บทที่ 181 เข้าใจผิด

“นายล้อมพวกฉันไว้หมดแล้วเหรอ?”

รอบนอกนี่มีผู้เล่นมากกว่า 50 คนอยู่งั้นเหรอ?

หากเป็นสถานการณ์อื่นล่ะก็ ถ้ามีใครซักคนมาพูดเช่นนี้ เขาคงจะถูกมองว่าเป็นพวกหลอกลวงไม่ก็สติไม่สมประกอบไปแล้ว เพราะคนฉลาดไม่น่าจะพูดอะไรแบบนี้กัน!

คราวนี้มันกลับหลุดออกมาจากปากของผู้เล่นที่อยู่ ณ จุดสูงสุดของทุกคน

“นี่มัน…เจ้าแห่งฮีลเลอร์งั้นเหรอ?”

“เจ้าแห่งฮีลเลอร์! เขาคือเจ้าแห่งฮีลเลอร์จริง ๆ ด้วย!”

เหล่าสมาชิกกิลด์เดอะวูล์ฟที่มีจำนวนกว่า 50 คน ที่ปกติมักจะสง่าผ่าเผยอยู่ตลอด ในตอนนี้พวกเขากลับกำลังหวาดกลัวกันอยู่ขณะที่มองไปยังร่างอันคุ้นตาของยูนิคอร์นแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์

“เจ้าแห่งฮีลเลอร์ตัวจริงเสียงจริงนี่หว่า! เขามาที่เขตแดนของออร์คจริง ๆ ด้วย!”

“เจ้าแห่งฮีลเลอร์เป็นเพื่อนร่วมทีมอีกคนที่ว่าของพวกนี้เหรอ! จริงเหรอเนี่ย?”

“พวกเราเจอปัญหาใหญ่แล้ว เขาถือเป็นคนที่สู้ด้วยได้ยากที่สุดแล้วนะ!”

พวกเขาได้แต่มองหน้ากันเองด้วยความรู้สึกไร้ทางออก ทั้ง ๆ ที่ฝั่งเดอะวูลฟ์มีกันตั้งมากมายเช่นนี้ แต่คงไม่มีใครเชื่อหรอกว่าเหล่าสมาชิกที่ดูบ้าสงครามของเดอะวูล์ฟกำลังหวาดกลัวผู้เล่นเพียงคนเดียวอยู่หากไม่ได้มาเห็นด้วยตาตนเอง

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะผู้เล่นคนเดียวที่ว่านั้นหาใช่คนไร้ชื่อไม่ เขาเป็นถึงผู้เล่นที่รู้จักกันดีในนามของ ผู้เล่นอันดับ 1 แห่งเขตฮัวเซีย เจ้าแห่งฮีลเลอร์เลยนะ! ยิ่งไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าคนคนนี้ก็เพิ่งจะไปปะทะกับคนของกิลด์กลอรี่นับหมื่นด้วยตัวเองมาด้วย!

แถมเขายัง…ชนะการต่อสู้นั้นอีก!

คนจำนวนหลายหมื่นคนของกิลด์กลอรี่น่ะ มากพอจะปกคลุมได้ทั้งแผนที่ เรียกว่าเป็นทัพใหญ่ยังได้ แต่เขาคนนี้กลับสามารถจัดการคนเหล่านี้ได้ด้วยตัวคนเดียวเหมือนว่ามันเป็นเรื่องง่ายซะงั้น!

นอกจากนี้ ผลลัพธ์ในตอนท้ายกลับเป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อสุด ๆ อีก เจ้าแห่งฮีลเลอร์ผู้นี้ไม่มีบาดแผลเลยแม้แต่น้อย ในขณะที่กิลด์กลอรี่เสียกำลังคนไปกว่าหมื่นและต้องยอมรับความพ่ายแพ้ในท้ายที่สุด

ทุกคนต่างคิดเหมือนกันว่าผลลัพธ์นี่มันดูเหลือเชื่อ หากแต่มันเป็นเรื่องจริง ชายตรงหน้าพวกเขาคนนี้คือคนที่เอาชนะคนนับหมื่นได้ด้วยตัวเอง ข่าวนี้มันสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งเขตฮัวเซียเลย

“พวกนายรออะไรอยู่เล่า? รีบ ๆ ตามคนมาช่วยเพิ่มเร็ว ๆ สิ ฉันไม่อยากให้คนอื่นคิดว่าฉันรังแกพวกนายนะ”

เซียวเฟิงเร่งเร้าพวกเขาอีกครั้งขณะมองผู้เล่นเหล่านี้ที่จังงังและไม่กล้าลงไม้ลงมือตรงหน้า

“เจ้าแห่งฮีลเลอร์ นี่ต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดแน่ ๆ”

ตอนนั้นเอง ลิตเติ้ลฟ็อกซ์ก็เดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มเกร็ง ๆ บนใบหน้า ความเย้ายวนเสน่ห์ที่มักปรากฏบนหน้าของเธอนั้น บัดนี้กำลังถูกความอึดอัดเข้าแทรกอยู่นิดหน่อย

“เข้าใจผิด? เข้าใจผิดอะไร? เธอวางแผนจะฆ่าพวกฉันแล้วแย่งบอสไม่ใช่หรือไง? เข้ามาฆ่าแล้วไปแย่งเลยสิ!” ซางกวน อาโอเชินวิ่งไปอยู่หลังเซียวเฟิงก่อนจะตะโกนใส่ผู้เล่นจากเดอะวูล์ฟ

เมื่อมีเซียวเฟิงเป็นแบ็กอัปแบบนี้ เขาก็ดูจะห้าวเป็นพิเศษเลย

“อ่าฮะ เป็นเรื่องปกติเวลาเจอบอสในป่าอยู่แล้ว เพราะงั้นถ้าอยากได้ก็เรียกพวกของเธอมาเพิ่มสิ”

เซียวเฟิงพยักหน้า คำพูดของเขาที่บอกให้อีกฝ่ายเรียกคนมาเพิ่มนั้น แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้เกรงกลัวอะไรคนจำนวน 50 คนตรงหน้านี้เลย

“นี่มัน…จริง ๆ พวกฉันไม่ได้มีเจตนามุ่งร้ายอะไรเลยนะ เจ้าแห่งฮีลเลอร์ เพื่อนร่วมทีมของนายเป็นฝ่ายทะเลาะกับคนของฉันก่อน ตามปกติกิลด์ของพวกเราก็ไม่เคยฆ่าใครเพราะจะเก็บบอสอยู่แล้ว เรื่องนี้ทุกคนในเขตฮัวเซียก็รู้กันหมดนั่นแหละ”

ลิตเติ้ลฟ็อกซ์ยังคงฝืนยิ้มอันทรงเสน่ห์ไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงอดทนและสุภาพไปด้วย

ด้านหลังเธอ เหล่าผู้เล่นกว่า 50 คนเริ่มจะรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาแล้ว คนพวกนี้ไม่ได้เกลียดการต่อสู้ และไม่เคยคิดอยากจะแค่กล่าวเตือนเวลามีคนมาท้าทายด้วย

พวกเขาจำเป็นต้องระงับอารมณ์ของตนเอาไว้ ชื่อเสียงของแต่ละคนก็เปรียบเสมือนเงาของต้นไม้ ที่แม้จะไม่มั่นคงแต่ก็เป็นสิ่งจำเป็น เจ้าแห่งฮีลเลอร์คนนี้สามารถกำจัดคนหลักหมื่นของกิลด์กลอรี่ได้ พวกเขารู้ว่ากิลด์กลอรี่น่ะแข็งแกร่งกว่ากิลด์วูล์ฟของพวกตนมากอยู่ในเรื่องของภาพรวม นี่ขนาดกิลด์กลอรี่ใช้คนถึงหลักหมื่นก็ยังเอาชนะเจ้าแห่งฮีลเลอร์ไม่ได้ นั่นแสดงให้เห็นแล้วว่าไม่มีใครหยุดยั้งเจ้าแห่งฮีลเลอร์ได้ เขาน่ากลัวเกินไป!

บางทีคน 50 กว่าคนตรงหน้าตอนนี้น่ะ อาจจะเป็นเพียงของสำหรับอุ่นเครื่องในสายตาของเขาก็ได้ เพราะเหตุนี้เขาถึงได้ให้ตามคนมาเพิ่ม

“หืม? ก่อนหน้านี้ฉันว่าเธอไม่ได้พูดแบบนี้นี่ คนที่หยิ่งผยองก่อนรวมถึงข่มขู่ฉันด้วยมันเธอนะ แล้วทำไมตอนนี้จะหนีซะแล้วล่ะ?”

จืออี้ก้าวขึ้นมาข้างหน้าช้า ๆ ร่างกายที่แสนเย้ายวนของเธอขยับเป็นจังหวะตามก้าวเดินที่สะกดทุกสายตา รอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยความน่าหลงไหลปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวยของหญิงสาวอีกครั้ง และมันทำให้ใบหน้านั้นสวยมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก ตลอดทางที่กำลังเดินเข้าไปหา เธอก็พูดนู่นพูดนี่ไปด้วยเพื่อเป็นการ ‘สุมไฟ’ โดยที่สายตาของเธอนั้นเอาแต่จับจ้องไปยังเบื้องหลังของเซียวเฟิงอย่างไม่ลดละ

“เธอ..”

จิ้งจอกสาวแห่งวูล์ฟไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาพูดแก้ตัวจริง ๆ เธอจ้องมองจืออี้ที่กำลังชงเรื่องให้พวกเธอกลายเป็นคนร้าย ตอนนี้เธอเริ่มจะรู้สึกเสียใจขึ้นมาแล้ว ถ้าหากรู้ว่าจืออี้คนนี้ตั้งปาร์ตี้กับเจ้าแห่งฮีลเลอร์ล่ะก็ เธอคงไม่หาเรื่องใส่ตัวแบบนี้แน่ ๆ! ทั้งหมดทั้งมวลมันเกิดขึ้นเพราะความอิจฉาและความดื้อของตัวเองจริง ๆ

ผู้เล่นจากเดอะวูล์ฟด้านหลังเองก็พูดอะไรไม่ออกเช่นกัน พวกเขากำลังจะขาดสติแล้ว จึงหันหน้าเข้าปะทะกับอีกฝ่ายโดยไม่สนใจอะไรอีกแล้ว!

“ฮะ…เฮ้ คุณคือเจ้าแห่งฮีลเลอร์ใช่ไหมคะ? เราเจอกันอีกแล้วนะ”

ทันใดนั้น ร่างเล็กและงดงามของผู้เล่นหญิงรูปร่างคล้ายแมวที่อยู่ด้านหลังลิตเติ้ลฟ็อกซ์ก็เดินออกมา เธอโบกมือทักทายเซียวเฟิง ซึ่งเจ้าของร่างนี้ก็ไม่ใช่ใครนอกจากคิทเท่นคนนั้น

“เฮ้? เธอนี่เอง อยู่กิลด์นี้เองเหรอเนี่ย?”

เซียวเฟิงประหลาดใจและไม่คาดคิดเลยว่าจะได้เจอคิทเท่นอีกครั้ง เขาดูจะดีใจมาก ๆ ที่ได้เจอเธอ นั่นเพราะเธอรู้ว่าแม็ปไหนที่หนังสือสกิลจะดร็อป และเซียวเฟิงก็สนใจสิ่งนั้นอยู่พอดี

“ใช่แล้วค่ะ พวกเราทั้งหมดเป็นสมาชิกกิลด์เดอะวูล์ฟในเขตแดนของออร์ค คุณมาทำภารกิจที่นี่เหรอคะ?”

คิทเท่นเป็นเด็กสาวที่สวยเหมือนนางแมวยั่วสวาท ด้วยหูแมวที่ดูน่ารักน่าชังทั้งสองข้างบนหัวนั้น น้ำเสียงของเธอดูจะมีความสุขเช่นเดียวกับสีหน้ายามที่ได้เจอเซียวเฟิงอีกครั้ง

ตอนนี้ลิตเติ้ลฟ็อกซ์และผู้เล่นคนอื่น ๆ ของเดอะวูล์ฟเริ่มจะรู้สึกโล่งใจขึ้นมาแล้วเมื่อเห็นว่าคิทเท่นรู้จักกับเซียวเฟิง ทว่ากลับเป็นจืออี้แทนที่รู้สึกหนักใจ มันแสดงออกให้เห็นชัดผ่านดวงตาคู่สวยของเธอ

“เปล่าหรอก ฉันกำลังจะไปเมืองของคนแคระเพื่อตามหา NPC น่ะ” เซียวเฟิงส่ายหน้าแล้วตอบไป

“NPC ของคนแคระเหรอ? ถึงแม้ว่าจะมีเมืองของเหล่าคนแคระอยู่ไม่กี่เมืองเพราะประชากรน้อย แต่ NPC ของพวกนี้ก็ไม่เป็นมิตรหรอกนะคะ พวกเขาไม่ยอมพบคุณแน่ ๆ ถ้าหากคุณไม่มีค่าความชื่นชอบเพียงพอ” คิทเท่นพูดหลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง

ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ถ้าเป็นจริงนี่มันก็ถือเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเขาเหมือนกัน เหล่าคนแคระนั้นไม่ได้สักการะวิหารแห่งแสง เพราะงั้นแล้วฉายาอาร์คบิชอปของเซียวเฟิงก็คงจะใช้ไม่ได้ผลกับพวกเขาด้วย …มันจะต้องกลายเป็นปัญหาแน่ ๆ ถ้า NPC ในเมืองคนแคระไม่ยอมบอกเขาถึงที่อยู่ของอาจารย์ตี้

“เจ้าแห่งฮีลเลอร์ พวกเรามีสมาชิกที่เป็นเผ่าคนแคระอยู่บ้างในกิลด์วูล์ฟ ถ้ายังไงให้พวกเราช่วยหา NPC ที่ว่าไหมล่ะ? คิดซะว่าเป็นการขอโทษด้วยความจริงใจที่ฉันทำให้นายเข้าใจผิดก็ได้”

ลิตเติ้ลฟ็อกซ์พูดขึ้นในจังหวะที่คิดว่าแทรกได้ เธอโค้งให้เซียวเฟิงและกล่าวประโยคด้านบนออกไปด้วยรอยยิ้มน้อย ๆ แววตาของเธอเป็นประกายขณะที่จ้องมองไปยังแววตาใต้หน้ากากกระโหลกของเซียวเฟิงไปด้วย

“ขอบคุณมาก มี NPC 2 คนที่คาดว่าน่าจะอยู่ด้วยกัน คนหนึ่งชื่อ ตี้อู่หยา เป็นมนุษย์ ในขณะที่อีกคนคืออาจารย์ตี้ เป็นคนแคระ ถ้ายังไงรบกวนแจ้งข่าวให้ฉันรู้ด้วยถ้าพวกเธอเจอร่องรอยของพวกเขาแล้ว”

เซียวเฟิงแสดงความชื่นชมและกล่าวตอบไปตรง ๆ ยังไงเสียเขาก็ไม่ได้มีแผนถล่มอีกฝ่ายอยู่แล้ว ก็แค่อยากจะขู่คนเหล่านี้เพื่อปกป้องเพื่อนร่วมทีมเฉย ๆ

อันที่จริง ตัวเขาก็ไม่ได้เกรงกลัวอะไรในเดอะวูล์ฟอยู่แล้วหากอยู่ตัวคนเดียว แต่เพราะที่นี่มีจืออี้กับสองพี่น้องนิโคลัสอยู่ด้วย ชายหนุ่มเลยไม่อยากจะเป็นศัตรูกับวูล์ฟในตอนนี้ จืออี้น่ะไม่ต้องเป็นห่วงก็ได้เพราะเธอมีวอร์สปิริตคอยปกป้องอยู่ แต่กับกลุ่มเล็ก ๆ อย่างสองพี่น้องนิโคลัส มันคงจะไม่ดีถ้ากลายเป็นศัตรูกับเดอะวูล์ฟไป

ยิ่งไปกว่านั้น คิทเท่นเองก็อยู่ที่นี่ด้วย เซียวเฟิงสนใจมาก ๆ ว่าแม็ปที่เธอเคยพูดไว้มันอยู่ที่ไหน ดังนั้นเขาจึงละทิ้งความคิดที่จะสู้กับอีกฝ่ายไปจนหมดสิ้น

[แด๊ดได้เพิ่มคุณเป็นเพื่อน]

เสียงของระบบดังขึ้น และมันทำให้ลิตเติ้ลฟ็อกซ์ยิ้มออกมา เธอมองไปยังเซียวเฟิงด้วยสีหน้าแปลก ๆ แต่ยังไงตอนนี้เธอก็โล่งใจแล้วที่ปัญหาตอนนี้ไม่ได้กลายเป็นเรื่องใหญ่อะไร

วงแหวนเวทมนตร์สีขาวปรากฏขึ้นในแนวตั้งเหมือนกระจก เสี่ยวเสวี่ยที่เห็นเช่นนั้นก็เดินเข้าไปภายในด้วยท่าทีสง่าผ่าเผย ถึงแม้ว่าเทพธิดาแห่งแสงจะลงโทษแบนไม่ให้เซียวเฟิงใช้มิติสัตว์เลี้ยงได้ชั่วคราว แต่ก็ยังโชคดีที่มิติสัตว์ขี่ไม่ได้รับผลกระทบไปด้วย

“ถ้างั้นฉันไม่รบกวนปาร์ตี้พวกนายกำจัดบอสก็แล้วกัน ไว้จะติดต่อไปถ้าได้ข่าวอะไรนะ”

ลิตเติ้ลฟ็อกซ์มองเสี่ยวเสวี่ยที่เดินจากไปและหันไปพูดกับเซียวเฟิง ในฐานะสัตว์ขี่แล้ว เสี่ยวเสวี่ยนั้นสวยงามมาก ๆ มันเป็นที่ล่อตาล่อใจของเหล่าผู้เล่นหญิงทุกคนเลย

“ไปก่อนนะคะ” คิทเท่นโบกมือลาเซียวเฟิงพร้อมกับเดินจากไปกับเหล่าเดอะวูล์ฟของเธอ

“นี่ อย่าลืมเรื่องที่พนันกันไว้ล่ะ”

จืออี้ตะโกนตามท้ายลิตเติ้ลฟ็อกซ์ไปด้วยท่าทีหยิ่งผยอง มันทำให้สาวผู้เป็นเป้าหมายสะดุ้งโหยงและรีบเดินสาวเท้าไปอย่างรวดเร็ว

“ท่านเซียว เดี๋ยวนี้นายแข็งแกร่งขึ้นมากระดับที่พวกนั้นยอมถอยตั้งแต่ที่ได้เห็นเลยเหรอเนี่ย สุดยอดไปเลยน้า” จืออี้หันมองทางอื่นขณะพูด เธอยิ้มหากแต่ก็ปกปิดรอยยิ้มนั้นไว้ด้วยมือ ความเจ้าเล่ห์มันฉายให้เห็นอยู่ในแววตาคู่สวยของเธอแวบหนึ่งก่อนจะหายไป

“พวกนายได้โทเคนล่าสมบัติกันกี่ชิ้นแล้ว?” เซียวเฟิงไม่อยากจะตอบคำถามเธอนัก เขาเลือกที่จะหันไปหาสองพี่น้องนิโคลัสและถามพวกเขาแทน

“พวกเรามี 2 ชิ้น แล้วก็วางแผนที่จะไปหาทวารบาลปีศาจตัวที่ 3 อยู่ครับ ขอบคุณพี่เซียวมาก ๆ เลยที่ปรากฏตัวออกมา ไม่งั้นบอสตัวนี้ได้ถูกพวกนั้นปล้นไปแน่ ๆ ” เถียซูตอบในขณะที่ผู้เล่นคนอื่น ๆ ที่อยู่ด้านหลังเขาก็มองไปยังเซียวเฟิงด้วยความชื่นชมด้วย

“แค่ 2 เองเหรอ? เหลือเวลาอีก 10 ชั่วโมงกว่า ๆ พวกนายจะหาโทเคนไม่พอเอานะ” เซียวเฟิงพูดขณะมองไปยังพวกเขา ถ้ารู้เช่นนี้ก่อนเขาคงไม่เอาโทเคนทั้ง 2 ชิ้นนั้นให้เฉียนโตวโตวหรอก

“ไม่เป็นไรหรอกพี่เซียว ก่อนอีเวนท์จะเริ่ม เราแค่หาให้ได้มากที่สุดก็พอแล้วล่ะ จริง ๆ พวกเราก็ไม่ได้อยากจะเข้าร่วมอีเวนท์นั้นกันหมดหรอก เพราะนอกจากเจ๋าซือกับฉันแล้ว คนอื่น ๆ ก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากหรือมีอุปกรณ์ดี ๆ เพียงพอสำหรับอีเวนท์นี้อยู่แล้ว” เถียซูแสดงสีหน้าออกมาให้เห็นว่าเขาไม่ได้กังวลเรื่องโทเคน ตัวเขาและเจ๋าซือนั้นถูกเรียกว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญทั้งการเก็บเลเวลและครอบครองไอเทมดี ๆ หลังจากที่ได้เข้าปาร์ตี้กับเซียวเฟิงเมื่อหลายวันก่อน อย่างไรก็ตาม อย่างที่พวกเขาได้พูดไว้ว่าผู้เล่นคนอื่น ๆ ที่มาด้วยนั้นต่างก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรกันมาก ยังไงเสียพวกเขาก็ยังเป็นแค่กลุ่มนักเรียนที่ไม่สามารถออนไลน์ตลอดวันได้

“พี่ชาย งั้นพี่ไปช่วยหาโทเคนให้ฉันนะ พี่สาวน่ะเดี๋ยวกิลด์ของเธอก็จัดหาให้เอง แต่ฉันเนี่ยสิ ยังไม่มีโทเคนแม้แต่ชิ้นเดียวเลย!” ซางกวน อาโอเชินรีบพูดขึ้นมา เขาดูเหมือนจะเกาะขาเซียวเฟิงเหมือนปลิงแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ถ้ายังไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ

“งั้นก็รีบไป พวกเรายังพอมีเวลา ฉันยังพอช่วยหาโทเคนให้นายได้ซักชิ้นหนึ่ง”

เซียวเฟิงมองเวลาและพบว่ายังพอมีเวลาราว ๆ 1 ชั่วโมงก่อนถึงเวลาอาหารเช้า เพราะงั้นเขาจึงยอมไปด้วย

“เยี่ยม!”

คนอื่น ๆ เองก็พลอยรู้สึกตื่นเต้นไปด้วยหลังจากได้ยินคำพูดของเขา นั่นเพราะพวกเขารู้ว่าพลังในการต่อสู้ของเซียวเฟิงนั้นกำลังแตะเลเวลสูงสุดแล้ว

“พี่ชาย! คอยฮีลให้ฉันด้วยนะ! แค่นั้นก็พอ”

ซางกวน อาโอเชินตะโกนแล้ววิ่งเข้าใส่ทวารบาลปีศาจที่อยู่ไม่ไกลอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะไม่สนใจพลังชีวิตของตนเองเลยเมื่อได้รับการบัฟจากเซียวเฟิง ซึ่งเซียวเฟิงก็ไม่ได้พูดอะไรนอกเสียจากยอมช่วยอีกฝ่ายอีกครั้งหนึ่ง เพราะถ้าไม่ทำ เด็กน้อยคนนี้ก็คงจะถูกทวารบาลปีศาจฆ่าตายได้อย่างง่าย ๆ เลย

“ฮ่า ๆๆ! แบบนี้แหละพี่ชาย! พลังในการฮีลของพี่นี่เพิ่มขึ้นเยอะสุด ๆ เลย! เจ๋งจริง ๆ!”

เซียวเฟิงส่ายหน้าขณะได้ยินซางกวน อาโอเชินตะโกนโหวกเหวกไม่หยุด เขาหันไปมองจืออี้ที่อยู่ใกล้ ๆ ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ทำไมเธอถึงไม่พาเขาเข้าวอร์สปิริตไปด้วยล่ะ? ด้วยพลังของเขามันน่าจะช่วยเหลือพวกเธอที่นั่นได้ แถมพวกเธอยังสามารถดูแลกันเองได้อีก”

“เขามีเหตุผลของเขาเองน่ะ แล้วฉันก็ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเหตุผลของเขาด้วย เด็กคนนั้นบอกกับฉันไว้ว่าเขาอยากจะเข้าร่วมกับกิลด์ที่มีคนเก่ง ๆ ระดับปรมาจารย์อยู่เท่านั้น”

จืออี้ส่ายหน้าขณะมองเด็กชายเข้าห้ำหั่นกับบอสไปพลาง ๆ แทบจะนับครั้งได้ที่บนใบหน้าสวยนี้จะแสดงให้เห็นถึงความจริงจังและสง่างามออกมาแบบนี้