“แค่ก ๆ ๆ ……”

หลังจากกรอกจนหมดไห เยี่ยเฟิงก็หาโอกาสไอออกมาอย่างแรง และดูเหมือนจะสำลัก

เขายังไอไม่ทันเสร็จ ก็กรอกเหล้าเข้าไปในปากอีกหนึ่งไห

เสียงที่พึงพอใจของเจียงซวี่ดังขึ้นข้าง ๆ หู

“ต่อให้เจ้าจะเอาระฆังวิญญาณสะบั้นกลับมาได้ เจ้าคิดว่าผู้นำกองธงจะปล่อยให้เจ้าเป็นอิสระได้จริง ๆ หรือ? เหอะ ช่างโง่เขลาเสียจริง เจ้าเป็นคนของผู้นำกองธง เว้นแต่ผู้นำกองธงจะมอบเจ้าให้ผู้อื่น แต่เขายอมที่จะทำลายเจ้า ดีกว่าให้โอกาสเจ้าหลุดพ้นไปจากเงื้อมมือของเขา”

“ที่เขาพูดเช่นนั้นก็เพื่อที่จะหลอกใช้เจ้า เจ้าต้องเป็นคนของผู้นำกองธงไปตลอดชีวิต และตลอดไป ฮ่าฮ่าฮ่า……”

“เพล้ง……”

เจียงซวี่โยนไหเหล้าเปล่าทิ้งไป และปล่อยมือที่จับคางของเขา จากนั้นก็ยิ้มอย่างชั่วร้าย

เยี่ยเฟิงไออย่างทุกข์ทรมาน จนปอดของเขาแทบจะกระเด็นออกมา

และนานกว่าเขาจะสงบลง

เมื่อได้ยินสิ่งที่เจียงซวี่กล่าว น้ำตาก็ไหลลงมาจากหางตาของเยี่ยเฟิง ผสานรวมกับเหล้าและหยดลงมาเสียงดัง

เขาโศกเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก

ความสิ้นหวังปกคลุมไปทั่วร่างกายของเขา

ในตอนแรกที่ผู้นำกองธงบอกว่าจะปล่อยเขาไป เขาดีใจอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง

อย่างไรก็ตาม เขาสงสัยมาโดยตลอด

เขาเป็นคนของผู้นำกองธง ด้วยนิสัยของผู้นำกองธงแล้ว จะปล่อยให้เขาเป็นอิสระได้อย่างไร

แต่เขาก็ไม่อยากจะพลาดโอกาส

เขาจึงพยายามอย่างเต็มที่

แต่เขาก็ล้มเหลว

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมข้าถึงเกลียดเจ้ามากเช่นนี้?เพราะเจ้ายุ่งเรื่องของผู้อื่นมากเกินไป หากไม่ใช่เพราะเจ้ายุ่งเรื่องของผู้อื่นมากเกินไป พ่อแม่ของข้าก็คงไม่ถูกเจ้าฆ่าตาย”

“ไม่ง่ายเลยที่พ่อแม่ของข้าจะได้รับตำแหน่งเป็นผู้ดูในครัว แต่เจ้ารายงานว่าพวกเขายักยอกเงินซื้อเสบียงของทาสรับใช้?ทำให้พ่อแม่ของข้าถูกเฆี่ยนตีจนตาย และข้าก็กลายเป็นเด็กกำพร้า”

“ทาสรับใช้เป็นสิ่งที่ต่ำต้อย ต่อให้พวกเขาจะยักยอกเงินซื้อเสบียงแล้วอย่างไร?ชีวิตของพวกเขา แม้ว่าบะหมี่เนื้อสักชามก็ไม่คุ้มค่า และผู้ดูแลคนนั้นก็พยายามที่จะหาวิธีบีบคั้นพวกเขา”

เยี่ยเฟิงฟังอย่างเงียบ ๆ ไม่รู้ว่าเขาเมาแล้วหรือไม่อยากตอบ

เจียงซวี่กล่าวต่อว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าการคัดเลือกผู้ปรนนิบัติในตอนนั้น ทำไมเจ้าถึงได้รับเลือก?”

ทันใดนั้นร่างกายของเยี่ยเฟิงก็แข็งทื่อ

นัยน์ตาที่เลื่อนลอยพลันสว่างวาบขึ้นมาในทันที

“วันนั้นข้าบังเอิญได้ยินว่าพวกเขาจะเลือกให้ข้าเป็นผู้ปรนนิบัติ ข้าร้อนใจดังไฟเผา แต่ข้าก็ไม่ยอมแพ้ ดังนั้นข้าจึงวางแผนส่งบทกวีที่เจ้าเแต่งและเขียนไปให้ผู้ดูแลคนนั้น และข้าก็เชิญเจ้าไปที่ห้องเพาะเลี้ยงดอกไม้ด้วยตนเอง”

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าในตอนนั้นเจ้าน่าขันแค่ไหน?เจ้าคิดว่าข้าอยากจะคืนดีกับเจ้าเหมือนเดิม เหอะ……เจ้าทำให้พ่อแม่ของข้าต้องตาย ข้าจะปรองดองกับเจ้าได้อย่างไร แค่ข้าพูดเพียงไม่กี่คำ เจ้าก็เชื่อ ไม่รู้จริง ๆ ว่าเจ้าไร้เดียงสาหรือว่าโง่มากเกินไป”

“ผู้ดูแลที่คัดเลือกผู้ปรนนิบัติอยู่ในห้องเพาะเลี้ยงดอกไม้ เมื่อเขาเห็นพวกเราสองคนก็เปลี่ยนใจในทันที ดังนั้น……เจ้าจึงถูกส่งไปให้ผู้นำกองธงกล้วยไม้ เหอะ…..สิ่งที่ข้าโชคดีที่สุดในชีวิตคือไม่ได้หน้าตาดีเช่นเจ้า”

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหวนนึกถึงอดีตที่น่าเศร้าหรือไม่ น้ำตาไหลลงมาจากหางตาของเยี่ยเฟิง

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมลูกตาของหญิงชราผู้นั้นถึงถูกควักออกมา?เป็นเพราะข้าพูดต่อหน้าผู้นำกองธงว่าทุกครั้งที่หญิงชราผู้นั้นพูดถึงเขา มักจะมีความเกลียดชังในสายตาของนางอยู่เสมอ”

“แล้วข้ายังบอกอีกว่าเพียงแค่ไว้ชีวิตนางก็จะสามารถบีบบังคับให้เจ้าเอาระฆังวิญญาณสะบั้นมาได้”

“ผู้นำกองธงโปรดปรานเจ้ามาโดยตลอด ข้าคิดว่าเขาจะไม่ทำตามคำแนะนำของข้า แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะควักลูกตาของหญิงชราผู้นั้นอย่างไม่ลังเล”

เยี่ยเฟิงกำมือแน่น แม้ว่าสมองของเขาจะมึนงงและเมามาย แต่ก็ได้ยินสิ่งที่เขาพูดทั้งหมด