ตอนที่ 385 ผมปกป้องคุณ
เผยอวิ๋นเจ๋อมีสีหน้าพินิจพิเคราะห์ ก่อนจะยกยิ้มมุกปากออกมา “พ่อของฉันคงลำบากน่าดู”
ผู้ช่วยม่อซิ่งสีหน้าบิดเกร็ง ไม่กล้าพูดอะไร
–
หลังจากการแสดงของเฉินฝานซิง ภายในงานก็ไม่มีเหตุการณ์น่าสนใจอะไรเกิดขึ้นอีก
ชายชราเจ้าของงานก็หมดสนุกจึงต้องขอตัวออกจากงานไปก่อน
โรงแรมเผยซื่อตั้งอยู่ริมทะเล ด้านหลังโรงแรมมีลมทะเลพัดโกรกเข้ามาเย็นสบาย หาดทรายนุ่มละเอียด เฉินฝานซิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวยาว นิ้วเรียวของเธอนวดระหว่างคิ้วเบาๆ
โน้ตเพลงเมื่อครู่นี้ต้องผ่านการท่องจำอย่างหนัก เพลงนี้เป็นเพลงที่เธอเคยฟังมานานมากแล้วแต่กลับไม่เคยได้เล่นจริงๆ จังๆ สักครั้งหนึ่ง
ไม่ได้ใช้การสมองหนักๆ แบบนี้มานาน ตอนนี้ใช้งานสมองมากเกินไปทำให้เธอรู้สึกถึงความปวดหัวและไม่ค่อยคุ้นชิน…
แน่นอนว่าต้องไม่ใช่ความรู้สึกที่คนทั่วไปจะทนรับไหว
เพียงแต่ว่า ความเจ็บปวดในระดับนี้ สำหรับเธอแล้ว ยังพอทนไหวอยู่…
ทันใดนั้นเองเธอก็รู้สึกได้ถึงน้ำหนักบางอย่างบนบ่า ก่อนที่กลิ่นคุ้นเคยจะโอบล้อมเธอไว้
เธอก้มหน้าลงมองเสื้อสูทที่คลุมอยู่บนบ่าของตัวเอง ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ
ป๋อจิ่งชวนนั่งลงข้างเธอแล้วโอบเธอเข้าไปในอ้อมแขน
เฉินฝานซิงซบลงตรงไหล่ของเขาพลันหลับตาลงพร้อมกับถามออกมาเสียงเบา “เมื่อกี้คุณไปไหนมา”
ป๋อจิ่งชวนไม่ได้พูดอะไรแต่กลับกุมมือของเธอเอาไว้
ระหว่างนิ้วมือมีความรู้สึกเย็นวาบพาดผ่าน ความรู้สึกนั้นทำให้เฉินฝานซิงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาช้าๆ
แสงสว่างสีเงินส่องประกายอยู่ตรงหน้า บนนิ้วนางของเธอ มีแหวนเงินวงหนึ่งสวมอยู่แล้ว
เธอมองไปยังป๋อจิ่งชวนด้วยสายตาแปลกใจ “นี่คือ…”
“ใส่ไว้ก่อน กันไม่ให้ใครบางคนคิดมาก”
สีหน้าของป๋อจิ่งชวนแสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจ เฉินฝานซิงไม่รู้ว่าเขาไปโกรธเรื่องอะไรมาจากไหนจนทำให้เขาทำอะไรแบบนี้ออกมา
“ถือเป็นการของแต่งงานไหม”
เธอยกแหวนขึ้นมาแกว่งไปทางป๋อจิ่งชวน
“ถ้าใช่ คุณจะตอบตกลงไหม”
เฉินฝานซิงได้แต่ยิ้ม “ฉันมีทางให้ปฏิเสธด้วยเหรอ โดนคุณสวมเข้าไปขนาดนี้แล้ว”
ป๋อจิ่งชวนโอบเธอไว้แน่น “กลับไปจะรีบจัดพิธีสู่ขออย่างยิ่งใหญ่ให้คุณ”
เฉินฝานซิงมองดูแหวนในมือพร้อมกับยิ้มมุมปากบางๆ “ก่อนหน้านี้ที่บอกว่าอยากจะได้พิธีการมันก็เป็นแค่ข้ออ้างเท่านั้น อันที่จริงแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว…”
“ไม่พอ คนอื่นก็มีทั้งนั้น คุณก็ต้องมีด้วย แถมยังต้องดีที่สุดด้วย”
เถียงเขาไม่เคยชนะเลยจริงๆ
“วันนี้ในงานเลี้ยง คุณช่วยแก้ปัญหาให้ฉันอีกแล้วใช่ไหม ไม่คิดเลยว่าที่ไหนก็จะเจอผู้ปกป้องของเฉินเชียนโหรวได้ทั้งนั้น”
“ผมปกป้องคุณเอง”
เฉินฝานซิงชะงักไปเล็กน้อย รอยยิ้มบนใบหน้าชัดเจนยิ่งขึ้น
“งั้นฉันก็วางใจแล้ว คุณคนเดียวก็รับมือกับผู้ปกป้องของเธอได้เป็นพันๆ หมื่นๆ คน”
“มันแน่อยู่แล้ว”
เฉินฝานซิงหัวเราะออกมา ไม่ถ่อมตัวเอาซะเลย
ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอก็ถามออกมาอีกครั้ง
“คนยูเครนคนนั้นในงานเลี้ยงคืนนี้เป็นใครกัน พวกคุณรู้จักกันเหรอ”
“อืม เขาสืบเชื้อสายขุนนางประเทศยูเครน พวกเราทำธุรกิจร่วมกัน”
เฉินฝานซิงมีท่าทีสงสัย “ดูแล้วเขาคงเป็นลูกครึ่งใช่ไหม”
“คุณยาย คุณแม่ของเขาเป็นชาวเชื้อสายจีน”
“ก่อนหน้านี้เคยได้ยินมาบ้าง ตอนนี้ได้เห็นด้วยตา รู้สึกวิเศษไปเลย”
ป๋อจิ่งชวนหัวเราะในลำคอ “แค่นี้ก็เรียกว่าวิเศษเหรอ ย้อนกลับไปสี่รุ่น ราชินีของยูเครนก็คือผู้หญิงเชื้อสายจีน จากนั้น พระราชธิดาของราชินี เจ้าหญิงยูเรียสืบทอดบัลลังก์ต่อ พระสวามีก็เป็นชาวเชื้อสายจีน หลังจากนั้นมีโอรสสองคนธิดาอีกหนึ่ง คิดดูสิว่ายีนเชื้อสายจีนของประเทศนี้เข้มข้นแค่ไหน”
“หมายถึงเจ้าหญิงยูเรียตอนนี้น่ะเหรอ เธอมีโอรสสองพระองค์แล้วธิดาอีกหนึ่งเหรอ ไม่ใช่ว่ามีแค่โอรสสองพระองค์ ส่วนธิดาอีกพระองค์เป็นบุตรบุญธรรมหรอกเหรอ คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า”
ป๋อจิ่งชวนก้มหน้ามองเธอ ดวงตาดำขลับแฝงไปด้วยความจนปัญญา “พระราชินีมีพระราชธิดา ตอนนี้ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดียังไง…”
ตอนที่ 386 ไม่พอใจ
ป๋อจิ่งชวนก้มหน้ามองเธอ ดวงตาดำขลับแฝงไปด้วยความจนปัญญา “พระราชินีมีพระราชธิดา ตอนนี้ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดียังไง…”
เฉินฝานซิงพยักหน้าด้วยสีหน้าครุ่นคิด ก็ไม่ได้มีอะไรเหนือความคาดหมาย เกิดมาเป็นเชื้อพระวงศ์ เพื่อแย่งชิงอำนาจ ผู้เสียสละย่อมเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ตามธรรมชาติ
แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับเธอเท่าไหร่
เธอถอนหายใจออกมาเบาๆ แหงนหน้ารับลมทะเล ความอัดอั้นที่สั่งสมไว้ตอนอยู่ในงาน ตอนนี้หายไปหมดสิ้น
“ฉันรู้ว่าโปรดิวเซอร์รายการคนนั้นที่ลุกขึ้นมาพูดก็เป็นการจัดการของคุณ ฉันเห็นแล้ว ป๋อจิ่งชวน ขอบคุณนะ…”
“อย่าให้ผมได้ยินคำนี้อีก ผมไม่อยากฟัง แล้วมันก็ดูไม่จริงใจ ถ้าคุณคลายความรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณที่มีต่อผมไม่ได้ ถ้างั้นก็เอาของที่เป็นรูปธรรมมาตอบแทน…”
สิ้นเสียงพูด บนริมฝีปากก็มีสัมผัสนุ่มนวลประกบลงมา
จูบที่เข้ามาประทับอย่างรวดเร็ว และผละออกอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ช่วงเวลาเพียงพริบตาเดียว
ป๋อจิ่งชวนคืนสติ จากนั้นก็หันไปมองใบหน้าที่มียิ้มบางๆ อยู่ของเฉินฝานซิง
เธอยังคงมัดผมหางม้าสูง รูปหน้าสวยสง่า เต็มไปด้วยความงดงามและอ่อนหวาน
เมื่อนึกถึงภาพตอนที่เธอบรรเลงเปียโนในงานเลี้ยง ดวงตาของป๋อจิ่งชวนก็ฉายประกายความมืดดำแห่งความเจ้าเล่ห์ออกมาทันที
“แค่นี้เองเหรอ”
เฉินฝานซิงพยักหน้าด้วยความหนักแน่น “คุณไม่ได้หมายความว่าไม่ต้องขอบคุณหรอกเหรอ แต่สุดท้ายฉันก็ยังขอบคุณคุณอยู่ดี คุณควรจะพอใจสิ”
“ไม่พอใจ”
เมื่อพูดจบ ป๋อจิ่งชวนก็ยื่นมือออกมาคล้องศีรษะเธอเอาไว้เพื่อโน้มตัวเธอให้มาอยู่ตรงหน้าของตนเอง ก่อนจะก้มหัวประทับจูบลงบนริมฝีปากเรียวบางที่ปิดอยู่ของเธอ…
“กลับไปพักผ่อนเถอะ”
บนระเบียงที่ไม่ไกลออกไป ซูเหิงกำลังมองดูแผ่นหลังของคนสองคนผละออกจากกัน ดวงตาที่อบอุ่นมาโดยตลอดคู่นั้น เวลานี้เต็มไปด้วยความตกตะลึง!
คนที่เพิ่งจูบกับฝานซิงเมื่อกี้คือใครกัน…
รูปร่างแบบนั้น คล้ายกับคนที่ขวางเธอเอาไว้ตอนที่เขาเจอเธอในห้างคราวก่อนมาก ถึงกับขนาดทำให้เขามั่นใจได้เลยว่าคือคนคนเดียวกัน แต่ว่า ตอนนี้อยู่ในเมือง ไม่ใช่ที่ชานเมือง ผู้ชายคนนั้นมาพร้อมกับเฉินฝานซิงงั้นเหรอ!
เขาไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนถึงชายที่เจอในงานเลี้ยงค่ำคืนนี้ รวมไปถึงที่นั่งของเฉินฝานซิงวันนี้ ทันใดนั้นหัวสมองเขาก็ล็อกเป้าหมายไว้หนึ่งคน
ป๋อจิ่งชวน…
แต่ว่า ทำไมถึงได้…
พวกเขาสองคนคบกันได้ยังไง
ในฐานะที่เป็นผู้รับช่วงต่อจากสมาคมป๋อซื่อที่ยิ่งใหญ่ เรื่องการแต่งงาน เขาจะเป็นคนเลือกเองได้ยังไง
อีกอย่าง ในฐานะที่เป็นนักธุรกิจที่ชาญฉลาด ทุกเรื่องต้องคิดถึงผลประโยชน์เป็นหลัก แล้วจะไปเลือกเฉินฝานซิงได้ยังไง
เขาส่ายหน้า ฝืนบังคับให้ตัวเองปฏิเสธความคิดนี้
เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!
ใช่ เป็นไปไม่ได้
ถ้าหากป๋อจิ่งชวนกับเฉินฝานซิงมีความเกี่ยวข้องกันจริงๆ ถ้าอย่างนั้นคงไม่มีทางทำอะไรยืดเยื้อปล่อยให้เฉินฝานซิงและเฉินเชียนโหรวต้องออกมาแข่งกันแบบนี้
ทำไมถึงไม่ยกสิทธิ์ให้กับจือชิ่นให้จบๆ ไปเลย
“พี่เหิง พี่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
เสียงอ่อนหวานของเฉินเชียนโหรวดังขึ้นมาจากด้านหลัง
สายตาของซูเหิงยังคงสับสนมึนงง ถึงแม้จะหาเหตุผลมาพูดเกลี้ยกล่อมตัวเองได้แล้ว แต่ภายในใจของเขากลับยังรู้สึกไม่สงบ
เมื่อเห็นว่าซูเหิงเมินเฉยไม่ตอบโต้ เฉินเชียนโหรวก็กัดริมฝีปากพร้อมเผยให้เห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเสียใจและรู้สึกผิด
“ขอโทษนะคะ พี่เหิง คืนนี้ฉัน…”