ตอนที่ 112-1 มีแต่ข้าที่ทำให้ท่านเจ็บได้

ยอดหญิงอันดับหนึ่ง

พอเยี่ยนอ๋องกับอวิ๋นหว่านชิ่นก้าวเข้าไปในกระโจม ก็เห็นสุนัขป่าพันธุ์ผสมกำลังบีบท่านหญิงหย่งจยาที่เนื้อตัวเปียกแฉะให้ไปอยู่ในมุมๆ หนึ่ง จึงไม่ทันทักทายซย่าโหวซื่อถิง ได้แต่มองตาเขาอย่างรู้ทันกัน

 

 

สุนัขตัวดี เพิ่งเปิบพิสดารไปหยกๆ เราสองล้วนรู้ดี เศษเนื้อที่ติดอยู่ตามปากและซอกฟันยังไม่ทันทำความสะอาด! ก็ไปเลียท่านหญิง…แบ่งปันให้กันเสียแล้ว

 

 

เดิมทีหย่งจยาตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง จึงไม่กล้าขยับไปไหน กลัวว่าสุนัขตัวใหญ่จะยิ่งตื่นจนหันมากัดตนเองเข้า สักพักค่อยรู้สึกว่า แก้มและคอถูกสุนัขเลียจนมันเยิ้มไปหมด เนื้อตัวมีแต่กลิ่นอันน่าขยะแขยงที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูก จึงพยายามหลบเลี่ยงพลางหอบ

 

 

“เสด็จพี่ฉินอ๋อง…” ได้แต่มองไปยังญาติผู้พี่อย่างน่าสงสาร

 

 

ซย่าโหวซื่อถิงดีดนิ้ว ราชาสุนัขจึงถอยออก กลับมาอยู่ข้างกายเจ้าของ เหมือนแม่ทัพที่กลับมาพร้อมชัยชนะอย่างสง่าผ่าเผย

 

 

“ฮาๆๆๆ…หย่งจยา…” เยี่ยนอ๋องผู้มีอุปนิสัยแบบเด็กๆ หัวเราะอย่างหยุดไม่ได้ “ทำไมเจ้าถึงล่วงเกินราชาสุนัขได้เล่า! ออกไปในสภาพนี้ คนอื่นจะนึกว่าเจ้าเดินตกหลุมมา!”

 

 

หย่งจยาอายจะแย่อยู่แล้ว เพียงเจ็บใจที่ไม่สามารถฉีกร่างเจ้าราชาสุนัขนั่นออกเป็นชิ้นๆ ขณะซวนเซเกาะผ้าใบกระโจม กว่าจะลุกขึ้นยืนได้ ก็เห็นเยี่ยนอ๋องพาอวิ๋นหว่านชิ่นก้าวเข้ามา จึงยิ่งอายยิ่งโกรธ ยกแขนเสื้อขึ้น แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ผ้าแพร ล้วงผ้าเช็ดหน้าลายปักออกมาเช็ดถูสิ่งสกปรกบนใบหน้า แต่เช็ดอย่างไรก็เช็ดไม่หมด จึงมองหน้าญาติผู้พี่อีกครั้ง พลางบีบเสียง “เสด็จพี่ฉินอ๋อง…”

 

 

กลิ่นภายในกระโจมไม่สู้ดีเท่าไหร่ ซย่าโหวซื่อถิงย่นจมูก ก่อนตะโกนเรียก “เฉี่ยวเย่ว์!”

 

 

เฉี่ยวเย่ว์รีบวิ่งเข้ามา พอเห็นสภาพท่านหญิง ก็สะดุ้งตกใจ รีบออกไปเอาน้ำมาหนึ่งกะละมังทองแดงกับผ้าสะอาดกองหนึ่งเข้ามา แล้วดึงท่านหญิงที่สกปรกเลอะเทอะทั้งตัวออกไปยืนด้านข้าง ค่อยๆ เช็ดตัวให้

 

 

หย่งจยาเช็ดล้างพลางสำรวจมองอวิ๋นหว่านชิ่น เป็นครั้งแรกที่ตนกับนางปรากฎตัวอยู่ตรงหน้าญาติผู้พี่ด้วยกัน นางดูเท่สามส่วน สวยเจ็ดส่วน แต่ตนที่สูงส่งน่ารักเสมอมา ตอนนี้กลับโซมจนไม่เหลือเค้าโครงเดิม จึงรู้สึกหงุดหงิดใจยิ่ง แต่แล้วก็ได้ยินเยี่ยนอ๋องเอ่ยขึ้น

 

 

“พี่สามจะเข้าป่าล่าสัตว์จริงหรือ ถ้าไง คิดทบทวนอีกครั้งเถอะ”

 

 

พอซย่าโหวซื่อถิงนั่งลงที่หลังโต๊ะแคบยาว ก็บอกให้เสด็จน้องกับอวิ๋นหว่านชิ่นนั่งลงตรงเก้าอี้พนักทรงกลมด้านขวามือ เขานึกไม่ถึงว่าเจ้าแปดจะดำเนินการโดยพลการ พานางมาที่นี่ด้วย น่าจะมากล่อมให้ตนคิดทบทวนให้ดีๆ จึงหยิบมีดสั่นอีกเล่มขึ้นมาเช็ด อมยิ้มพลางว่า

 

 

“ม้าและอุปกรณ์ล้วนเตรียมพร้อมแล้ว ราชาสุนัขก็จูงออกมาแล้ว จะให้ไปขอถอนตัวกับเสด็จพ่อ บอกว่าไม่ไปแล้วเนี่ยนะ”

 

 

“ทำไมจะไม่ได้ ก็บอกให้หมออิงรายงานไปว่า วันนี้สุขภาพพี่สามไม่เหมาะกับการเดินป่า เท่านี้ก็สิ้นเรื่อง

 

 

เสด็จพ่อไม่ถือโทษโกรธพี่สามหรอก” เยี่ยนอ๋องเชิดหน้าขึ้น

 

 

ด้านท่านหญิงหย่งจยาที่จัดการผมเผ้าและใบหน้าเสร็จเรียบร้อย ก็แสดงความเอาใจใส่อย่างสง่างามเต็มที่ ยืดคอขึ้นพลางว่า

 

 

“ใช่แล้ว ถ้าเสด็จพี่ฉินอ๋องไปขอถอนตัว ถึงตอนนั้นหย่งจยาค่อยพูดกับเสด็จลุงฝ่าบาทอีกครั้ง ไม่มีปัญหาแน่”

 

 

ลูกเห็บตกลงบนใบหน้าซย่าโหวซื่อถิง เขาวางมาดครึม ค่อยๆ เก็บอุปกรณ์ล่าสัตว์ชนิดพกติดตัวซึ่งตรวจสอบเสร็จเรียบร้อยขึ้น

 

 

เยี่ยนอ๋องมองอวิ๋นหว่านชิ่น ได้แต่บอกให้นางพูดสักคำ คนอื่นไม่รู้ก็ว่าไปอย่าง แต่เขารู้ว่า พี่สามให้ความสำคัญกับคุณหนูอวิ๋นมากทีเดียว

 

 

ทว่าอวิ๋นหว่านชิ่นกลับไม่พูด เมื่อฉินอ๋องได้ตัดสินใจแล้ว จะรามือเช่นนี้ได้อย่างไรกัน เขาเป็นคนอย่างไร ตนยังไม่ชัดเจนอีกหรือ แต่ที่ตามเยี่ยนอ๋องมา จริงๆ แล้วไม่คิดว่าตนเองจะหยุดยั้งเขาได้ ถ้าจะให้พูดเพื่อให้เขาเปลี่ยนความคิด…มิสู้พูดส่งเขาเดินทาง ให้มีความมั่นใจเพิ่มขึ้น ไม่ดีกว่าหรือ

 

 

ภายใต้สายตาที่คาดหวังของเยี่ยนอ๋อง อวิ๋นหว่านชิ่นจ้องมองชายหนุ่มหลังโต๊ะยาว ใบหน้าแฝงกำลังใจเต็มเปี่ยม

 

 

“ขอท่านอ๋องเดินทางอย่างปลอดภัย และได้สัตว์ใหญ่ติดมือกลับมา”

 

 

พอคำพูดนี้หลุดจากปาก เยี่ยนอ๋องพลันแปลกใจ คิ้วโก่งดั่งต้นหลิวของท่านหญิงหย่งจยาก็นิ่ง ก่อนถาม

 

 

“คุณหนูอวิ๋น ป่าเขาอันตรายยิ่ง ร่างกายเสด็จพี่สามยังไม่หายเป็นปกติดี เหตุใดเจ้าถึงยุให้เอาตัวเข้าไปเสี่ยงเล่า”

 

 

“ฉินอ๋องได้เตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ ทั้งทหารฝีมือดี ธนูชั้นเยี่ยม อาวุธแหลมคม สุนัขผู้ซื่อสัตย์”

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นยิ้มจนทำให้ผู้คนใจจดใจจ่อ ก่อนเหลือบมองท่านหญิงหย่งจยา “หม่อมฉันจึงคิดคำพูดที่จะทำลายความเชื่อมั่นของฉินอ๋องไม่ออก”

 

 

หย่งจยากำชายเสื้อแน่นโดยไม่รู้ตัว คำพูดเมื่อครู่ กลับกลายเป็นว่าตนใจปลาซิว ขี้กลัวจนเกินไป และยังกระทบกระเทียบว่าตนทำลายความมั่นใจของญาติผู้พี่อีก?

 

 

แววตาซย่าโหวซื่อถิงกระตือรือร้นขึ้น

 

 

“ได้รับคำอวยพรจากคุณหนูอวิ๋นเช่นนี้ ข้าต้องกลับมาในไม่ช้าแน่”

 

 

ก่อนออกเดินทาง สิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่ความกังวลใจ ไม่ใช่คำพูดเหนี่ยวรั้ง เกลี้ยกล่อมไม่ให้ไป แต่เป็นพรที่ทำให้สดชื่นแจ่มใส

 

 

นางเป็นผู้รู้ใจตนจริงๆ

 

 

เช่นนี้…เข้าป่าครั้งนี้ก็ไม่เสียเปล่า

 

 

เมื่อเยี่ยนอ๋องเห็นพี่สามตัดสินใจแล้ว ไม่เปลี่ยนใจแน่ ก็ได้แต่ยอมแพ้ จึงหันมองไปรอบๆ พอเห็นว่าบนโต๊ะวางอาหารขนาดเล็กใกล้มือมีน้ำชากับขนมวางอยู่ ก็หันไปรินน้ำชาเหล่าจวินเหมยเต็มแก้ว แล้วยกขึ้น

 

 

“เช่นนั้นซื่อหนิงก็ขอใช้น้ำชาแทนสุรา อวยพรให้พี่สามจับสัตว์ป่าที่ต้องการให้ได้เร็วที่สุด และได้รับรางวัลในปีนี้แต่เพียงผู้เดียว!”

 

 

ซย่าโหวซื่อถิงยกถ้วยน้ำชาบนโต๊ะขึ้นด้วยมือข้างเดียว นำมาชนกับถ้วยน้ำชาของเยี่ยนอ๋องกลางอากาศ

 

 

ท่านหญิงหย่งจยาก็รีบยกถ้วยน้ำชาของตนเองขึ้นเช่นเดียวกัน เอียงศีรษะเล็กน้อย แบบสาวน้อยน่ารักไร้เดียงสา พลางยิ้ม

 

 

“เช่นนั้นหย่งจยาก็ขอร่วมกับเยี่ยนอ๋อง อวยพรให้เสด็จพี่ฉินอ๋องกลับมาอย่างผู้ชนะ”

 

 

และในตอนนี้เอง เสียงจังหวะดนตรีก็หยุดลง บรรยากาศสงบนิ่งชั่วขณะ

 

 

ซย่าโหวซื่อถิงตบหลังราชาสุนัขที่หมอบอยู่ข้างรองเท้าบูทของตนเบาๆ บอกว่าจะออกไปแล้ว

 

 

ราชาสุนัขจึงยืนขึ้น สูงราวครึ่งตัวคน สะบัดขน มองดูหย่งจยาวางถ้วยน้ำชาลง ตัวสั่นเล็กน้อย