นอกจากฝืนยิ้มแล้ว อี้เฉินเฟยยังจะสามารถพูดอะไรได้อีก

กู้ชูหน่วนให้เหล่าผู้ปรนนิบัติอยู่ที่นี่อย่างสงบ และรอพวกเขามาสมทบ จากนั้นนางกับอี้เฉินเฟยก็สืบเสาะไปจนถึงหอคอยเจ็ดชั้น

ใกล้จะถึงยามจื่อแล้ว เวลากระชั้นชิดเข้ามาเรื่อย ๆ แต่อี้เฉินเฟยไม่ยอมที่จะออกไปเช่นนี้ เขาใช้โอกาสนี้มองหาโอกาส และตีลูกน้องของกองธงคนหนึ่งจนสลบ จากนั้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้าของเขาและออกมา

กู้ชูหน่วนแบะปาก “คนตาบอดรูปร่างดีเช่นนี้ สวมชุดผ้าไหมขาวแล้วสะดุดตามาก”

“ต่อไปอย่าพูดถึงชุดผ้าไหมขาวอีก”

“ได้ เช่นนั้นท่านรับปากข้าอย่างหนึ่ง”

อี้เฉินเฟยจ้องมองไปที่นางอย่างระมัดระวัง ไม่รู้ว่าแม่สามน้อยชั่วร้ายผู้นี้คิดจะทำอะไรเขาอีก

กู้ชูหน่วนตบหน้าอกของเขา และโบกมือให้เขาวางใจ “ข้าไม่ให้ท่านทำเรื่องที่ผิดศีลธรรมหรอก ก็แค่……ท่านเต้นระบำให้ข้าดูได้หรือไม่”

“อะแฮ่ม……”

อี้เฉินเฟยเกือบจะสำลักน้ำลายตัวเอง

เขาเดินไปข้างหน้าและพยายามซ่อนความอับอายของตัวเองไว้

“ชายหญิงไม่ควรถูกเนื้อต้องตัวกัน”

“หากเจ้าไม่พูด ข้าจะถือว่าเจ้ารับปากแล้วนะ”

“……”

เขาไม่พูดเมื่อไหร่กัน?

เขาบอกว่าชายหญิงไม่ควรถูกเนื้อต้องตัวกันไม่ใช่หรือ?

เสียงฝีก้าวเดินเข้ามาใกล้พวกเขาอย่างช้า ๆ

อี้เฉินเฟยและกู้ชูหน่วนแยกกันยืนสองฝั่งและเฝ้าหน้าประตูหอคอย

“พวกเจ้าสองคนขนเหล้าพวกนี้ไปที่หอคอยชั้นเจ็ด เร็วเข้า หากทำให้ปรมาจารย์เจียงต้องเสียเวลา ดูสิว่าข้าจะจัดการกับพวกเจ้าอย่างไร”

ผู้ดูแลหลิวนำพวกกองธงมาสองสามคน และวางเหล้าหลายสิบไหลงบนพื้น จากนั้นก็บ่นพึมพำ

“บอกว่าจะส่งผู้ปรนนิบัติมาห้าคน แต่จู่ ๆ ก็เพิ่มขึ้นเป็นยี่สิบคน และไม่บอกล่วงหน้าสักคำ ทำให้ข้าต้องยุ่งวุ่นวายทั้งคืน”

กู้ชูหน่วนรู้สึกประหลาดใจ

เหล้ามากมายขนาดนี้?

เอามาให้ใครดื่ม?

นางพยักหน้าและคำนับด้วยความสงสัย “ขอรับ……ผู้น้อยจะไปขนเดี๋ยวนี้”

พวกเขากำลังกังวลว่าจะไม่สามารถหาโอกาสปะปนเข้าไปในหอคอยได้ แต่ไม่คิดเลยว่าโอกาสจะมาหาถึงที่

กู้ชูหน่วนและอี้เฉินเฟยขนเหล้าขึ้นไปบนหอคอยชั้นเจ็ด

ทันทีที่เข้าไป กู้ชูหน่วนก็เห็นสิ่งที่ทำให้นางโกรธมาก

เยี่ยเฟิงซูบผอมเหมือนก้างปลา มือและเท้าของเขาถูกล่ามด้วยโซ่

เขามีร่องรอยของบาดแผลจำนวนมาก ผู้ถือธงคนหนึ่งเชิดคางของเขาขึ้น และอีกคนก็กรอกเหล้าใส่ปากของเขา โดยไม่สนใจว่าเยี่ยเฟิงจะดื่มได้หรือไม่

ในหอคอยมีไหเหล้าอยู่เกลื่อนกลาด และมีอย่างน้อยยี่สิบสามสิบไห

เมื่อมองไปที่เยี่ยเฟิงอีกครั้ง ใบหน้าของเขาแดงก่ำ แววตาเลื่อนลอย แม้ว่ามือและเท้าของเขาจะถูกล่ามไว้ แต่เขาก็ยังพยายามที่จะดิ้นรน

คนเหล่านั้นต้องการจะทำให้เขาตาย และนำเหล้ากรอกใส่ปากของเขาไม่หยุด

กู้ชูหน่วนแทบจะทนไม่ไหวที่จะเข้าไปเตะพวกเขาให้ตาย

นางโกรธ

และโกรธมาก

นางไม่เคยโกรธมากเช่นนี้มาก่อน

หลังจากที่มาแล้วบังเอิญพบเรื่องรามมากมายก็ยิ่งทำให้นางโกรธมากยิ่งขึ้น

“ท่านปรมาจารย์”

อีกคนหนึ่งมาที่หน้าประตูและผู้ถือธงข้างในก็คำนับ กู้ชูหน่วนพยายามที่จะระงับความโกรธ เพื่อไม่ให้ดึงดูดความสนใจ

นางรู้จักคนผู้นี้

คนผู้นี้คือคนที่ลอบโจมตีนางในวันนั้น เขาแย่งชิงระฆังวิญญาณสะบั้นและมุ่งเป้าไปที่เยี่ยเฟิง เขาคือเจียงซวี่

เจียงซวี่เดินไปหาเยี่ยเฟิงอย่างช้า ๆ และมองดูท่าทางอันเจ็บปวดของเยี่ยเฟิง แววตาของเขาเปล่งประกายอย่างมีความสุข

เขาก้าวไปข้างหน้าและคว้าคางของเยี่ยเฟิง และกรอกเหล้าใส่ปากของเยี่ยเฟิงหนึ่งไห

“หากไม่ใช่เพราะผู้นำกองธงมีคำสั่ง ว่าห้ามใช้เครื่องมือในการทรมานเจ้า เจ้าคิดว่าเจ้าจะสบายเช่นนี้หรือ?”

“แต่ผู้นำกองธงเอ่ยชื่อให้แล้ว คืนนี้เขาต้องการให้เจ้าไปปรนนิบัติ ตั้งแต่เด็กจนโตเจ้ากลัวการปรนนิบัติผู้นำกองธงมากที่สุดไม่ใช่หรือ?และเจ้าก็คงจะกลัวการถูกส่งไปที่ยอดเขาหลัก ฮ่าฮ่าฮ่า……”