จากนั้นก็เลือกออกจากกลุ่ม เขาจะล่วงเกินสีกาเหล่านี้ไม่ได้ เลยเลือกหลบเลี่ยง
เห็นฟางเจิ้งเพิ่งเข้ามาก็ตกใจจนออกไป พวกผู้หญิงจึงไม่พอใจ ตำหนิว่าแต่ละคนรุกหนักเกินไปเป็นต้น…
อวี๋กว่างเจ๋อปวดหัว บางครั้งผู้หญิงเยอะก็เป็นปัญหาจริงๆ
นอกจากผู้หญิงดั่งปีศาจเหล่านี้แล้วก็มีพวกจ้าวต้าถง หูหานที่จะทักทายมายามว่าง และยังมีข้อความของฟางอวิ๋นจิ้ง เธอยังคงสุภาพเหมือนกับเมื่อก่อน ตอนที่ฝากข้อความไว้ยังเหมือนไม่มีความรู้สึกอะไรเลย ‘ไต้ซือ พวกเราจะไปเที่ยวช่วงใบไม้ผลิกันนะคะ ตอนนั้นจะไปหาท่านด้วย ครั้งนี้คงมีข้าวให้กินใช่ไหมคะ?’
ฟางเจิ้งตอบกลับทันที “วัดเล็กคนยากจน ดูแลไม่ได้จริงๆ พวกโยมคงต้องจัดการเองแล้วล่ะ”
แต่ฟางอวิ๋นจิ้งไม่ตอบกลับ ดูแล้วคงไม่ออนไลน์ ในเมื่อเธอมีอารมณ์ไปเที่ยวแบบนี้นั่นหมายความว่าเดินออกมาจากเงามืดในใจได้จนหมดสิ้นแล้ว ฟางเจิ้งเลยวางใจ
ตอนนี้เองหน้าจอมือถือฟางเจิ้งพลันเป็นสีแดง! มีคำเตือนสีแดงโผล่มาที่หน้าแรกดูเด่นตาเป็นพิเศษ ด้านบนเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด เขียนอะไรบ้างเขาไม่เข้าใจเลย เคยเรียนภาษาอังกฤษตอนมัธยม แต่ไม่ได้ใช้มาหลายปีเลยคืนอาจารย์ไปหมดแล้ว มิหนำซ้ำต่อให้ยังไม่คืน คำศัพท์อันน้อยนิดก็ไม่พอจะเข้าใจภาษาอังกฤษเป็นโขยงนี่อยู่ดี
ต่อมามีคำพูดเพิ่มมาข้างบน ฟางเจิ้งยังคงงงว่าหมายความว่ายังไง?
ขณะเดียวกัน นอกประเทศ ในห้องลับใต้ดินในเมืองแห่งหนึ่ง คนอ้วนกำลังดื่มโค๊ก หัวเราะพลางมองหน้าจอตรงหน้า “หาตัวทดลองแรกเจอแล้ว คอยดูผลดีกว่า สมิธ มานี่หน่อย ดูทีว่าคนจีนนี่อ้วนไหม”
สมิธเป็นคนผิวสี ผมหยิก ตรงคอสวมหัวกะโหลกดูไม่เหมือนแฮกเกอร์ แต่เหมือนอันธพาลข้างถนนมากกว่า
สมิธกล่าว “คนจีนนี่จนมาก นายจะเอาเขามาทำไม? ไม่มีประโยชน์อะไรเลย”
“เป็นไปได้ไง? คนจีนรวยนี่? ดูบนถนนที่ปารีสกับลอนดอนสิ คนจีนควักกระเป๋าตังออกมามีเงินเป็นฟ่อน ฉันคิดไม่ออกจริงๆ ว่าจะมีคนประเทศไหนที่รวยกว่าคนจีนอีก” คนอ้วนนามลูก้าพูด
“ใช่เหรอ? แต่เมื่อวานฉันเพิ่งแฮกคนไต้หวันไป นายก็รู้นี่คนไต้หวันชอบคิดว่าตัวเองรวยกว่าคนแผ่นดินใหญ่ ฉันว่าพวกเขาก็รวยจริงๆ แหละ แต่ว่า…พระเจ้า นายไม่รู้หรอกว่าฉันเจออะไร” พูดถึงคนไต้หวัน สมิธปิดหน้า พูดด้วยสีหน้าเจ็บปวด
ลูก้าถาม “นายเจออะไร?”
“เขาบอกกับฉันว่าเขามีเงินเดือนแค่สี่ร้อยดอลล่าร์สหรัฐ พระเจ้า เงินเดือนคนจีนต่ำขนาดนี้เลย? นี่ยังไม่พอสำหรับมื้อใหญ่ของพวกเราด้วยซ้ำ อีกอย่างพวกเขาต่อราคาเก่งชะมัด ดึงฉันไปคุยครึ่งชั่วโมง! นายนึกภาพออกไหม? ครึ่งชั่วโมง! ฉันมีเวลาแค่ครึ่งชั่วโมงในการแฮกคนอเมริกันหลายสิบคน! ฉันประเมินรายได้คนจีนสูงไปจริงๆ เห็นเขาน่าสงสารนะเลยให้ไปฟรีๆ” สมิธพูดหน้าเศร้า
ลูก้ามองสมิธแปลกๆ “สมิธ ฉันต้องเตือนนายไหม?”
สมิธทำหน้าฉงน
ลูก้าพูด “นายแฮกไม่เป็นมืออาชีพเลย เท่าที่ฉันรู้มานะ ไต้หวันมีเงินเยอะจริงๆ อย่างน้อยก็มากกว่างานก่อนของนาย…เงินเดือนนายอาจจะไม่พอกินข้าวสักสองสามมื้อพวกเขาด้วยซ้ำ”
สมิธหน้ามืดลงโดยพลัน…
ตอนนี้เอง ในที่สุดฟางเจิ้งก็ตอบกลับมาตรงหน้าจอ
“พระเจ้า! ไอ้นี่มันพูดอะไรวะ?!” ลูก้าชี้อักษรบนหน้าจอพลางถามสมิธ
สมิธใช้โปรแกรมแปลภาษาทันที “เขาถามนายว่านายพูดว่าอะไร”
“ฉัน…เขาไม่เข้าใจภาษาอังกฤษเหรอวะ?! หรือว่าคนจีนจะมีแต่แบบนี้? ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะแฮกยังไงล่ะ? หรือฉันต้องไปเรียนภาษาจีน? เจอซาตานเข้าแล้ว ภาษาจีน…ภาษาจีนเรียกยากมั้ยวะ? ฉันยอมไปเรียนภาษาญี่ปุ่น เยอรมันดีกว่า ภาษาพื้นเมืองก็ยังดีกว่า” ลูก้าบ่น
สมิธพูด “ตอนแรกแม่ให้ฉันเรียนเป็นโปรแกรมเมอร์ แต่ฉันไม่เอา จากนั้นแม่ก็ส่งฉันไปเรียนภาษาจีน”
“จากนั้นล่ะ?” ลูก้าถาม
สมิธตอบอย่างมีเหตุผล “สามวันต่อมาฉันย้ายโรงเรียน ไปเรียนโปรแกรมเมอร์”
ลูก้า “32¥%…”
“โปรแกรมแปลภาษาพึ่งพาไม่ได้เลย ฉันจะพยายามพูดให้ง่ายที่สุดนะ หวังว่าจะพึ่งโปรแกรมแปลภาษาได้บ้าง…” ลูก้าพูดพลางแปลภาษาอังกฤษส่งไป
“ปล้น?” ฟางเจิ้งอึ้งไป จากนั้นยืนขึ้นมองไปรอบๆ ไม่มีคน!
ฟางเจิ้งเลยถามกลับ “โยม อย่าล้อเล่นน่า จะทำอะไรกันแน่?”
ลูก้าอ่านประโยคแรกที่โปรแกรมแปลส่งมาว่า “donor” พลันอึ้งไป เงยหน้ามองสมิธ “เขาคิดว่าฉันเป็นคนบริจาค? ฉันจะบริจาคทำไมวะ?”
ลูก้าไม่รู้ว่าโยมจะแปลเป็นภาษาอังกฤษตรงตัวแบบนี้ ด้วยความโมโหจึงเข้าประเด็นหลัก “มือถือแกถูกฝังไวรัสแล้ว ถ้าไม่คลิกมุมล่างขวาจ่ายเงินให้ฉัน0.212BTC ล่ะก็ มือถือแกจะกลายเป็นหิน ข้อมูลทุกอย่างจะหายไป ไม่มีวันได้กลับมาอีก ความอดทนฉันมีขีดจำกัด รีบตัดสินใจให้เร็วหน่อยแล้วกัน ขอเตือนด้วยความหวังดี ตอนนี้มือถือแกนอกจากคุยกับฉันแล้วจะควบคุมอย่างอื่นไม่ได้”
“ไวรัส?” ฟางเจิ้งตกใจ แน่นอนว่าเขาเคยได้ยินศัพท์ระดับสูงแบบนี้มาก่อน แต่เขากดเครื่องหมาย X ตรงมุมขวาบนอย่างไม่เชื่อ จากนั้น…
“พวกต้มตุ๋นจริงๆ ไหนว่าควบคุมไม่ได้ นี่ก็ควบคุมได้นี่?” ฟางเจิ้งส่ายหน้า ดูหน้าเว็บอื่นๆ อย่างไม่เชื่อ ก่อนเก็บมือถือ เรียกลิงให้เตรียมมากินข้าว
พอลิงได้ยินว่าจะกินข้าวก็โยนไม้กวาดทิ้งแล้ววิ่งกลับมาทันที หมาป่าเดียวดายกับกระรอกวิ่งมารอข้างโต๊ะ ไม่ได้กินข้าวผลึกมาสองวัน แต่ละตัวหิวตะกละจนน้ำลายไหลยืด กระรอกลูบหนังท้องป่องตัวเอง ทำหน้าว่าฉันหิวจนผอมลงแล้ว…
ฟางเจิ้งก็หิวเหมือนกัน เขาเปิดฝาหม้อ กินข้าวก่อนหนึ่งคำ สัมผัสถึงกลิ่นหอมข้าวเต็มปาก หยีตาอย่างมีความสุข คนขาดข้าวไม่ได้จริงๆ
ด้านนี้ฟางเจิ้งพาหมาป่าเดียวดาย ลิงและกระรอกกินกันอย่างสุดฟิน
ทางด้านลูก้ากับสมิธนั่งยองหน้าคอมพิวเตอร์อยู่นาน
“เวรเอ๊ย แม่งทำอะไรอยู่วะ? หรือไม่อยากได้มือถือแล้ว? เราคงต้องสั่งสอนมันหน่อย ให้มือถือมันเป็นหิน!” ลูก้าบ่นพลางออกคำสั่งลบ เตรียมทำลายข้อมูลทุกอย่างในมือถือฟางเจิ้ง
ทว่า…
“เฮ้ย เกิดอะไรขึ้นวะ?” ลูก้าพบสิ่งที่น่าตกใจ ไวรัสถามเขาว่าจะบุกรุกมือถือเครื่องนี้ไหม!
“ลูก้า มิน่ามันถึงไม่สนใจนาย นายยังไม่ได้ใส่ไวรัสเข้าไปเลย” สมิธพูดยิ้มๆ
“นายโง่รึเปล่า? ถ้าฉันไม่ได้ใส่เข้าไป แล้วเมื่อกี้คุยกับผีที่ไหนวะ?” ลูก้าโมโหแล้ว
สมิธอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นถามว่า “แล้วมันเกิดอะไรขึ้น?”