บทที่ 134 กลับบ้าน

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

บทที่ 134 กลับบ้าน

 

มาวันนี้คนที่รู้ประวัติเมื่อก่อนของเขายังน้อยมาก และเขาได้กินยาย้ายร่างไขกระดูก ไม่ได้แสดงหน้าตาที่แท้จริงออกมา ราชายุทธ์ ปรมาจารย์ยุทธ์มากมายในที่นั้นถึงจะใช้จิตเทพแล้วดูออกว่าเขาปลอมแปลงใบหน้า แต่ไม่ได้คิดไปในทางอื่นกัน

หากมีคนเริ่มสืบหาประวัติก่อนหน้านี้ของเขา ต้องมีคนจำนวนมากสนใจเขาแน่ ถึงเวลานั้นเรื่องยุ่งยากต่างๆนานาจะวิ่งเข้าหาเขาแน่

“ฝีมือข้ายังด้อยนัก…”

เมื่อเข้ามาในป่า จิตใจของหลัวซิวเริ่มหนักอึ้งขึ้น

เมื่อครู่โดนจิตเทพของปรมาจารย์ยุทธ์และราชายุทธ์แต่ละคนตรวจสอบ หลัวซิว รู้ถึงอันตรายเช่นนั้นได้ดี หากโดนคนพวกนี้รู้ความลับของเขา ผลลัพธ์รู้ได้เลยว่าจะเป็นอย่างไร

ในขณะเดียวกันเขารู้สึกขอบคุณเย่เซี่ยงโต่วกับหัวหน้าแก๊งเหวินเซวียนหงยิ่งนัก พวกเขาเคงเดาได้ว่าเขาต้องได้รับโอกาสพิเศษมาแน่ แต่กลับมิมีแก่ใจละโมบ เย่เซี่ยงโต่วยังแนะนำตนให้กับเหวินเซวียนหง กลายเป็นหนึ่งในสมาชิกอัจฉริยะภายในขององค์กรนักล่ายุทธ์

ท่ามกลางเขตการปกครองหยุนหลง คนที่รู้อดีตที่ผ่านมาของเขามีไม่น้อย มันทำให้หลัวซิวรับรู้ถึงอันตรายมากขึ้น

….

อาศัยความสามารถในการรับรู้ชีวิต หลัวซิวหลบหลีกพื้นที่ที่มีอสูรที่แข็งแกร่ง ตามสัญลักษณ์บนแผนที่แบบง่ายๆ เดินผ่านป่าโบราณนี้ จะตรงไปเขตการปกครองหยุนหลง

นับจากศึกการแย่งชิงตำแหน่งเจ้าสำนักสำนักเซียวเหยาจบสิ้นลง ตี๋ซือกู่กลายเป็นเจ้าสำนักสำนักเซียวเหยาคนใหม่ คนที่เดิมเป็นทางสายเขา ฐานะในสำนักก็พุ่งขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว

หลังจากการสืบสวน โกวหงยี่แน่ใจว่า คนที่ฆ่าโกวจินชวนหลานชายตน คงจะเป็นหลัวซิว

เขาสืบประวัติหลัวซิว รู้ว่าชายหนุ่มที่เกิดจากสำนักยุทธ์ชิงหยุนคนนี้กลับฝึกฝนจากการกลั่นร่างขั้นสองจนถึงชี่ไห่ขั้นห้าในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี

ไม่เพียงแค่นั้น เขายังสืบได้ว่าหลัวซิวหลัวซิวเคยประกาศภารกิจรางวัลนำจับ ให้องค์กรนักล่ายุทธ์ด้วยสมบัติขั้นห้าได้เชิญเย่เซี่ยงโต่วซึ่งเป็นปรมาจารย์ฝึกจิตลงมือ และยังเชิญหัวหน้าแก๊งเหวินเซวียนหงออกหน้าให้

ลองคิดดูว่าจอมยุทธ์ชี่ไห่คนหนึ่งมีสมบัติขั้นห้าได้ยังไง? และยังฝึกฝนเร็วขนดานี้?

“คนผู้นี้ต้องเจอโอกาสใหญ่หลวงมาแน่!”

หลังจากสืบเรื่องราวเหล่านี้ได้ โกวหงยี่ได้ส่งจางหลู่เหลียงซึ่งเป็นผู้ดูแลนอกสำนักไปที่เมืองชิงหยุน คอยจับตาดูพ่อแม่และพี่สาวของหลัวซิวไว้

ครอบครัวของหลัวซิวมีองค์กรนักล่ายุทธ์คอยคุ้มครอง เขาไม่กล้าบุ่มบ่ามทำอะไร ทำเพียงแค่ให้คนไปจับตาดูไว้ เขาเชื่อว่าหลัวซิวต้องปรากฏตัวแน่

เมืองเกายี่เป็นเมืองที่อยู่ใกล้เส้นทางวัดกวนเหลยมากที่สุดในเขตการปกครองหยุนหลง

นี่เป็นครั้งที่สองที่หลัวซิวมายังที่นี่ หลังจากเข้าเมือง เขารีบมุ่งตรงไปที่องค์กรนักล่ายุทธ์ซื้อหินพลังจิตไปสองร้อยกว่า นั่งค่ายวาร์ป มุ่งตรงไปเมืองชิงหยุน

เวลาผ่านไปนาน เขาเริ่มคิดถึงพ่อแม่และพี่สาว ตอนเข้าสำนักยุทธ์ฝึกฝนเขาอายุสิบปี เลยได้พบกับครอบครัวน้อยครั้งนัก

จากนั้นหลัวซิวรู้ดีว่า พ่อแม่พี่สาวไม่สามารถฝึกยุทธ์ได้ ต่อให้มียาที่ช่วยให้อายุยืนยาว ก็อยู่ได้อย่างมากสองร้อยปี ส่วนเขาเป็นจอมยุทธ์พรสวรรค์แล้ว อย่างน้อยจะอยู่ได้อีกสามร้อยปี

จากการเพิ่มพูนแดนตบะของเขา เขายังมีวันเวลาที่จะอยู่อีกยาวนาน ส่วนครอบครัวของเขาจะกลับคืนสู่พื้นดินตามวันเวลาอันยาวนาน

มีการคุ้มครองขององค์กรนักล่ายุทธ์ พ่อแม่พี่สาวของหลัวซิวอยู่อย่างสงบและปลอดภัย

หลังจากฤทธิ์ยายาย้ายร่างไขกระดูกคลายไป หลัววิวมายังหน้าประตูบ้านในเมือง

ในเวลาเดียวกับที่หลัวซิวปรากฏตัว ข่าวก็ได้ลอยเข้าหูจางหลู่เหลียงอย่างรวดเร็วที่สุด

“เจ้าหนูนั่นกลับมาแล้ว?”

นับแต่ได้รับคำสั่งจากผู้อาวุโสโกวหงยี่มาคอยจับตามองบ้านหลัว จางหลู่เหลียงจึงอาศัยอยู่ในบ้านจางของเมืองชิงหยุน

พอรู้ว่าหลัวซิวกลับมาแล้ว เขารีบหยิบกล่องส่งเสียงออกมาส่งข่าวให้ผู้อาวุโสโกวหงยี่ซึ่งเป็นส่วนของสำนักเซียวเหยา

พ่อแม่พี่สาวของหลัวซิวไม่รู้เรื่องของหลัวซิวเท่าไหร่ การกลับมาของเขานำพาบรรยากาศยินดีปรีดาของบ้าน

ในห้องรับแขก ทุกคนไต่ถามสารทุกข์สุกดิบ หลัวซิ่วเอ๋อร์พี่สาวของหลัวซิว ด้านข้างมีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ เขาเป็นศิษย์ตระกูลหลิวในเมืองชิงหยุน ทั้งคู่หมั้นหมายกันแล้ว

ชายหนุ่มคนนี้ชื่อว่าหลิวหยวน เป็นลูกชายของเจ้าตระกูลหลิวคนปัจจุบัน มีตบะชี่ไห่ขั้นห้า

พอเห็นพี่สาวตนหมั้นหมายแล้ว หลัวซิวรู้สึกสบายใจขึ้น เขามองออกว่า หลัวซิ่วเอ๋อร์กับหลิวหยวนรักใคร่กันดี และหลิวหยวนมาใกล้ชิดพี่สาวตนก็ไม่ได้มีเป้าหมายอะไรอย่างอื่น

ชีวิตเรียบง่ายของครอบครัวทำให้หลัวซิวสบายใจ แต่ในขอบข่ายการรับรู้ของเขา รอบๆบ้านหลัวมีจอมยุทธ์มากมายมาคอยวนเวียนจับตาดู สายตาหลัวซิวพลันปรากฏแววเย็นเยียบขึ้น

หลัวซิวไม่ได้ปิดบังร่องรอยของตน ดังนั้นตอนเขากลับมา ไม่เพียงแต่จางหลู่เหลียงได้รับข่าวแก๊งสาขานักล่าอสูรแห่งเมืองชิงหยุนเองก็ได้รู้ว่าเขากลับมาแล้วเช่นกัน

เพราะครอบครัวของหลัวซิวได้รับการคุ้มครองจากองค์กรนักล่ายุทธ์ จอมยุทธ์มากมายที่วนเวียนรอบบ้านหลัว นอกจากคนของจางหลู่เหลียงแล้ว ยังมีคนขององค์กรนักล่ายุทธ์ด้วย

จวงหนานเทียนแวะมาเยี่ยมเยียนถึงเรือน ตอนเขาเห็นหลัวซิวครั้งแรก แสดงสีหน้าตกใจออกมาทันที “เจ้าบรรลุพรสวรรค์แล้ว?”

ตั้งแต่สำนักยุทธ์ชิงหยุนปรับเปลี่ยนมากมาย จวงหนานเทียนได้ลาออกจากตำแหน่งผู้อาวุโสสำนักยุทธ์แล้ว หัวหน้าเย่เซี่ยงโต่วเลยส่งเขามาดูแลความปลอดภัยให้บ้านหลัว

ช่วยไม่ได้ที่จวงหนานเทียนจะตกตะลึง เพราะเขารู้ดีว่า ครึ่งปีก่อนหน้านี้หลัวซิวยังเป็นแค่ระดับการกลั่นร่างขั้นสอง ตอนนี้กลับพรสวรรค์แล้ว ความเร็วในการฝึกฝนเยี่ยงนี้ไม่เคยมีมาก่อนเลย เป็นไปได้อย่างไรกัน?

เกี่ยวกับตบะตนเอง หลัวซิวมิได้อธิบาย ข่าวที่จวงหนานเทียนเอามาทำให้แววตาคมปลาบของเขาวาบขึ้น รังสีอำมหิตแผ่ซ่าน

“บัดนี้จางหลู่เหลียงอยู่ที่เมืองชิงหยุน ได้รับคำสั่งโกวหงยี่มาจับตาดูครอบครัวของข้า?” หลัวซิวมือถือข่าวสาร แค่นเสียงเย็น ในเมื่อโกวหงยี่ลงมือ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เขาจะสงสัยว่าการตายของโกวจินชวนเกี่ยวข้องกับตน

สำหรับจางหลู่เหลียงนั่น เป็นศัตรูคู่อาฆาตกับหลัวซิวอยู่แล้ว

ในเมื่อเป็นศัตรูคู่อาฆาต งั้นก็ให้มันตาย!

นี่คือความคิดในใจของหลัวซิว

แต่หลัวซิวเองก็รู้ดีว่า แค่ฆ่าจางหลู่เหลียงคนเดียวยังไม่พอ คนที่อันตรายที่สุดคือโกวหงยี่นั่น เขาเป็นผู้อาวุโสส่วนในของสำนักเซียวเหยา เป็นผู้แข็งแกร่งของราชายุทธ์แดน

ถึงในสายตาคนนอกครอบครัวของตนจะได้รับการคุ้มครองจากองค์กรนักล่ายุทธ์ โกวหงยี่นั่นอาจจะไม่กล้าบุ่มบ่ามทำอะไร แต่รับประกันไม่ได้ว่าเขาจะไม่ใช้วิธีการต่ำช้า

หลัวซิวไม่อยากให้เรื่องของตนเกี่ยวพันถึงพ่อแม่และพี่สาว ดังนั้นไม่ว่ายังไงก็ตาม เขาต้องกำจัดอันตรายทั้งหมด

หัวหน้าแก๊งเหวินเซวียนหงให้ความสำคัญกับเขามาก แต่ติดที่กฎของแก๊งเลยไม่สามารถช่วยออกหน้าให้เขาได้ หนทางเดียวคือประกาศภารกิจรางวัลนำจับ

พอมาที่แก๊งสาขานักล่าอสูรแห่งชิงหยุน หลัวซิวเจอกับเย่เซี่ยงโต่ว

เหมือนกับจวงหนานเทียน ตอนเย่เซี่ยงโต่วพบว่าหลัวซิวเป็นตบะแดนพรสวรรค์แล้ว สีหน้าชรานั่นเต็มไปด้วยการตกตะลึงและไม่เชื่อสายตา