คนที่เหลือต่างมีสีหน้าฉงน ชายแก่จึงทำได้เพียงมองไปยังราชาซิวหลิง “น้องซิวหลิง เจ้าว่าเรื่องนี้?”
ราชาซิวหลิงถอนหายใจ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงลำบากใจ “พี่ไป๋ เรื่องนี้…ข้าคงช่วยอะไรไม่ได้”
“แต่มันเป็นกับดักอย่างเห็นได้ชัด!” ชายแก่ผงะ ก่อนจะอธิบาย “น้องซิวหลิง เจ้าก็รู้ว่าคนของโลกสวรรค์…”
“เฮ้อ เรื่องนี้ข้ารู้” ราชาซิวหลิงพยักหน้า พร้อมกับถอนหายใจออกมา เขามองไปยังทิศทางของคนที่จากไป “แต่ว่าคนที่หายตัวไปไม่ใช่วิญญาณธรรมดา แต่เป็นผู้ฝึกฝนด้วยพลังวิญญาณของเขตหมิ่นเฟิน! เรื่องของที่นั่น ถึงข้าอยากจะช่วยก็คงช่วยไม่ได้”
ทั้งสามคนผงะ ก่อนจะถามขึ้น “เขตหมิ่นเฟินมีอะไรพิเศษหรือ”
“ไม่เพียงพิเศษ” ราชาซิวหลิงถอนหายใจออกมาอีกครั้ง “เรื่องนี้อย่าว่าแต่ข้าช่วยไม่ได้ ถึงจะเป็นท่านราชายมโลกก็คงยากที่จะแทรกแซง”
ทั้งสามคนสบตากันอีกครั้ง เขตหมิ่นเฟินพิเศษถึงเพียงนี้ ไม่ใช่บ้านของเถิงสีหรือ
“ที่นั่นคือที่ไหน”
“เขตหมิ่นเฟินอยู่ในพื้นที่ส่วนลึกสุดของยมโลก ที่นั่น…” ราชาซิวหลิงหยุดชะงักลง เหลือบตามองคนทั้งหลาย ก่อนจะพูดขึ้น “ใกล้กับโลกปีศาจ!”
“โลกปีศาจ!” ทั้งสามคนตกตะลึง ชายแก่พูดโพล่งออกมา “ประตูของโลกปีศาจถูกผนึกไว้แล้วไม่ใช่หรือ ภายในสามโลกไม่มีเผ่าพันธุ์ปีศาจอีกต่อไป”
“เป็นอย่างที่ท่านว่า” ราชาซิวหลิงถอนหายใจออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะอธิบาย “แต่ว่ายมโลกเชื่อมกับโลกปีศาจตั้งแต่เดิมอยู่แล้ว ประตูปีศาจที่ถูกผนึกตั้งอยู่ในยมโลก เพียงแต่เผ่าพันธุ์ปีศาจมีนิสัยโหดเหี้ยม มักติดจะล่วงล้ำเขตแดน ดังนั้นในพื้นที่ส่วนลึกของยมโลกมีสถานที่สำหรับกำจัดปีศาจ ไม่เคยมีวิญญาณตนใดกล้าที่จะเข้าใกล้ สถานที่แห่งนั้นก็คือเขตหมิ่นเฟิน”
“ทุกท่านอาจไม่รู้” ราชาซิวหลิงพูดด้วยความภาคภูมิใจและศรัทธา “ประตูปีศาจถึงแม้จะถูกผนึก แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีอันตราย บางครั้งเผ่าพันธุ์ปีศาจจะใช้กลอุบายต่างๆ เล็ดลอดออกมาจากผนึก อีกทั้งบริเวณนั้นมีพลังปีศาจจำนวนมาก ผู้ที่รุกล้ำเข้าไปอาจถูกพลังปีศาจกัดกิน ทำให้คนผู้นั้นกลายเป็นปีศาจ ต่อมาพลังปีศาจเพิ่มทวีขึ้น ส่งผลอันตรายต่อยมโลก จนกระทั่งเมื่อหลายหมื่นปีก่อนมีท่านเทพที่เชี่ยวชาญในการผนึกมายังยมโลก เขานำผู้ฝึกฝนตนด้วยพลังวิญญาณมาเฝ้าอยู่ในเขตหมิ่นเฟิน ราชายมโยมซาบซึ้งในการกระทำของคนทั้งหลายอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงยกเลิกความทุกข์ทรมานในการเวียนว่ายตายเกิดของพวกเขา ให้พวกเขาสามารถรับมือกับศัตรูได้อย่างเต็มที่”
“ผู้ฝึกฝนตนด้วยพลังวิญญาณในเขตหมิ่นเฟินคือวีรบุรุษของยมโลก เนื่องจากมีพวกเขาอยู่ สามโลกจึงสงบสุข สถานที่แห่งนั้นเป็นสถานที่ที่ทั้งสามโลกไม่กล้าแตะต้อง เรื่องนี้อย่าว่าแต่ข้า แม้แต่ยมราชท่านอื่นก็คงไม่ออกหน้า” ราชาซิวหลิงพูดจบก็เหลือบมองคนทั้งสาม “ดังนั้นไม่ใช่ข้าไม่ให้เวลาพี่ไป๋ แต่เรื่องนี้พวกข้าไม่อาจตัดสินใจแทนเขตหมิ่นเฟินได้จริงๆ” เขาสามารถพาคนทั้งสี่มาถามไถ่สถานการณ์ที่สำนักเทียนซือก่อนก็ถือว่าไม่ง่ายแล้ว
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ มิน่าเมื่อกี้พี่สีเองก็ไม่ได้พูดอะไร พวกเขาเฝ้าอยู่ในเขตหมิ่นเฟินเพื่อไม่ให้เผ่าพันธุ์ปีศาจบุกรุกเข้าสามโลก แต่สุดท้ายกลับตายอยู่ในมือคนของตัวเอง เรื่องนี้ไม่ว่าใครก็คิดไม่ได้!
ชายแก่นิ่งเงียบ แต่สีหน้าของเขากลับร้อนใจมากยิ่งขึ้น แต่ว่าทั้งสี่คนจากไปเช่นนี้ พวกเขาไม่มีเวลาในการสืบเรื่องนี้ให้แน่ชัด อีกทั้งฟังจากน้ำเสียงของอีกฝ่าย พวกเขาคงคิดว่าถังเฉินเป็นฆาตรกรจริงๆ แล้ว
“ไม่มีวิธีอื่นเลยหรือ”
ราชาซิวหลิงส่ายหัว “นอกเสียจากว่าเจ้าเขตหมิ่นเฟินรับปาก มิเช่นนั้นเรื่องนี้ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์พูด แต่ข้าได้ยินว่าเจ้าเขตหมิ่นเฟินปกป้องคนของตัวเองเป็นอย่างยิ่ง คงจะไม่ยอมฟังคำอธิบาย”
อวิ๋นเจี่ยวผงะ ราวกับนึกบางอย่างขึ้นได้ นางจึงถามขึ้น “ราชาซิวหลิง เจ้าเขตหมิ่นเฟินชื่อว่าหลงฉางใช่หรือไม่”
“สหายอวิ๋นรู้ได้อย่างไร?!” ราชาซิวหลิงตกตะลึง “ชื่อแท้จริงของเจ้าเขตหลงจิ้งคือหลงฉางอย่างที่ท่านว่า”
“อ่อ…” อวิ๋นเจี่ยวโล่งใจในทันที เช่นนั้นเรื่องนี้ก็ไม่ยาก “เช่นนั้นพวกเราไปเขตหมิ่นเฟินกันเถอะ!”
ไม่เพียงแต่ราชาซิวหลิง แม้แต่ชายแก่เองก็ตกใจ
“เจ้าหนู!” เมื่อกี้นางไม่ได้ยินหรือ นอกจากอีกฝ่ายกำลังโกรธ ไปหาตอนนี้จะเป็นการไม่เหมาะสมแล้ว เขตหมิ่นเฟินยังอบอวลไปด้วยพลังปีศาจ!
“วางใจเถอะ!” อวิ๋นเจี่ยวตบไหล่ของเขา ก่อนจะกดเสียงต่ำลง “เป็นการป้องกัน อย่าลืมพาอาจารย์ปู่ไปด้วย”
เอาเถอะ ชายแก่วางใจลงในทันใด มีอาจารย์ปู่อยู่ เขาเตรียมรอรับชัยชนะทุกเมื่อ!
╮(╯▽╰)╭
“เช่นนั้น…ข้าไปด้วย!” ถังเฉินรีบยกมือขึ้น “เรื่องนี้เกิดจากข้า ข้าต้องไปอธิบายให้พวกเขาเข้าใจ”
“เจ้าอย่าไปเลย!” อวิ๋นเจี่ยวปฏิเสธทันที “พวกเขามีความเห็นต่อเจ้ามาก หากเจ้าไปจะเป็นการยุ่งยาก”
พูดจบ อวิ๋นเจี่ยวก็ไม่ได้สั่งกำชับอะไรมาก เพียงแค่กำชับเจ้าสำนักสวีและถังเฉินอีกสองสามประโยค ก่อนจะตามชายแก่กลับชิงหยางไป
…
หากอวิ๋นเจี่ยวเดาไม่ผิด เจ้าเขตหมิ่นเฟินท่านนั้นก็คือศิษย์พี่ใหญ่ของอาจารย์อาเหวินชิง อาจารย์ของเถิงสี อาจารย์ลุงของนาง? หรืออาจารย์อา? แต่อย่างไรก็ตามอีกฝ่ายคือลูกศิษย์ของชิงหยาง
ถึงแม้นางจะสงสัยว่าเหตุใดอาจารย์อาเหวินชิงและอาจารย์อาหยวนเจียงเกรงกลัวอาจารย์อาหลงขนาดนั้น โดยเฉพาะอาจารย์อาเหวิน ไม่รู้ว่าอาจารย์อาหลงทำอะไรกับเขา ถึงทำให้เขาแอบหนีออกมาจากยมโลก อีกทั้งยังทำท่าทางเหนื่อยล้าขนาดนั้น
สติบอกนางว่าให้อยู่ห่างจากอาจารย์อาหลงท่านนี้เอาไว้ แต่ตอนนี้สถานการณ์บีบบังคับ เรื่องของลั่วคายหยวนต้องสืบให้แน่ชัด มิเช่นนั้นความผิดนี้คงตกอยู่ที่เสวียนเหมินอย่างแน่นอน
ถึงเวลานั้นความสัมพันธ์อันดีระหว่างโลกมนุษย์และยมโลกจะพังทลายลง และอาจทำให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นก็เป็นได้!
เพียงแต่ก่อนอื่น อวิ๋นเจี่ยวรู้สึกว่าต้องหารือกับอิ้งหลุนก่อน นางต้องมั่นใจว่าวิญญาณของลั่วคายหยวนได้สลายไปแล้วจริงหรือไม่ หรือว่ายังมีเศษเสี้ยววิญญาณหลงเหลืออยู่
เรื่องนี้คงมีแต่อิ้งหลุนที่ทำได้
ดังนั้น เมื่ออวิ๋นเจี่ยวกลับไปถึงชิงหยาง นางก็กำชับให้ชายแก่เตรียมการ ส่วนตัวนางมุ่งตรงไปยังหลังเขา สิ่งที่น่าแปลกคือ ไม่เพียงอิ้งหลุน แต่ว่าอาจารย์ปู่ก็อยู่ด้วย อีกทั้งทั้งสองคนยังยืนอยู่ในเพิงฟางที่อิ้งหลุนสร้างเอาไว้ เพียงแต่ต่างยืนกันคนละมุม ราวกับเพิ่งคุยเรื่องบางอย่างเสร็จสิ้น คนหนึ่งยิ้มราวกับคนบ้า ส่วนอีกคนทำหน้าตาเย็นชา นอกจากนี้ห่างจากทั้งสองคนไปไม่ไกล มีมังกรร่างยักษ์หดตัวอยู่บริเวณริมสวนผักด้วยตัวที่สั่นเทา
“…”
อวิ๋นเจี่ยวผงะเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไป “อาจารย์ปู่ ทำไมท่านอยู่ที่นี่”
ร่างที่ทำหน้าเย็นชาผงะไป ก่อนที่สายตาจะจับจ้องมายังบนตัวของอวิ๋นเจี่ยวอย่างแม่นยำ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายนึกอะไรขึ้นได้ ใบหน้างดงามของเขาเริ่มแดงก่ำ เพียงชั่วพริบตาเดียว เขาก็แดงไปทั้งตัวราวกับจะระเบิดออกได้ทุกเวลา
เมื่อเห็นเขาไม่ตอบ อวิ๋นเจี่ยวก็ไม่ได้สนใจ นางเดินขึ้นหน้ากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง อิ้งหลุนที่อยู่ด้านข้างกลับทักทายนางขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี
“ว่าอย่างไร ศิษย์หลานตัวน้อย วันนี้เจ้ามาเก็บผักเองหรือ” เขาพลางทักทายพลางวิ่งมาทางนาง ในขณะที่กำลังจะกระโดดลงจากเพิงฟางนั้น “มะเขือเทศช่วงนี้สดที่สุด หรือไม่เจ้า…”
เขาพูดยังไม่ทันจบ ทันใดนั้นด้านล่างของเพิงฟางราวกับถูกบางอย่างกดทับอย่างหนัก ก่อนจะแตกเป็นสองด้าน อิ้งหลุนเหยียบพลาดจนล้มหัวคะมำ อีกทั้งยังกินดินโคลนเข้าไปเต็มปาก
“เฮ้ย!” ถึงแม้อิ้งหลุนจะล้มจนเคยชิน แต่เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้ไม่ได้อยู่ในความเคยชินของเขา เขาหันหลังไปถลึงตาใส่ใครบางคน “เยี่ยยวน เจ้าทำอะไร เหตุใดจึงเหยียบเพิงของข้าพัง ข้าสร้างมันขึ้นมาอย่างยากลำบากนะ”
“ฮึ!” เยี่ยยวนเสียงเย็น “ไม่อย่างนั้น…เหยียบเจ้าดีหรือไม่?”
อิ้งหลุน “…” ถือว่าเจ้าแน่!
อวิ๋นเจี่ยว “…” ทั้งสองคนอยู่ร่วมกันอย่างสันติไม่ได้จริงๆ ใช่ไหม
เฟิงเสี่ยวหวง “…” น่ากลัว อยากไปเกิดใหม่!