ตอนที่ 111-4 สุนัขญาติผู้ใหญ่

ยอดหญิงอันดับหนึ่ง

ขณะท่านหญิงหย่งจยาไปเยี่ยมซย่าโหวซื่อถิงอยู่นั้น อวิ๋นหว่านชิ่นกับหยิ๋นเชวี่ยก็กลับมาถึงปรัมพิธี

 

 

ซย่าโหวถิงรอนานจนเบื่อ จึงว่า “พวกเจ้าทำไมเพิ่งกลับมา”

 

 

หยิ๋นเชวี่ยเหลือบมองอวิ๋นหว่านชิ่น อวิ๋นหว่านชิ่นแสดงความรับผิดชอบ

 

 

“หม่อมฉันชักช้าอยู่ที่ห้องพักผ่อนเองเพคะ”

 

 

ซย่าโหวถิงเห็นนางเพิ่งมีความดีความชอบ จึงไม่พูดมากอีก ยิ้มแล้วจูงมือนางเข้ามานั่งข้างๆ

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นชำเลืองมองไปทางกระโจมเชื้อพระวงศ์ รู้สึกนั่งไม่ติดอยู่บ้าง

 

 

คนผู้นั้นก็จริงๆ เลย สุขภาพไม่สู้ดี หรือสมองยังเลอะเลือนตามอีก ได้ออกมาเที่ยวเล่น ก็น่าจะพอใจแล้ว ยังดึงดันรับหน้าที่ล่าหมีอีก ต่อให้ล่าได้แล้วได้เมืองสิบเมืองเป็นรางวัล แล้วไง เอาชีวิตไปเสี่ยงชัดๆ

 

 

ซย่าโหวถิงสังเกตเห็นว่า ตั้งแต่อวิ๋นหว่านชิ่นกลับจากห้องพักผ่อน ใจก็ดูไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จึงถามด้วยความแปลกใจ “คุณหนูอวิ๋นเป็นอะไรหรือเปล่า ท่าทางเหมือนมีเรื่องในใจ”

 

 

เมื่อถูกถามเช่นนี้ อวิ๋นหว่านชิ่นจึงตัดสินใจในที่สุดว่า เอาล่ะๆ ยังคงไปดูๆ หน่อยแล้วกัน สมองจึงแล่นทันที ครั้งก่อนเป็นห้องพักผ่อน ครั้งนี้ถ้าหาข้ออ้างอะไรอีก องค์หญิงฉางเล่อต้องสงสัยแน่ แต่ทำไงได้

 

 

ขณะคิดหาเหตุผล ก็มีขันทีอายุราวสิบสี่สิบห้าก้าวขึ้นมาบนปรัมพิธี แล้วโค้งตัวลง

 

 

“ถวายบังคมองค์หญิงฉางเล่อ”

 

 

ซย่าโหวถิงจำได้ว่าขันทีผู้นี้ก็คือขันทีรับใช้ข้างกายเยี่ยนอ๋องซื่อหนิง จึงสงสัย

 

 

“ทำไมหรือ เสด็จพี่แปดมีเรื่องอะไรหรือเปล่า”

 

 

ขันทีน้อยยิ้มตาหยีพลางว่า “เสื้อผ้าที่ทหารของเยี่ยนอ๋องต้องใส่ออกล่าสัตว์ขาดอยู่สองสามตัว พอดีบ่าวข้างกายไม่อยู่ กระหม่อมหาคนไม่เจอ จึงคิดยืมสาวใช้สักคนไปช่วยเย็บชั่วคราว พอดีเห็นว่าองค์หญิงฉางเล่อมีคนอยู่ ไม่ทราบว่าจะสะดวกให้กระหม่อมยืมไปใช้หรือไม่”

 

 

โอกาสมาแล้ว อวิ๋นหว่านชิ่นจึงรีบอาสา “ฝีมือเย็บปักถักร้อยของหม่อมฉันก็ไม่เลวเพคะ”

 

 

ซย่าโหวถิงจึงผายมือออกอย่างใจกว้าง “ดี เช่นนั้นก็ให้คุณหนูอวิ๋นไปช่วยเสด็จพี่แปดก็แล้วกัน เสด็จพี่แปดจะได้เป็นหนี้บุญคุณข้าบ้าง คนงกแบบนั้น ที่ผ่านมา ขนาดภาพวาดขี่ม้าตีคลีก็ยังไม่ยอมให้ข้าดู”

 

 

ขันทีน้อยจึงพาอวิ๋นหว่านชิ่นลงจากปรัมพิธี แล้วเดินไปยังกระโจมเชื้อพระวงศ์

 

 

พอเดินมาถึงกระโจมสีม่วงทอง ก็เห็นเยี่ยนอ๋องซื่อหนิงในชุดขี่ม้าบุรุษสีเขียวน้ำทะเลปักลายมังกรห้าเล็บยืนอยู่หน้าประตู พลางกวักมือเรียก แล้วยิ้ม “เจ้ามาจริงๆ ด้วย”

 

 

ภารกิจขันทีน้อยเสร็จสิ้น จึงโค้งตัวแล้วถอยออก อวิ๋นหว่านชิ่นสังเกตเห็นว่ารอบๆ ไม่มีใคร

 

 

“ไม่ทราบว่าท่านอ๋องมีชุดขี่ม้ากี่ตัวที่ต้องการให้หม่อมฉันช่วยเย็บ ขอทรงรีบนำออกมาเถิด พอเย็บเสร็จ หม่อมฉันยังต้องกลับไปหาองค์หญิงฉางเล่ออีก”

 

 

ไหนบอกว่าไม่มีสาวใช้หรือมอมอ ยังขอยืมคนทางฝั่งสตรีด้วย นี่มิใช่จงใจล่อให้ตนมาหรอกหรือ

 

 

เยี่ยนอ๋องมองปราดเดียวก็รู้ว่า นางเดาออกว่าตนหลอกล่อนางมา จึงยิ้มพลางว่า

 

 

“เราสองก็ถือว่าคุ้นเคยกันแล้ว ยังจะล้อข้าอีก” แต่ก็ไม่พูดอะไรต่อ ก้าวเข้าไปใกล้ แล้วว่า

 

 

“เรื่องที่เสด็จพี่สามจะไปล่าหมีในป่าล้อม เจ้ารู้หรือยัง”

 

 

  อวิ๋นหว่านชิ่นพยักหน้า “เพิ่งได้ยินมาว่า ในป่าเสี่ยงอันตรายมาก มีสัตว์ร้ายมากมาย อาการป่วยของท่านสามก็ยังไม่หายดี ท่านอ๋องกับท่านสามสนิทกัน ไม่ตักเตือนกันบ้างเลยหรือ”

 

 

“ถ้าข้าเตือนแล้วเขาฟังก็ดีน่ะสิ” เยี่ยนอ๋องกระพริบตาให้นาง “ถึงได้เรียกเจ้ามา ให้เตือนเขาต่อไง เจ้าได้ยินเสียงจังหวะดนตรีไหม ถ้าเสียงหยุด เสด็จพ่อก็จะใช้สัตว์สามชนิดบูชาเจ้าป่าเจ้าเขา แล้วค่อยออกเดินทาง ยังมีเวลาเหลือพอให้เจ้าไปพูดอยู่บ้าง”

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นยังไม่ทันตอบอะไร ก็ถูกเยี่ยนอ๋องลากตัวไป ไม่กี่ก้าวก็มาถึงข้างกระโจมอีกหลังหนึ่ง

 

 

เฉี่ยวเย่ว์ที่กำลังยืนเฝ้าอยู่นอกกระโจม เห็นเยี่ยนอ๋องพาอวิ๋นหว่านชิ่นเดินมา ก็รีบก้าวเข้าไปทำความเคารพ อวิ๋นหว่านชิ่นอึ้ง ท่านหญิงหย่งจยาก็อยู่ด้วยหรือ

 

 

เยี่ยนอ๋องก็ค่อนข้างแปลกใจเช่นกัน “หย่งจยาอยู่ในกระโจมเสด็จพี่สามหรือ”

 

 

“เพคะ ท่านหญิงเห็นว่าฉินอ๋องจะออกล่าสัตว์ด้วย จึงแวะมาเยี่ยมเยียนเป็นพิเศษ”

 

 

เฉี่ยวเย่ว์เหลือบมองอวิ๋นหว่านชิ่น ยากนักที่นายตนจะได้พบฉินอ๋องสักครั้ง พอเห็นคนแซ่อวิ๋น นายตนต้องอารมณ์เสียแน่ จึงก้าวเข้าไปขวางทางอวิ๋นหว่านชิ่นอย่างอดไม่ได้ พลางขมวดคิ้ว

 

 

“ทำไม คุณหนูอวิ๋นก็มาหาฉินอ๋องหรือ”

 

 

สายตาเช่นนี้ ทำไมเหมือนกำลังแสดงอำนาจ พอๆ กันกับสายตาที่อวี้โหรวจวงมองตน อวิ๋นหว่านชิ่นจึงมองกลับด้วยหางตาและแววตานึกขำ

 

 

“เยี่ยนอ๋องเชิญหม่อมฉันมา หม่อมฉันจึงมา” น้ำเสียงไม่เย่อหยิ่งและไม่นอบน้อม บวกกับชุดขี่ม้าสตรีรัดเอว จึงดูทะมัดทะแมงยิ่ง

 

 

เยี่ยนอ๋องเห็นเฉี่ยวเย่ว์พูดจาหยาบคาย จึงเอ็ดเสียงต่ำ “ไสหัวไป! นางเป็นแขกที่ข้าเชิญมา ถ้าข้าเข้าไป นางก็ต้องตามเข้าไป ต้องให้เจ้าสอบถามด้วยหรือ”

 

 

เฉี่ยวเย่ว์ข่มอารมณ์ กลืนน้ำลายลงไป ได้แต่ถอยออก

 

 

เยี่ยนอ๋องจึงพาอวิ๋นหว่านชิ่นเดินเข้าไป แต่ยังไม่ทันร้องเรียก “พี่สาม” ในกระโจมก็มีเสียงสุนัขเห่าดังมา เมื่อมองลอดผ้าม่านที่เลิกขึ้นครึ่งหนึ่ง ก็เห็นสุนัขป่าพันธุ์ผสมสีดำตัวหนึ่ง นั่งในท่าหมอบ ใช้ขาหน้าจับเนื้อชิ้นหนึ่งไว้ กำลังกินอย่างเอร็ดอร่อย

 

 

ซย่าโหวซื่อถิงนั่งอยู่หลังโต๊ะแคบยาว คล้ายบิดากำลังเฝ้ามองลูกชายกินอาหารสุนัขอย่างพออกพอใจ

 

 

ส่วนท่านหญิงหย่งจยา นั่งอยู่ข้างโต๊ะแคบยาว

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นแม้ยืนอยู่ไกล แต่ก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าสิ่งที่สุนัขกำลังกินอยู่ดูไม่ถูกต้องนัก นอกจากส่วนที่สุนัขอมไว้ในปากแล้ว ยังมีอีกส่วนที่อยู่นอกปาก จึงรีบดึงแขนเสื้อของเยี่ยนอ๋องไว้

 

 

“ท่านอ๋อง สุนัขกำลังกินอะไรอยู่”

 

 

ใบหน้าเยี่ยนอ๋องปรากฏรอยยิ้มลึกลับ แต่ก็ไม่ปิดบัง “ตัวเดียวอันเดียวของอวี้เฉิงกัง”

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นพลันท้องไส้ปั่นป่วน ดีที่มื้อเช้ากินเข้าไปไม่มาก หาไม่แล้วคงอาเจียนออกมาจริงๆ แต่ก็ชัดเจนแล้วว่า เป็นเขา สรุปว่าที่อวี้เฉิงกังถูกสัตว์ร้ายฆ่าตาย เขาก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

 

 

ขณะนั้น ราชาสุนัขได้กินลงท้องหมดเรียบร้อย จึงตวัดลิ้นไปมา สั่นหางดุ๊กดิ๊ก เตรียมกลับไปหาเจ้าของ ขณะเดินผ่านท่านหญิงหย่งจยา ก็แยกเขี้ยวใส่อีกครั้ง สำแดงเดชให้เห็น

 

 

หย่งจยาไม่เคยรู้ว่า ต้องทำอย่างไร จึงจะทำลายม่านบางๆ ที่กั้นระหว่างตนกับญาติผู้พี่ท่านนี้ได้ นิสัยเย็นชาของเขา ทำให้ใกล้ชิดยาก หรือต่อให้ได้ใกล้ชิด ถ้าไม่มีเหตุผลมากพอ ก็ยากที่จะเจาะผ่านม่านบางๆ นั้นได้ ความสัมพันธ์ต้องห้ามระหว่างญาติพี่น้อง ที่สุดแล้วก็เป็นภูเขาสูงใหญ่ลูกหนึ่งที่ไม่สามารถปีนป่ายขึ้นไปได้…

 

 

ตอนนี้พอหย่งจยาเห็นสุนัขป่าพันธุ์ผสมแสดงท่าทางขู่ตน ครึ่งหนึ่งก็อยากใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์ อีกครึ่งหนึ่งก็หวาดกลัวอยู่บ้างจริงๆ แต่ก็ตัดสินใจฉวยโอกาสลงมือ

 

 

‘พรึ่บ’ เสียงลุกพรวด หย่งจยารีบวิ่งเข้าหลังโต๊ะยาวแคบอย่างตื่นตระหนก ไปแอบอยู่หลังซย่าโหวซื่อถิง กอดแขนข้างหนึ่งของชายหนุ่มไว้ แล้วแนบชิดติดเอวบางๆ ของเขา

 

 

“เสด็จพี่ฉินอ๋อง…ดูสุนัขสิ มันกำลังขู่หย่งจยา!”

 

 

แล้วเสียงของเยี่ยนอ๋องที่อยู่นอกกระโจมก็ดังขึ้น

 

 

“พี่สาม น้องพาคุณหนูอวิ๋นมาด้วย ตอนนี้สะดวกเข้าไปในกระโจมหรือเปล่า”

 

 

ซย่าโหวซื่อถิงไม่แม้แต่จะคิด ใช้สัญชาติญาณ ชี้นิ้วทำสัญญาณมือ สั่งราชาสุนัขเงียบๆ

 

 

พอราชาสุนัขได้รับคำสั่ง ก็พุ่งใส่ร่างผู้ต้องสงสัยที่เกาะติดอยู่กับร่างของเจ้าของทันที ท่านหญิงหย่งจยาดวงตาเบิกโพลง ยังไม่ทันร้อง ก็ถูกสุนัขกระโดดใส่และกดลงกับพื้น

 

 

ซย่าโหวซื่อถิงเหลือบมองหย่งจยาที่ถูกราชาสุนัขพัวพันไม่เลิก มันเลียนางอย่างมีความสุข แล้วเขาก็ถอนหายใจออกมา ก่อนว่า

 

 

“เอาล่ะ ตอนนี้เข้ามาได้”