เซี่ยยวี่หลัวไม่กล่าวอะไรแม้แต่คำเดียว ล้างดอกไม้อย่างตั้งอกตั้งใจ เพ่งสมาธิไปกับงานที่ทำอยู่ จะได้ไม่ต้องรู้สึกขัดเขิน
เซียวยวี่หันมองเซี่ยยวี่หลัวเป็นครั้งคราว นางตั้งใจเป็นอย่างมาก ใบหน้าด้านข้างที่งดงามแสดงสีหน้าเรียบสงบ สายตามองทอดไปที่มือของตนเอง แทบจะไม่แยแสเขา!
ในที่สุดก็ทนไม่ไหวแล้ว เซียวยวี่ปริปากพูด “ดอกเหริ่น… จินหยินนี่ มีสรรพคุณตามที่เจ้ากล่าวมาจริงหรือ? ”
เซียวยวี่เอ่ยถาม เซี่ยยวี่หลัวไม่ตอบไม่ได้ “มีแน่นอน ฤดูร้อนเหงื่อออกเยอะ ผิวมักจะมีสิวขึ้น ใช้สบู่ดอกจินหยินอาบน้ำ สามารถชะล้างสิ่งสกปรกบนร่างกายได้ เช่นนั้นก็จะไม่มีสิวขึ้น! นอกจากนั้น ยังเย็นสบาย ล้างพิษได้ และทำให้ผิวเรียบเนียนด้วย! ”
“ดูท่าดอกจินหยินนี่เป็นสมบัติล้ำค่าเสียจริง! ” เซียวยวี่กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“เจ้าอย่าได้ดูแคลนดอกไม้ดอกเล็กเหล่านี้เชียว พวกเราไม่เพียงแต่สามารถนำมันมาทำสบู่ได้ ยังสามารถตากแห้งแล้วชงน้ำดื่ม มีเครื่องดื่มชนิดหนึ่งชื่อว่าน้ำดอกจินหยิน ดื่มเจ้านี่ในฤดูร้อนสามารถคลายร้อนล้างพิษ ผลลัพธ์ดีเป็นพิเศษ ถึงแม้ข้าจะทำไม่ได้ แต่ผลลัพธ์จากการนำดอกจินหยินชงน้ำดื่มก็ดีเช่นกัน! ”
เซี่ยยวี่หลัวกล่าวอย่างฉะฉาน เมื่อพูดถึงเรื่องที่นางชำนาญย่อมพูดจนหยุดไม่ได้
เซียวยวี่หันมองเป็นระยะ เมื่อเห็นเซี่ยยวี่หลัวที่มีชีวิตชีวา ก็ไม่อยากรบกวน
เสียงของนางประหนึ่งเสียงนกขมิ้นที่บินออกจากหุบเขา ใสกังวานทรงเสน่ห์ ทั้งยังเหมือนสายน้ำไหลเอื่อย ไพเราะน่าฟัง
วาจาเหล่านั้นลอยเข้ามาในโสตประสาทคำแล้วคำเล่า ก่อนจะลอยเข้าสู่กลางใจ
หยุดพักอยู่กลางใจ ทิ้งรอยประทับที่แจ่มชัดไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า น้ำเสียงของนาง ช่างไพเราะเสียจริง!
จวบจนเซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งกลับมา ทั้งสองคนยังพูดคุยกันอยู่
เวลาส่วนใหญ่ล้วนเป็นเซี่ยยวี่หลัวที่กำลังพูด ส่วนเซียวยวี่คอยถาม
“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ ล้างเสร็จหรือยังขอรับ? ” เซียวจื่อเซวียนเอ่ยถาม
เซี่ยยวี่หลัวเพิ่งรู้ตัว เหมือนว่าตั้งแต่เด็กสองคนกลับไป นางก็พูดไม่หยุด พูดจนรู้สึกกระหายน้ำ
เดิมทีนางไม่มีอะไรจะคุยกับเซียวยวี่ไม่ใช่หรือ? เหตุใดวันนี้ถึง…
เดิมทีคิดว่าช่วงเวลาที่อยู่กับเซียวยวี่ตามลำพังจะผ่านไปได้อย่างยากลำบาก ใครจะรู้ ว่าเซียวยวี่จะเปิดหัวข้อสนทนากับนาง ทำให้นางไม่รู้สึกขัดเขินเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังไม่รู้สึกว่าน่าเบื่อด้วย
มิน่าล่ะในอนาคตเซียวยวี่ถึงได้เป็นท่านราชบัณฑิตน้อย หากเขาเอ่ยปากพูด ก็จะทำให้ผู้อื่นไม่รู้สึกขัดเขิน นอกจากนั้น ตั้งแต่ต้นจนจบ ยังทำให้เซี่ยยวี่หลัวเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดด้วย
ราวกับว่านางมีเรื่องราวคุยกับเขาไม่รู้จบ
เซี่ยยวี่หลัวรีบปิดปาก ไม่กล่าวอะไรอีก ก้มหน้าล้างดอกจินหยินอย่างตั้งอกตั้งใจ ภายในใจเต็มไปด้วยความสงสัยเต็มประดา
เซียวยวี่ถึงกับเริ่มสนทนากับนางเอง ทั้งยังให้นางกล่าววาจามากมายถึงเพียงนี้ เขาเป็นคนชอบความเงียบสงบไม่ใช่หรือ? จะทนฟังนางกล่าวไม่หยุดได้อย่างไร?
เซียวยวี่ล้างดอกจินหยินในกระชอนอย่างตั้งอกตั้งใจ เป็นครั้งแรกที่พบว่า ดอกเล็กสีเหลืองทองนี่ ดูไปแล้วมีขนาดเล็ก เดิมทีคิดว่าเป็นเพียงดอกไม้ป่าไร้นามในเขาลึก ใครจะรู้ว่ามันมีสรรพคุณดีเยี่ยมเช่นนี้ด้วย
เหมือนกับมนุษย์ คนที่เดิมทีคิดว่าไม่มีอะไรดี ใครจะรู้ ว่าภายในใจนางกลับเก็บซ่อนฟ้าดินกว้างใหญ่เอาไว้
เหลือดอกจินหยินอีกครึ่งถัง วางกระจายในกระชอนไม้ไผ่ จากนั้นแกว่งไปมาในน้ำ ล้างฝุ่นผงบนดอกไม้จนสะอาด กวนเบาๆ ทีหนึ่ง ก็ถือว่าล้างสะอาดแล้ว
เซียวจื่อเมิ่งยื่นส่งถุงน้ำให้เซี่ยยวี่หลัวอย่างรู้ความ “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านกระหายหรือไม่เจ้าคะ? ดื่มน้ำเจ้าค่ะ”
กระหายแล้วจริงๆ พูดมากเกินไป
เซี่ยยวี่หลัวรับถุงน้ำมาดื่มคำใหญ่ ก่อนส่งกลับให้เซียวจื่อเมิ่ง ไม่ลืมที่จะเอ่ยชมนาง “จื่อเมิ่งช่างรู้ความเสียจริง”
เซียวจื่อเมิ่งหัวเราะร่า หันไปยื่นส่งถุงน้ำให้เซียวยวี่ “พี่ใหญ่ ดื่มน้ำเจ้าค่ะ”
เซี่ยยวี่หลัว “นั่นเป็นของที่ข้า…”
เมื่อครู่นางดื่มแบบประกบปาก
เซียวยวี่เหมือนจะไม่รู้ว่าเมื่อครู่นางดื่มแบบประกบปาก ยื่นมือรับไป แหงนหน้าดื่ม
เขาดื่มแบบประกบปากเหมือนเซี่ยยวี่หลัว เซี่ยยวี่หลัวหน้าขึ้นสีแดงทันที
นี่เรียกว่าอะไร? ทำเรื่องนั้นทางอ้อมอย่างนั้นหรือ?
เซี่ยยวี่หลัวคิดถึงคำนั้น ก็หน้าแดงไปถึงใบหู
นางแอบชำเลืองมองเซียวยวี่แวบหนึ่ง ก่อนจะก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว
ล้างดอกไม้เสร็จแล้ว ทั้งสี่คนกลับบ้าน
คราวนี้เซียวยวี่หิ้วน้ำเต็มถังหนึ่งถังเดินอยู่ด้านหลัง เซี่ยยวี่หลัวหิ้วถังน้ำหนึ่งถัง เซียวจื่อเซวียนก็หิ้วหนึ่งถัง เซียวจื่อเมิ่งถือกระชอนไม้ไผ่ ทั้งสามคนเดินอยู่ด้านหน้า เสียงพูดคุยหัวเราะของเซี่ยยวี่หลัวดังขึ้นจากด้านหน้าเป็นครั้งคราว เซียวยวี่ได้ยินแล้วก็รู้สึกอยากฟังด้วย
อยู่ข้างกายเขา เหตุใดนางถึงไม่เคยเบิกบานใจเช่นนี้เล่า?
เมื่อเห็นเซี่ยยวี่หลัวยิ้ม เซียวจื่อเซวียนรู้สึกว่าภายในใจตัวเองก็กำลังยิ้มอย่างเบิกบาน
กลับถึงบ้าน เซียวยวี่หิ้วถังน้ำเข้าไปในห้องครัว ข้าวหุงเสร็จแล้ว ส่งกลิ่นหอมกรุ่นออกมาเป็นครั้งคราว ผักจากสวนหลังบ้านก็ถูกเด็ดมาล้างและหั่นไว้แล้ว เซี่ยยวี่หลัววางกระด้งไม้ไผ่ที่สะอาดไว้ในลานบ้านจำนวนหนึ่ง วางดอกจินหยินที่ล้างเสร็จแล้วกระจายกันบนนั้น เพื่อตากให้น้ำแห้ง ผ่านการตากลมยามค่ำคืนอีกหนึ่งคืน ก็ตากแห้งแล้ว
หลังจากจัดการดอกจินหยินสองถังเสร็จ เซี่ยยวี่หลัวหิ้วถังน้ำเข้าไปในห้องครัว
ภายในหม้อด้านในส่งกลิ่นหอมของข้าวลอยออกมาเป็นระลอก ในตะกร้าไม้ไผ่สานใบเล็กมีผักที่จะกินเย็นนี้วางอยู่
มะเขือยาว พริก ถั่วฝักยาว ยังมีแตงกวา ล้างจนสะอาดและหั่นไว้เรียบร้อย แค่ผัดก็เพียงพอแล้ว
ฟืนในเตามีคนจุดให้ เซียวจื่อเซวียนนั่งอยู่ด้านหลังเตาไฟ เริ่มใส่ฟืน
เซี่ยยวี่หลัววางถังไม้ไว้ข้างโอ่งน้ำ เหลือบมองโอ่งน้ำแวบหนึ่งอย่างไม่ใส่ใจนัก ภายในโอ่งมีน้ำอยู่เต็ม ล้วนเป็นน้ำสะอาด
เซี่ยยวี่หลัวเคยคำนวณไว้ จะเติมน้ำให้เต็มหนึ่งโอ่ง ต้องหาบน้ำห้าถัง ตามปริมาณที่เซียวจื่อเซวียนสามารถหาบได้เพียงครั้งละครึ่งถัง เขาหาบหนึ่งครั้ง นับเป็นหนึ่งถัง ในภายหลังเซียวยวี่หาบอีกหนึ่งครั้ง รวมกันมีน้ำแค่สามถัง ภายในบ้านล้างผัก ต้องใช้น้ำสองถึงสามถัง หากหาบน้ำมาแค่สามถัง ใช้น้ำไปอีกสามถัง เช่นนั้นตามที่เซียวจื่อเซวียนบอก น้ำในโอ่งน้ำก็น่าจะใกล้หมดแล้ว แต่นี่น้ำเต็มจนจะล้นออกมา เซียวจื่อเซวียนยังบอกว่าน้ำหมด ดูท่าน้ำหมดจะเป็นเรื่องเท็จ แต่อาศัยเรื่องนี้เพื่อพาเซียวจื่อเมิ่งไปถึงจะเป็นเรื่องจริง!
เซี่ยยวี่หลัวถอนหายใจ หันกลับไปมองด้วยความอ่อนใจ มองดูเซียวจื่อเซวียนที่นั่งใส่ฟืนอยู่ด้านหลังเตาไฟด้วยท่าทางกระตือรือร้น
ดูมีความสุขเป็นพิเศษ
เซียวจื่อเซวียนไม่รู้เลยว่าพี่สะใภ้ใหญ่กำลังเพ่งมองเขาด้วยความคับข้องใจ เขามีความสุขเป็นอย่างมาก อย่างไรเสียเขาก็รู้สึกว่าช่วงหลายวันมานี้ความสัมพันธ์ของพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่ดีขึ้นมาก เมื่อก่อนทั้งสองคนพบหน้ากันไม่พูดไม่จา ตอนนี้คุยกันแล้ว นี่ถือว่ามีความก้าวหน้าไม่ใช่หรือ?
เซียวจื่อเซวียนมีความสุข หันไปมอง กลับเห็นพี่สะใภ้ใหญ่กำลังยืนมือกอดอกเพ่งมองตนเอง แววตาแฝงเร้นด้วยความคับข้องใจอย่างชัดเจน เซียวจื่อเซวียนตกใจจนแหนบคีบฟืนแทบหลุดมือ
“พี่… พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านเป็นอะไรไปขอรับ? ”
“จื่อเซวียน เจ้าคิดว่าพี่สะใภ้ใหญ่ดีต่อเจ้าหรือไม่? ” เซี่ยยวี่หลัวเอ่ยถามอย่างคับข้องใจ