บทที่ 232

แม่ทัพหนิงทั้ง 2 นายถูกฆ่าโดยพวกเฟิง เติงหนานถูกร่างแยกของถังหยินที่เป็นหลิงเปิงฆ่าไป ส่วนหลงซิงก็โดนตัดหัวโดยหยวนยู่ ทำให้พวกทหารหนิงทั้งหมดถอนทัพกระจัดกระจายไป เช่นเดียวกับหยวนยู่ที่ตามไปติด ๆ

ด้วยสถานการณ์กลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว มันก็ทำให้ถึงจะมีแม่ทัพหนิงที่เก่งกาจเข้ามาช่วยก็ไม่อาจเปลี่ยนอะไรได้อีก

ถังหยินและหยวนยู่พากองทหารของพวกเขาไล่ล่าพวกหนิงจนมีศพทอดร่างบนพื้นมากมาย

ร่างแยกไม่สามารถวิเคราะห์สถานการณ์ทั้งหมดได้ แต่ตัวจริงของถังหยินที่ยืนอยู่กำแพงนั้นสามารถทำได้ และในขณะนี้เขาเองก็กำลังครุ่นคิดว่าจะทำยังไงต่อดี ซึ่งเมื่อเห็นคบเพลิงที่ตั้งตระหง่านอยู่ไกลออกไป มันก็ทำให้ชายหนุ่มรู้ได้ในทันทีว่าถ้าไปไกลกว่านี้จะเข้าไปในเขตของพวกหนิงแล้ว

ดังนั้นถังหยินจึงหันไปออกคำสั่งให้ถอยทัพทันที

เสียงกลองสะบัดชัยถูกตีขึ้น บ่งบอกให้พวกทหารถอยทัพกลับมา เช่นเดียวกับร่างแยกของถังหยินที่ร้องสั่งให้ถอนตัวกลับมาทันที

เมื่อเห็นสัญญาณการล่าถอย หยวนยู่ก็พลันเข้ามาถามด้วยความสงสัย “ทำไมเราถึงไม่ไล่ตามกันต่อล่ะนายท่าน ?”

ถังหยินหันหน้ามองไกลออกไปก่อนตอบ “ค่ายของพวกหนิงอยู่ข้างหน้าเราแล้ว ถ้ายังตามต่อไปละก็โดนธนูยิงพรุนแน่”

หยวนยู่มองตามทิศทางนั้นไป และเห็นแต่พวกทหารที่นอนตายเกลื่อนไปหมด “ท่านรู้ได้อย่างไร ?”

“ข้าก็เห็นจากด้านบนกำแพงเมืองไง”

ชายเลือดร้อนนึกขึ้นได้ในทันทีว่าร่างที่อยู่ตรงหน้าตรงนั้นเป็นแค่ร่างแยกเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงไม่รอช้า ออกคำสั่งในทันที “ถอยทัพ !”

ไม่ใช่แค่จัดการแม่ทัพได้ แต่พวกเขายังจัดการกับทหารนับพันนายได้อีกด้วย ซึ่งในระหว่างทางกลับก็มีพวกทหารที่กำลังตัดหัวพวกหนิงไปขึ้นรางวัลกันด้วย

เมื่อพวกเฟิงกลับมาถึงเมืองแล้ว ร่างแยกของถังหยินก็กลับเข้าไปในร่างหลักด้วยเช่นกัน

…ถึงแม้ว่าเขาจะจัดการพวกหนิงไปมากมายและคว้าชัยชนะมาได้ หากแต่ในใจของเขาก็ยังว่างเปล่า

พวกแม่ทัพทั้งหลายไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ก็เลือกที่จะเงียบไว้

หลังจากกลับไปที่เต็นท์ของเขา ถังหยินก็หันมองไปยังจินเหล่ยและชุยหลิงที่ตัวสั่นอยู่แบบนั้น

ซึ่งก็เป็นทหารยาม 2 นายที่เดินเข้าไปลากคอเสื้อพวกเขาให้เข้ามาหาถังหยิน

ชายหนุ่มเอื้อมมือไปหยิบดาบขึ้นมาถือเอาไว้ “แม่ทัพของพวกเจ้ากลับกลอกเองนะ อย่ามาหาว่าข้าโหดร้ายล่ะ” เขายกดาบขึ้นแล้วเรียกไฟสีดำออกมาคลุมมันเอาไว้

จินเหล่ยตกใจจนแทบจะสลบ รีบตะโกนร้องบอก “นายท่าน สิ่งที่เกิดขึ้นคืนนี้ไม่เกี่ยวกับข้าเลย ปล่อยข้าไปเถอะ !” เขาพูดแล้วคลานเข้าไปกอดขาถังหยินไว้

“ไอ้เลวเอ้ย !” ถังหยินเตะอีกฝ่ายออกไป ก่อนจะใช้ดาบฟันหัวเด็กหนุ่มคนนี้จนขาดกระเด็นไป

ชายหนุ่มดูดกินปราณเข้ามาแล้วบอกกับพวกทหาร “ตัดหัวพวกมันซะ ในเมื่ออู่ฉางมันเล่นลิ้น งั้นข้าก็จะให้มันชดใช้อย่างสาสม”

พวกทหารมองหน้ากันด้วยสีหน้าอึดอัดใจที่ต้องมาทนเห็นเจ้านายของตัวเองบ้าเลือดขนาดนี้ ทว่าพวกเขาก็ไม่มีทางเลือก ได้แต่ต้องทำตามคำสั่ง ดึงร่างของเฟิงยู่ออกมาแล้วตัดหัวมอบให้กับถังหยิน

ในตอนนี้สายตาของเขามองไปยังชุยหลิงที่แทบจะตัวแข็งทื่อไปแล้ว

เมื่อนางเห็นสายตาชั่วร้ายของถังหยินมองมา หญิงสาวก็ได้สติแตกไปแล้ว ได้แต่คลานกลับไปติดกำแพงด้วยสีหน้าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด

ถังหยินไม่รอช้าแล้วชี้นิ้วไปยังนางทันที “ฆ่าซะ !”

พวกทหารไม่มีทางเลือก ได้แต่ลากร่างของนางมาที่กลางเต็นท์ก่อนที่จะลงมือใช้ดาบฟันลงมา

“ช้าก่อนนายท่าน !” จี้เฉินร้องห้ามเอาไว้ได้ทันก่อนที่ใบดาบจะตัดคอนาง “ท่านสังหารตัวประกันไปแล้ว 2 ราย ถ้าหากท่านฆ่าไปมากกว่านี้ ทั้งฝ่ายเราและฝ่ายจ้านอู่ฉางจะตกที่นั่งลำบากได้ !”

ครั้งนี้ถังหยินโกรธสุด ๆ ดังนั้นมันจึงไม่มีทางเลยที่เขาจะยอมเพียงเพราะเหตุผลแค่นี้ “อย่างมากมันก็แค่บุกเข้ามาเรื่อย ๆ เท่านั้น เจ้ากลัวมันหรือไง ?”

“ใช่แล้วขอรับ ! กองทัพของเรานั้นยิ่งใหญ่จะตายไป จะไปกลัวพวกมันทำไมกัน ? และถ้าพวกมันมาอีก ข้าก็จะเตะมันกลับไปให้ดู !” หยวนยู่ช่วยพูดเสริม

จี้เฉินถอนหายใจ “พวกเราต่อสู้ได้ก็จริง แต่ข้าว่าพวกเราควรจะเผื่อเวลาไว้ให้พวกทหารได้พักผ่อนกันด้วย ข้าหวังว่าท่านจะเข้าใจ”

ถังหยินก้มหน้าครุ่นคิด ก่อนที่ความโกรธจะค่อย ๆ ละลายหายไป “เจ้าพูดถูก ส่ง 2 หัวนี่ไปให้พวกหนิงมันดูซะ”

จี้เฉินรับคำแล้วโค้งคำนับให้

ไม่ว่าถังหยินจะโกรธหรือโมโหขนาดไหน แต่ทุกคนก็รู้สึกนับถือที่ชายหนุ่มยังพอจะมีสติเชื่อฟังคำพูดของที่ปรึกษาอยู่บ้าง ซึ่งตราบเท่าที่มันมีเหตุผลพอฟังขึ้น เขาก็จะยอมรับมันทั้งหมด

หลังทุกคนออกไปแล้ว ถังหยินก็ถอนหายใจด้วยความเหนื่อยล้าก่อนจะเดินกลับไปหลังม่าน

ในเวลานี้ยั่วหลิงได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว โดยมีเย่เหล่ยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ

ซึ่งมาในตอนนี้ยั่วหลิงก็ได้รับการแต่งตัวตามปกติเช่นเดิมแล้ว หากแต่ทรงผมก็ยังยุ่งเหยิงเกินไปหน่อย และเมื่อเห็นถังหยินเดินเข้ามา สีหน้าของนางก็พลันซีดลงและเข้าหลบข้างหลังเย่เหล่ย กอดนางเอาไว้แน่น

เย่เหล่ยเป็นหมอ ดังนั้นทันทีที่นางดูอาการของยั่วหลิง นางก็รู้ได้ในทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้นจากรอยช้ำและจุดแดงตามตัว ซึ่งตามปกติแล้วเย่เหล่ยนั้นเป็นคนที่สุภาพอ่อนโยน ทว่าในตอนนี้นางก็ได้เปลี่ยนไปแทบจะเป็นคนละคนเลยทีเดียว ด้วยสีหน้าของนางที่ใช้จ้องมาที่ถังหยินนั้นแทบจะกินเลือดเนื้ออยู่แล้ว !

ชายหนุ่มเกือบจะหัวเราะออกมา หันมองยั่วหลิงที่อยู่ข้างหลังแล้วพูด “นางเป็นยังไงบ้าง ?”

เย่เหล่ยพูดขึ้นแทนการตอบกลับ “เจ้าอย่าทำอะไรแบบนี้อีกเป็นครั้งที่ 2 นะ !”

ถังหยินยักไหล่ให้แล้วยิ้มออกมา “ก็นางเป็นศัตรูนี่”

“แล้วไงล่ะ ? นางเป็นผู้หญิงนะ ! เจ้าไม่คิดถึงใจนางบ้างเลยหรือไง ?!” เย่เหล่ยเถียงกลับทันควัน “ลองคิดดูว่าถ้าเจ้าโดนแบบนี้บ้างแล้วจะรู้สึกยังไง !”

ปกติแล้วถังหยินมักจะเป็นคนที่ไม่ยอมใครง่าย ๆ แต่เมื่อเห็นดวงตาของนางที่เต็มไปด้วยความโกรธและแค้นเคือง เขาก็เลือกที่จะส่ายหัวแล้วพูดอย่างรำคาญ “ในเมื่อนางหายดีแล้ว งั้นเจ้าจะไปไหนก็ไป !”

“ข้าไปแน่ แต่นางต้องไปกับข้าด้วย !” เย่เหล่ยหยักหน้าให้

“อะไรนะ ?”

หมอหญิงมองยั่วหลิงที่ยังคงตัวสั่นและมีอาการตื่นตระหนกอยู่ “ข้าไม่อาจปล่อยให้นางอยู่กับเจ้าได้หรอก จะให้ข้าอยู่ที่นี่ด้วยหรือจะให้ข้าพานางออกไป ก็เลือกมา !”

ปกติแล้วถังหยินจะเป็นคนยื่นคำขาด ทว่าในครั้งนี้กลับเป็นเย่เหล่ยที่เป็นคนพูดมันออกมา เขาที่เป็นถึงผู้ว่ามณฑลแต่กลับต้องมาโดนต่อว่าจากหมอประจำตัวงั้นหรือ ?