เจียงฮูหยินน้อยดึงเหยาเยี่ยนอวี่ออกจากที่นั่งข้างฮูหยินผู้เฒ่าพลางเดินผ่านฉากกั้นสองบาน แล้วส่งเหยาเยี่ยนอวี่ไปตรงหน้าเหล่าสตรีสองสามคน พร้อมพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าภาพมาแล้ว! พวกเจ้าต้องเรียนรู้วิชาให้มาก อนาคตจะได้เหมือนคุณหนูรองเหยาของพวกเรา ต้องหาสามีที่ดีเหมือนแม่ทัพติ้งหย่วนให้ได้!”
ในท่ามกลางสตรีแรกแย้มกลุ่มนี้ มีสองคนเป็นน้องสาวจากตระกูลผู้ให้กำเนิดเจียงฮูหยินน้อย ที่เหลือเป็นน้องสาวของตระกูลที่ให้กำเนิดหนิงฮูหยินน้อย แล้วยังมีหลานสาวหนึ่งคนของตระกูลผู้ให้กำเนิดหวางฮูหยิน สตรีเหล่านี้ล้วนยังไม่ได้ออกเรือน พอได้ยินคำพูดเช่นนี้จึงรีบเดินเข้ามาด้วยยิ้มร่าเริง บ้างก็เดินเข้ามาจูงมือเหยาเยี่ยนอวี่ไปนั่ง บ้างก็สะกิดเจียงฮูหยินน้อยด้วยรอยยิ้ม “ปากของพี่สะใภ้ใหญ่ ทั้งทำให้คนโปรดปรานและเกลียดชังจริงๆ ยังไม่รีบสะสางกิจธุระอันยุ่งวุ่นวายของท่านอีก!”
สตรีเหล่านี้ล้วนรู้จักเหยาเยี่ยนอวี่ ทว่าก็แค่ต่างแค่รู้จักเท่านั้น พวกนางต่างเป็นบุตรีที่ภรรยาเอกให้กำเนิด ส่วนนางเป็นบุตรีอนุภรรยา ก่อนหน้านี้ต่อให้ต้องการหาโอกาสเพื่อพูดคุยเล่นกัน ก็ไม่มีประเด็นเดียวกันที่จะเสวนา อีกอย่าง ก่อนหน้านี้เหยาเยี่ยนอวี่เป็นสตรีที่ไม่ช่างพูด สตรีเหล่านี้จึงไม่ได้สนิทสนมกับนางมากนัก
แค่วันนี้เจียงฮูหยินน้อยช่วยเหยาเยี่ยนอวี่หายกระอักกระอ่วนใจโดยเฉพาะ จึงส่งนางมาทางนี้ เพื่อที่จะแน่ใจว่าสตรีเหล่านี้ต้องการไปมาหาสู่กับนาง ภายในใจของนางรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของเจียงฮูหยินน้อยอย่างยิ่ง สตรีเหล่านี้ต่างรู้สึกขอบคุณเจียงฮูหยินน้อยด้วยเช่นกัน
ทุกคนต้องการคบหากัน และต่างก็เป็นสตรีที่ยังอายุน้อย คำพูดเพียงไม่กี่คำก็ทำให้พวกนางสนิทสนมกันแล้ว
เวลาผ่านไปไม่นาน โต๊ะอาหารก็จัดวางด้วยอาหารและสุรารสโอชะ งานเลี้ยงจึงเริ่มขึ้น ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งที่นั่งอยู่บนที่นั่งหลักเป็นฝ่ายชูจอกสุราพลางกล่าวขอบคุณเหล่าฮูหยินผู้เฒ่า ฮูหยินและเหล่าสะใภ้ที่มาร่วมแสดงความยินดีกับคุณหนูรองของพวกเขา แล้วชนจอกกันสามจอกติดต่อกัน หลังจากนั้น หวางฮูหยินก็พาเจียงฮูหยินน้อยและหนิงฮูหยินน้อยไปแสดงการขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านด้วยการดื่มสุรา
เหยาเยี่ยนอวี่กลับอยู่อย่างว่างเว้น นางแค่เอนกายแทะเมล็ดทานตะวันและจิบชา บางครั้งก็อาจจะกินของว่างที่ชื่นชอบอยู่บ้าง ทว่ากลับไม่แตะต้องสุราแม้แต่หยดเดียว
หลังจากดื่มสุราและอาหารเลิศรสกันเสร็จ ก็เริ่มชมการแข่งขันเรือมังกรบนทะเลสาบซีซิน
เหล่าสตรีที่ยังสาวต่างก็วิ่งไปตรงหน้าต่างพลางมองออกไปด้านนอก เรือมังกรหลากสีจอดเทียบท่าบนทะเลสาบอย่างเป็นระเบียบ คลื่นบนผืนน้ำทะเลสาบใสสะอาดนั้นนิ่งสงบ ธงหลากสีพัดโชยตามทิศลม เสียงกลอนปะปนความครึกโครมของผู้คน ทำให้บรรยากาศครึกครื้นอย่างยิ่ง
เหยาเยี่ยนอวี่รู้สึกรื่นเริงยินดีเป็นเรื่องธรรมดา นางเบียดเข้าไปในท่ามกลางสหายสองสามคนเพื่อชมการแข่งขันเรือมังกร
พอเห็นการแข่งขันรอบแรกมีคนชนะ ตรงที่ไกลๆ จึงมีเสียงตะโกนดังขึ้นอีกครั้ง เหยาเยี่ยนอวี่รู้สึกว่าคนด้านหลังมาตบไหล่ตนเองจึงรีบหันไป ก็เห็นซ่งหย่าอวิ้นยกจอกเหล้ามา ด้วยเหตุนี้จึงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “น้องสาวก็มาด้วยหรือ ไยเมื่อครู่ถึงไม่เห็นเจ้า”
“ข้าเพิ่งมาถึง เมื่อครู่ตอนเสวนากับฮูหยินผู้เฒ่าและเหล่าฮูหยินก็ดื่มสุราไปสองสามจอก ถึงจะหาเวลาว่างออกมาตามหาพี่สาว” ในเวลาเพียงสิบวัน ใบหน้าของซ่งหย่าอวิ้นซูบผอมไปมาก พี่ชายป่วยเป็นโรคเช่นนั้น ใบหน้าของนางก็ไร้ชีวิตชีวา และไม่ยอมออกมาสังสรรค์กับคนอื่น วันนี้หากไม่ใช่เพราะจิ้งหนานปั๋วฮูหยินบังคับนางมา ทีแรกนางแค่อยากจะอุดอู้อยู่แต่ในจวนเท่านั้น
เหยาเยี่ยนอวี่คลี่ยิ้ม ไม่ได้มากความและไม่ได้เอ่ยถามอะไรมากมาย แค่หลีกทางให้ว่าง พร้อมเชิญชวนซ่งหย่าอวิ้น “มาดูการแข่งขันพายเรือมังกรสิ สนุกมากๆ”
ซ่งหย่าอวิ้นจะมีกะจิตกะใจชมการแข่งขันเรือมังกรได้อย่างไร แค่ดึงเหยาเยียนอวี่ไปนั่งในสถานที่สงบๆ จากนั้นก็ถอนหายใจอย่างประหม่า “ตามหลักเหตุผลแล้ว ข้าก็ไม่มีหน้ามาเจอกับพี่สาวหรอก แค่เรื่องนี้เกี่ยวกับโชคชะตาของตระกูล ข้าก็ไม่อาจคำนึงถึงอะไรมากมาย”
เหยาเยี่ยนอวี่ตื่นตะลึงในใจ คาดไว้ไม่ผิด คนตระกูลซ่งพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อบรรลุเป้าหมายได้จริงๆ กลับให้ซ่งหย่าอวิ้นที่เป็นสตรีไม่ออกเรือนมาหาตนเอง
“คุณหนูรอง ท่านช่วย…” ซ่งหย่าอวิ้นมองเหยาเยี่ยนอวี่ คำพูดยังไม่ทันเอ่ยออกมา นางก็น้ำตาคลอแล้ว จากนั้นเอาผ้ามาปิดปาก พร้อมก้มหน้าลงต่ำ
เหยาเยี่ยนอวี่นิ่งงันไป แล้วละสายตาพลางถอนหายใจ
“ข้ารู้ ข้าไม่ควรพูดเช่นนี้กับท่าน ทว่าท่านย่าและท่านแม่ไม่มีวิธี…ที่จะรักษาโรคของพี่ชายจริงๆ คนทั้งตระกูลใกล้จะเป็นบ้าไปแล้ว…หากไม่มีพี่ชายแล้วจริงๆ ท่านแม่ควรทำอย่างไร ข้าควรทำอย่างไร” ซ่งหย่าอวิ้นพูดถ้อยคำเหล่านี้ออกมา กลับระบายอารมณ์ออกมาทั้งหมด นางเดินหน้ามาดึงมือของเหยาเยี่ยนอวี่ พร้อมขอร้องอ้อนวอน “พี่สาวผู้แสนดี หากท่านช่วยพี่ชาย ท่านก็จะกลายเป็นผู้มีพระคุณของตระกูลพวกเรา! ท่านแม่บอกแล้ว ต่อให้พวกเราเอาทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลออกมาขอบคุณท่าน พวกเราก็ยินยอม!”
เหยาเยี่ยนอวี่แย้มยิ้ม “ข้ารักษาอาการป่วยให้พี่ชายเจ้า ก็เพื่อที่จะเอาทรัพย์สินของตระกูลพวกเจ้ากระนั้นหรือ”
ซ่งหย่าอวิ้นไม่สนใจใบหน้าที่เคล้าด้วยยิ้มเย้ยหยันของเหยาเยี่ยนอวี่ “พี่สาวต้องการสิ่งใด แค่พวกเราทำได้ ก็จะตกปากรับคำทั้งหมด”
“โธ่ นี่เป็นอะไรไป วันนี้เป็นวันมงคลของพี่เหยา ไยคุณหนูซ่งถึงร้องไห้ล่ะ” คุณหนูรองแห่งตระกูลเจียง เจียงเฉิงหยิ่งได้ยินเสียงเคลื่อนไหวทางนี้มานานแล้ว ทว่าทุกคนกลับทำเป็นไม่ได้ยิน แค่ครั้งนี้พอเห็นซ่งหย่าอวิ้นร้องห่มร้องไห้ต่อหน้าเหยาเยี่ยนอวี่ นางทนดูไม่ไหวจริงๆ
ซ่งหย่าอวิ้นพลันเอาผ้าซับน้ำตา แล้วไม่ได้มากความอีก
เหยาเยี่ยนอวี่แย้มยิ้ม “ไม่มีอะไร ด้านในแออัดเกินไป จึงออกมาเดินเล่น” ขณะที่พูด ก็ค่อยๆ เหยียดกายลุกขึ้น
“พี่รอง!” ซ่งหย่าอวิ้นยื่นมือจับส่วนหน้าของเสื้อที่เหยาเยี่ยนอวี่ใส่ แล้วไม่ยอมปล่อยมือ
เหยาเยี่ยนอวี่ถอนหายใจเบาๆ แล้วเอ่ยขึ้น “น้องซ่ง เรื่องอย่างนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กระหว่างเจ้ากับข้าเท่านั้น มันเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของข้า ข้ามิอาจไม่ระมัดระวังตัวได้ คนโบราณมักจะสั่งสอนว่า อยู่จวนให้ทำตามคำสั่งบิดา ออกเรือนให้ทำตามคำสั่งสามี แค่บิดาและแม่ทัพเว่ยตกลงให้ข้าไปรักษาอาการให้พี่ชายเจ้า ข้าไม่มีสิ่งใดจะเกี่ยง ดังนั้น คงไม่มีประโยชน์อะไรที่เจ้าจะมาขอร้องข้าหรอก”
กล่าวสิ้นเสียง เหยาเยี่ยนอวี่ผลักมือของซ่งหย่าอวิ้นออก สาวเท้าเดินจากไป
เหล่าแขกเหรื่อที่อยู่ในภัตตาคารบ้างก็พูดคุยเล่นกัน บ้างก็ดูการแข่งขันเรือมังกร แม้กระทั่งชุ่ยเวยและชุ่ยผิงยังถูกสาวใช้ในจวนลากไปชมการแข่งขันเรือมังกรตรงริมหน้าต่าง มีเพียงไม่กี่คนที่เห็นเหยาเยี่ยนอวี่ลงไปชั้นล่าง
มีเพียงน้าตู้ซานที่เฝ้าอยู่ตรงทางเข้าบันไดเห็นเท่านั้น จากนั้นก็ติดตามมาอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง
เหยาเยี่ยนอวี่เลิกกระโปรงเดินลงมาจากบันได หลังจากออกจากประตูตึกด้านหลัง ก็สูดอากาศอันบริสุทธิ์และสดชื่นเข้าไปเต็มปอด
“คุณหนู ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่” น้าตู้ซานพลันเดินเข้ามาเอ่ยถาม
เหยาเยี่ยนอวี่หันกลับไปก็เห็นคนที่กำลังพูดคุยกับนาง แล้วอดยิ้มไม่ไหว “เจ้าตามข้าลงไปเถอะ ข้ารู้สึกกระหายพอดี เจ้าไปรินน้ำชามาให้ข้าที”
“เจ้าค่ะ” น้าตู้ซานรับคำพลางหันไปรินน้ำชา
เหยาเยี่ยนอวี่เดินตามทางที่มีดงไม้ไผ่ตลอดริมทางไปไม่กี่ก้าว พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นทะเลสาบอันกว้างขวางและผู้คนที่กำลังกรีดร้องกันอย่างครื้นเครง จึงอดส่ายหัวไม่ได้ จากนั้นหันหลังกลับไปตามหาสถานที่สงบสุข
“เป็นอะไรไป ถอนหายใจไปไยกัน” ไม่รู้ว่าเว่ยจางโผล่มาจากไหนกันจึงบังเอิญมาขวางทางเดินของเหยาเยี่ยนอวี่พอดี
“ไม่มีอะไร” เวลานี้เหยาเยี่ยนอวี่ไม่อยากมากความกับใคร พฤติกรรมของซ่งหย่าอวิ้นทำให้นางตกอยู่ในสภาวะที่ลำบากใจมาก นางเห็นใจซ่งหย่าอวิ้นที่เป็นเพียงสตรีคนหนึ่ง ทว่าก็เกลียดชังซ่งเหยียนชิงจริงๆ นางเป็นหมอที่รักษาผู้ป่วย วันนี้ยังเป็นครั้งแรกที่ใช้ในการทำร้ายคน คิดไปคิดมา ภายในใจก็รู้สึกไม่สบายใจมากนัก
“ไปเดินเล่นฝั่งโน้นกันเถอะ” เว่ยจางชี้ไปยังถนนแคบๆ ที่อยู่ใต้ดงไผ่อันเงียบสงบ
“เจ้าออกมาได้อย่างไร ไม่มีใครคอยชวนเจ้าดื่มสุราเลยหรือ” เหยาเยี่ยนอวี่เพิ่งจะนึกได้ แม่ทัพเว่ยน่าจะเป็นเจ้าภาพทางฝั่งโน้น หากเหล่าขุนนางไม่ได้มอมเหล้าเขา แล้วจะยอมเลิกราง่ายๆ ได้อย่างไร
“ข้าดื่มเยอะแล้ว เซียวอี้จึงดื่มแทนข้า” เว่ยจางดื่มไปไม่น้อยจริงๆ เขาดื่มจนรู้สึกมึนๆ ทว่าเขารู้ว่าตนดื่มจนเมาขาดสติไม่ได้ ดังนั้นจึงหาข้ออ้างออกมาด้านนอก