผ้าให้น้อยลงสองชั้นได้ไหม!”
เฝิงหมัวมัวดื้อดึงที่จะเก็บทุกรายละเอียดในการแต่งกายให้คุณหนูเหยา หลังจากที่ตรวจสอบความเรียบร้อยทั้งหน้าและหลังเครื่องแต่งกายไปหนึ่งรอบ ถึงจะยิ้มอย่างสบายใจ “เสร็จแล้วเจ้าค่ะ!”
เหยาเยี่ยนอวี่ค้อมตัวลงไปเก็บพัดของตน จากนั้นเดินไปด้านหน้าอย่างเร่งรีบ
บ่าวสองคนที่หันหมิงชั่นส่งมาไม่ใช่ใครอื่นใด นั่นก็คือภรรยาของสองพี่น้องหันจวิ้นจงและหันจวิ้นเซี้ยวที่คอยดูแลการปรุงยาสมานรอยแผลเป็นของเหยาเยี่ยนอวี่ ก่อนหน้านี้ สามีของสองคนนี้รับผิดชอบแค่งานสองงานของจวนเจิ้นกั๋วกงเท่านั้น แม้นไม่ถึงขั้นอดอยากจวนตาย ทว่าก็ไม่มีอนาคตที่ดีงามอะไร หลังจากที่ออกมารับผิดชอบหน้าที่ใหม่ จึงมีอนาคตก้าวไกล
ทั้งสองเห็นเหยาเยี่ยนอวี่จึงรู้สึกเกรงใจอย่างมาก ต่างเดินหน้ามาน้อมทำความเคารพด้วยความเคารพนับถือ ท่าทีนั้นแตกต่างจากตอนที่ปฏิบัติกับเจียงฮูหยินน้อย
เจียงฮูหยินน้อยที่อยู่ด้านข้างเห็น แม้นภายในใจจะค่อนข้างรู้สึกไม่พอใจ ทว่ายิ่งไปกว่านั้นก็ยังอดนับถือน้องสาวอนุภรรยาคนนี้ไม่ได้ หากไม่มีความสามารถบ้าง ก็คงมิอาจเข้าตาองค์หญิงใหญ่ บ่าวขององค์หญิงใหญ่จะทำเช่นนี้ได้อย่างไร
สาวใช้สองคนสั่งให้คนยกหีบเข้ามาหนึ่งกล่อง พอเปิดออก ข้างในมีเครื่องประดับสี่อย่าง มีปิ่นหงส์หนึ่งคู่ หยกแขวนสลักลายสองเทพแห่งความรักใคร่ปรองดองหนึ่งคู่ เข็มขัดพลอยทับทิมรูปทรงดอกบัวหนึ่งคู่ และกำไลลายสิริมงคลมังกรกับหงส์อันล้ำค่าหนึ่งคู่ ทุกอย่างล้วนเป็นคู่ เหยาเยี่ยนอวี่เห็นจึงค่อนข้างเขินอาย พลางพลันเปิดจดหมายขึ้นมาอ่าน