เหลิ่งหานโกรธจนสั่นไปทั้งตัว นักเรียนของคณะหยินหยางที่อยู่รอบๆ ทนดูต่อไปไม่ได้ ออกมาก่นด่าว่า

“คนคณะหนึ่งเดียว อย่าทำเกินไปหน่อยเลย”

“นายกล้าเตะหน้าศิษย์พี่เหลิ่งหาน ระวังนักเรียนของคณะหยินหยาง เอาชีวิตนายแล้วกัน”

……

เยียนหรานที่อยู่ข้างๆ พูดขึ้นมาเช่นกัน “คนหนุ่มมีความสามารถของคณะหนึ่งเดียวท่านนี้ ของพนันแบบนี้ เป็นเรื่องไม่สำคัญ อย่าจริงจังเกินไป เห็นแก่หน้าฉัน ช่างมันเถอะ”

เยียนหรานยิ้มบางๆ ทำให้นักเรียนรอบๆ มองตาเยิ้ม ลำคอแห้งผาก

หานเฟิงกลืนน้ำลาย กวาดตามองเยียนหราน หัวเราะแล้วพูดว่า “เกือบแล้วๆ เธอเกือบทำให้ฉันทิ้งของพนันแล้ว แต่น่าเสียดาย ฉันไม่ชอบไอ้หน้าละอ่อนคณะหยินหยาง ยื่นหน้านายมาเดี๋ยวนี้ ศิษย์คณะหยินหยางไม่รู้จักคำว่ากล้าพนัน ก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้เหรอ ถ้าพวกนายยอมรับว่าพวกนาย เป็นคนหน้าไม่อาย งั้นพวกนายช่วยเดินออกไปป่าวประกาศหน่อย คนในที่นี้เป็นพยานได้ นักเรียนคณะหยินหยางเป็นพวกอ่อนที่แพ้ไม่เป็น”

หานเฟิงถ่มน้ำลายออกมา อาจเป็นเพราะอยู่กับอาจารย์อี้ชิงมานาน น้ำลายที่หานเฟิงถุยออกมา เยอะกว่าคนทั่วไปเล็กน้อย มันถ่มลงบนรองเท้าของเหลิ่งหาน

เหลิ่งหานโมโหมาก เหมือนพลังปราณจะระเบิดออกมา

เหลิ่งหานก้าวออกมาข้างหน้า

“มาสิ ฉันยืนให้นายเตะ ฉันจะดูว่านายเตะฉันปลิวได้ไหม”

พูดพลาง เหลิ่งหานใช้พลังปราณปกคลุมร่างกาย พลังปราณของแดนปราณนอกเหมือนชุดสีขาวบนตัว ด้านบนมีลายเป็นเส้นๆ บ่งบอกว่าผลการฝึกตนแดนปราณนอกของเหลิ่งหานล้ำลึกมาก

หานเฟิงฉีกยิ้ม “ยืนให้ดีก็พอ”

หานเฟิงเข้ามาเตะอย่างรวดเร็ว เตะนี้โดนหน้าเหลิ่งหานเต็มๆ

ไม่มีเสียง ไม่มีพลังปราณปะทะกัน ขาของหานเฟิงเหมือนมีดกำจัดพลังปราณของเหลิ่งหาน

เหมือนพลังปราณที่ปกคลุมตัวเหลิ่งหาน ไม่ได้แสดงพลังป้องกันอะไรเลย เขามองขาของหานเฟิง เตะมาที่หน้าเขา อย่างตกตะลึง

เหลิ่งหานกระเด็นถอยหลังออกไป ลอยไปไกลสามสิบกว่าเมตร กระแทกลงบนพื้น จนเกิดเสียงดัง

ทุกคนหันไปมองอย่างตกตะลึง เห็นรอยเท้าขนาดใหญ่ บนหน้าเหลิ่งหาน อย่างชัดเจน ใบหน้าโดนหานเฟิงเตะจนเบี้ยวเล็กน้อย ใบหน้าอันหล่อเหลาปูดบวมขึ้นทันที

“สะใจ!”

หานเฟิงหัวเราะ และดึงขากลับมา

สายตาที่ทุกคนมองเขา ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เตะนักบู๊แดนปราณนอกกระเด็น

พละกำลังเช่นนี้ เรียกได้ว่าไม่ธรรมดา

ตอนนี้นักเรียนของคณะหยินหยาง ไม่กล้าเข้ามา รีบวิ่งไปข้างเหลิ่งหาน

“ศิษย์พี่เหลิ่งหาน ไม่เป็นอะไรใช่ไหม”

เหลิ่งหานผลักนักเรียนคณะหยินหยางทั้งสองคนออกไป มองหานเฟิงด้วยสีหน้าอาฆาต

เหลิ่งหานกัดฟัน “กลับ!”

เหลิ่งหานปัดรอยเท้าบนหน้าออก แล้วเดินออกไป นักเรียนคณะหยินหยาง รีบตามออกไป พวกเขาอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้แล้ว วันนี้คณะหยินหยางขายหน้าจนหมดแล้ว

หลิงเหยาเดินยิ้มเข้ามา มองหานเฟิงแล้วพูดว่า “คิดไม่ถึงว่านายก็เก่งเหมือนกัน”

หานเฟิงหัวเราะ “แน่นอนอยู่แล้ว คนอย่างหานเฟิง ไม่เคยกลัวใคร แม่นางหลิงเหยา ไปกินข้าวกับฉันสักมื้อไหม”

หลิงเหยาหัวเราะเบาๆ “ฉันจะรู้ได้ยังไง ว่านายไม่ได้มีเจตนาร้าย”

หานเฟิงส่ายหน้ารัวๆ “ฉันเป็นคนบริสุทธิ์ขนาดนี้ จะมีเจตนาร้ายได้ยังไง ไม่เชื่อเธอถามศิษย์น้องลู่ฝานสิ ฉันบริสุทธิ์ที่สุดในคณะแล้ว”

ลู่ฝานยิ้ม แล้วเดินกลับมา “ศิษย์พี่หานเฟิง คณะหนึ่งเดียวของเรา มีทั้งหมดห้าคน อีกทั้งพี่คือคนที่ไม่บริสุทธิ์ที่สุด คุณหลิงเหยา เจอกันอีกแล้วนะ”

หลิงเหยายิ้มให้ลู่ฝาน รอยยิ้มน่าหลงใหล จนจะทำให้ทุกคนวูบ “คุณชายลู่ฝาน สวัสดีค่ะ”

ทั้งสองคนสบตากัน จู่ๆ หลิงเหยาหน้าแดงเล็กน้อย รีบก้มหน้าลงทันที

หานเฟิงเห็นท่าทางของหลิงเหยา และมองลู่ฝาน เงยหน้าถอนหายใจ “ที่แท้พวกนายเป็นคนรักเก่ากันนี่เอง”

ลู่ฝานอึ้งไป เบิกตามองหานเฟิง “ศิษย์พี่หานเฟิง ไม่พูดก็ไม่มีใครว่าพี่เป็นใบ้นะ”

พูดจบ ลู่ฝานเดินไปหาเจ้าอ้วนตัวใหญ่ แล้วพูดว่า “เปิดถุงของฉันสิ ควรชำระของพนันสักหน่อย”

เจ้าอ้วนตัวใหญ่หัวเราะ “ฮ่าๆ ได้เลยๆ ศิษย์น้องลู่ฝานฝีมือดี ฉันชื่อผางไห่ เป็นศิษย์ของอาจารย์เซินถูแห่งคณะกำแหง นี่คือผางเทาน้องชายฉัน มาเป็นเพื่อนกันเถอะ”

ผางไห่กับผางเทาเจ้าอ้วนทั้งสองคน คารวะให้ลู่ฝาน ลู่ฝานยิ้มแล้วคารวะกลับ

ผางไห่เปิดถุงของลู่ฝานออกช้าๆ แล้วพูดว่า “ฉันวางถุงไว้ตรงนี้ตลอดเวลา ไม่เคยมีใครแตะต้อง ทุกคนเห็นชัดเจนแล้ว”

ทุกคนเห็นผางไห่ หยิบขวดเล็กๆ ออกมาจากข้างใน เปิดขวดดม แล้วพูดว่า “ยาวิเศษ ฮ่าๆ ยาวิเศษ”

ลู่ฝานหัวเราะเบาๆ “ถูกต้อง ยาวิเศษ ยาจิตนิ่งระดับ4 ทั้งหมดสิบขวด”

ได้ยินคำว่ายาวิเศษระดับ4 สีหน้าทุกคนเปลี่ยนไปทันที

มีคนเอายาวิเศษออกมาเป็นของพนัน สิ่งนี้มันยิ่งใหญ่มาก

อี้ว์หวาตะเกียกตะกาย ลุกขึ้นมาได้ครึ่งตัว เห็นสิ่งพนันของลู่ฝาน เป็นยาจิตนิ่งสิบขวด อี้ว์หวากระอักเลือดออกมา แล้วล้มลงไปบนพื้นอีก