“หืม? เธอหมายความว่ายังไงนะ? หรือฉันหูฝาด?”
เซียวเฟิงหันกลับมาในทันที เขาขมวดคิ้วมองหลิวเฉียงเหว่ยด้วยความสงสัยบนใบหน้า “เธอลืมตัวตนของฉันไปแล้วหรือไง? หรือจะให้ฉันย้ำเตือนเธออีกครั้งหนึ่ง?”
เหตุผลที่ทำให้เซียวเฟิงย้ายออกจากอพาร์ตเมนต์เก่า นอกจากจะเพื่อพัฒนาสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ตัวของเซียวหลิงให้ดีขึ้น อีกอย่างหนึ่งก็เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกรบกวนนั่นแหละ นั่นเพราะไม่เพียงแต่สถานะของเซียวหลิงที่พิเศษกว่าคนอื่น ตัวตนของเซียวเฟิงเองก็ถือว่าต้องเก็บเป็นความลับเหมือนกัน
หลังจากได้ยินสิ่งที่หลิวเฉียงเหว่ยพูด ทำไมชายหนุ่มถึงรู้สึกว่าเธอกำลังมาหวังพึ่งพายังไงก็ไม่รู้
“ฉัน…”
สีหน้าของหลิวเฉียงเหว่ยซีดลงไปครู่หนึ่ง รวมถึงแววตาของเธอที่มักจะงดงามเสมอเองก็แอบแสดงความทุกข์ใจออกมาแวบหนึ่งด้วย
เหมือนกับเฉียนโตวโตว เธอคนนี้หันมาสนใจลงทุนกับเกมในนามของมิดซัมเมอร์แบบทุ่มสุดตัว ส่วนงานอื่น ๆ ในบริษัทล้วนถูกมอบหมายให้กับคณะผู้บริหารแทน ในขณะที่ตัวเธอก็มุ่งเน้นการพัฒนาต่าง ๆ ในโลกของเกมให้มากยิ่งขึ้น
ในฐานะที่เป็น 1 ใน 50 กิลด์ขนาดใหญ่ มิดซัมเมอร์จึงมีห้องทำงานที่ค่อนข้างใหญ่เป็นเรื่องปกติ กิลด์แห่งนี้ถึงกับลงทุนเช่าตึกแถมทั้งตึกเพื่อให้เหล่าผู้เล่นที่เป็นกำลังสำคัญหรือเหล่าผู้บริหารภายในกิลด์ได้อยู่อาศัยเลย
แต่เพราะสถานะของหลิวเฉียงเหว่ยเองก็ถือว่าพิเศษกว่าคนอื่นอยู่มาก ดังนั้นเธอจึงไม่ได้อาศัยอยู่ในที่เดียวกับเหล่าผู้บริหารเหล่านั้น เพียงแค่อยู่ในย่านเดียวกันเฉย ๆ มีเพียงลิลลี่เท่านั้นที่อยู่และดูแลเธอทุนวัน ไม่ว่านี่จะเพื่อความปลอดภัยของเธอในทุก ๆ ด้านหรือเหตุผลใด ๆ มันก็ทำให้เธอรู้สึกไม่สะดวกสบายซักเท่าไหร่
และยิ่งได้รู้ว่าวันแห่งชะตากรรมจะมาถึงในอีก 2 เดือนต่อจากนี้ ความรู้สึก ‘ไม่สบายใจ’ มันก็ยิ่งประจักษ์ชัดขึ้นภายในใจของหลิวเฉียงเหว่ย
ชะตากรรมที่ดำมืดและทุกข์ระทมที่เธอไม่สามารถต่อต้านได้ ชะตากรรมที่เมื่อไหร่มันมาถึงก็ไม่มีใครจะสามารถปกป้องเธอได้ทั้งนั้น
ถึงแม้ว่าหลิวเฉียงเหว่ยจะไม่ได้แสดงมันออกมาให้ใครรู้ แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ หญิงสาวก็ยังพยายามที่จะหาคนมาช่วยเธออยู่ตลอด แม้จะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าไม่น่าจะมีใครสามารถยืนหยัดต่อหน้าสัตว์ประหลาดตัวนั้นได้ก็ตาม
อย่างไรก็ตาม การปรากฏตัวของเซียวเฟิงช่วยนำพามาซึ่งความหวังของหลิวเฉียงเหว่ย ไม่เพียงแต่เพราะเธอเห็นโอกาสที่จะชนะโชคชะตานั้นได้จากเขา แต่รวมไปถึงความแข็งแกร่งที่เซียวเฟิงมีด้วย ชีวิตที่อยู่ด้วยความไม่สบายใจและหวาดละแวงมาเกือบ 22 ปีนี้ จู่ ๆ ก็เพิ่งจะได้รู้สึกถึงความโล่งใจขึ้นมานิด ๆ หน่อย ๆ ครั้งแรก
ใช่แล้ว ถึงแม้ว่าเรื่องที่เธอเคยเกือบจะถูกเซียวเฟิงฆ่านั้นเป็นเรื่องจริง รวมไปถึงโดนข่มขู่และถูกเขาทารุณกรรมอีก มันเป็นความพ่ายแพ้ที่น่าอับอายที่สุดในชีวิตเลยตั้งแต่ได้รู้จักเขา
กระนั้นการที่มีเขาอยู่ มันถึงทำให้เธอรู้สึกถึงความปลอดภัย ทุกครั้งที่เธอมองเขา ราวกับว่าความไม่สบายใจที่ทับถมมานานมันหายไปหมด
หลิวเฉียงเหว่ยได้พบเจอผู้คนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคนใหญ่คนโตในแวดวงการเมืองหรือแวดวงนักธุรกิจ หรือแม้กระทั่งพวกคนที่มีเบื้องหลังน่าพิศวง แต่ท่ามกลางคนเหล่านี้ เซียวเฟิงเป็นคนเดียวที่เธอไม่เคยพบเจอมาก่อน เป็นคนที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรแต่ก็แอบซ่อนเขี้ยวเล็บของตัวเองไว้ในเงามืด ทั้งอันตรายแล้วก็แข็งแกร่ง…
ซือเยี่ยจิ๋งเองก็เคยบอกเธออยู่หลายครั้งว่าเซียวเฟิงจะต้องเป็นปรมาจารย์ลึกลับแน่ ๆ ดีไม่ดีอาจจะเก่งกว่าซีเหมินชุยเสวียเสียอีก ยิ่งเธอได้ติดต่อรู้จักเขามากขึ้นเท่าไหร่ มันก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกสบายใจมากยิ่งขึ้น
หลิวเฉียงเหว่ยเคยได้ยินเกี่ยวกับซีเหมินชุยเสวียมาก่อน คนคนนี้เป็นคนที่เก่งในระดับต้น ๆ ไม่เพียงแค่ในโลกแห่งเกมเท่านั้น เพราะในโลกจริง ๆ ก็เป็นคนเก่งเช่นกัน คนใหญ่คนโตที่เธอเคยเห็นมาก่อนหน้าไม่สามารถเทียบเท่าเขาได้เลย
และเซียวเฟิงก็เป็นบุคคลประเภทเดียวกับซีเหมินชุยเสวีย เธอค่อนข้างมั่นใจเลยว่าเซียวเฟิงอาจจะแข็งแกร่งกว่าเขาด้วยซ้ำ
ตัวหลิวเฉียงเหว่ยเองก็ไม่มั่นใจว่าตนเองเป็นโรคสต็อกโฮล์มซินโดรมหรือไม่ เพราะแต่ละครั้งที่พบเซียวเฟิง เขาก็มักจะไม่แยแส ทำร้ายและเอาเปรียบเธออยู่เป็นประจำ แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวกลับไม่รู้สึกเสียใจอะไร กลับกัน ในใจลึก ๆ ของเธอกลับรู้สึกปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิตด้วย
ดังนั้นแล้ว คำถามข้างต้นที่เธอถามเขาออกไป มันมีจุดประสงค์ชัดเจนอยู่ในคำถามอยู่แล้ว
แม้จะเป็นครั้งแรกที่เธอได้เข้ามายังคฤหาสน์หลังนี้ แต่หลิวเฉียงเหว่ยก็รู้สึกปลอดภัยและผ่อนคลายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ดูเหมือนว่าภัยร้ายและชะตากรรมอันดำมืดนั้นจะไม่สามารถเข้ามาทำร้ายเธอได้หากยังอยู่ที่นี่ เพราะงั้นถ้าหากเธอสามารถอยู่ที่นี่ได้นานขึ้น เธอจะต้องรู้สึกเหมือนได้รับชีวิตใหม่แน่ ๆ
ทว่าเพราะเซียวเฟิงทำตัวเหมือนปกติ ต้อนรับเธอด้วยความไม่แยแสและไม่ใส่ใจเธอ แม้มันจะปกติแต่สำหรับครั้งนี้มันทำให้หลิวเฉียงเหว่ยรู้สึกระทมใจมากเป็นครั้งแรก
การปรากฏตัวของเธอนั้นเป็นผลสืบเนื่องมาจากชะตากรรมที่มิอาจเลี่ยงได้ แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ยังถือเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เธอมั่นใจในความโชคดีของเธอในทุกสิ่งอย่างที่ได้ลงมือทำไป
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยต่อหน้าเซียวเฟิง เพราะแม้เธอจะรู้สึกปลอดภัย แต่ก็ยังรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อนด้วย
เซียวเฟิงเดินมาถึงประตูห้องของตนแล้ว เขาพูดทิ้งท้ายอย่างร้อนใจว่า “หา?” แล้วเดินเข้าห้องไปในทันที
หลังจากลังเลอยู่ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ หลิวเฉียงเหว่ยก็เดินตามเซียวเฟิงเข้าห้องไปติด ๆ พร้อมปิดประตูห้องนั้น เธอมองไปยังเซียวเฟิงที่ลงไปนอนบนเตียงเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่ตัวเธอก็กำลังคิดจะทำการใหญ่ มือเรียวเล็กของสาวเจ้าเคลื่อนคลำหาเข็มขัดของชุดเดรสสีขาวที่ตนสวมใส่มา
ซึ่งมันเป็นจังหวะเดียวกับที่เซียวเฟิงผู้ที่กำลังจะสวมหมวกเล่นเกม เผอิญหันมาพบเธออยู่ในห้องพอดี ชายหนุ่มคิดว่าเธอปิดประตูห้องให้และกลับไปแล้ว เพราะงั้นด้วยอารมณ์ที่ไม่ได้ดีนัก เขาจึงถามกลับไป “หือ? เธอเข้ามาทำอะไรในห้องฉันเนี่ย? ฉันจะเล่นเกม อยากจะอยู่กินมื้อกลางวันด้วยหรือไง?”
เขาคิดว่าเธอน่าจะสติแตกไปแล้ว และถ้าขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ปัญหาของเธอก็อาจจะหนักขึ้นอีกก็ได้
ใบหน้าสวยแสดงความตกใจออกมา รวมไปถึงมือที่กำลังจะปลดเอาชุดเดรสสีขาวออกเองก็พลอยหยุดไปด้วย “อ๊ะ? นายไม่อยาก…”
“เธอทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเธอไม่รู้จักความเหมาะสมนะ รู้ตัวหรือเปล่า? หรือที่เธอกล้าทำอะไรแบบนี้เพราะฉันสัญญาว่าจะช่วยเธอ? เธอมั่นใจเหรอว่าฉันจะไม่กลับคำน่ะ?”
สีหน้าของหลิวเฉียงเหว่ยเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เธอรีบพูด “ไม่ ฉันไม่กล้า…” แต่ถึงอย่างนั้นความรู้สึกไม่ปกติมันก็ยังฉายแววให้เห็นในดวงตาคู่สวยของเธออยู่ดี
ชายหนุ่มขี้เกียจเกินกว่าจะมามัวคุยกับสาวเสียสติคนนี้ เขาตัดสินใจสวมหมวกแล้วออนไลน์ไปเลย ไม่รับไม่รู้และไม่ใส่ใจอะไรทั้งนั้น
หลิวเฉียงเหว่ยที่เห็นว่าเซียวเฟิงไม่ได้พูดเล่น ๆ แถมยังเข้าเกมไปจริง ๆ เธอก็จำใจใส่เสื้อผ้ากลับไปดี ๆ และจากเขาไปด้วยความงุนงง นี่เธอยัง…มีเสน่ห์ไม่พอเหรอ?
ถึงแม้ว่าหลิวเฉียงเหว่ยจะไม่ได้สนใจผู้ชาย แต่ด้วยความสวยสง่าของเธอ มันทำให้เธอพลอยชินไปกับคำชื่นชมของเหล่าผู้ชายไปด้วย ทว่ากับเซียวเฟิงนั้นไม่ใช่ เขาไม่เคยชื่นชมเธอเลย แตกต่างจากเหล่าคนที่มักจะชมเธอด้วยความหวังจะได้ครอบครองลิบลับ เซียวเฟิงไม่ถูกเสน่ห์ของเธอทำให้ลุ่มหลงจริง ๆ ดังนั้นแล้วในฐานะที่เป็นผู้หญิง หลิวเฉียงเหว่ยจึงรู้สึกแย่อยู่ลึก ๆ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งความรู้สึกที่เธอไม่เคยเจอมาก่อนในตลอดช่วงชีวิตที่มืดดำของเธอนี้
หนิงเคอเค่อเดินออกไปส่งหลิวเฉียงเหว่ยที่นอกคฤหาสน์ก่อนจะพูดทิ้งท้ายด้วยถ้อยคำสุภาพ “ดูแลตัวเองดี ๆ นะคะ”
แต่เพราะหลิวเฉียงเหว่ยยังคงอยู่ในภวังค์ของความงุนงง เธอเหลือบไปมองยังพี่เลี้ยงเด็กโลลิตรงหน้า แล้วทันใดนั้นความคิดบางอย่างมันก็ไหลเข้ามาในหัว ข้างตัวเขาก็มีเซียวหลิงที่น่ารักเหมือนตุ๊กตา แล้วไหนจะสัตว์เลี้ยงที่มีรูปลักษณ์เหมือนเด็ก ๆ ที่เห็นเมื่อคืนอีก
ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างพร้อมกับมือเรียวเล็กที่ยกขึ้นปิดปากของตนเองเพื่อไม่ให้มีเสียงใด ๆ เล็ดลอดออกมา
ความคิดที่ค่อนข้างบ้าบิ่นนี้มันดูจะมีเค้าของความเป็นจริงมากอยู่ นี่เซียวเฟิง…ชอบอะไรแบบนี้เหรอเนี่ย?
ขณะเดียวกันทางด้านเซียวเฟิง เขายังคงมุ่งหน้าไปยังซากเมืองปรักหักพังด้านนอกเมืองเฮ่ยถู เฉียนโตวโตวเองก็ออนไลน์แล้วเช่นกัน เธอกำลังเตรียมที่จะเปิดการประมูลโทเคนล่าสมบัติทั้ง 2 ชิ้นอยู่ นอกจากโทเคน 2 ชิ้นนี้ที่เซียวเฟิงให้เธอแล้ว มันก็ยังมีสิ่งของอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ผู้อื่นฝากตำหนักขุมทรัพย์มาประมูลด้วย
เซียวเฟิงถามเฉียนโตวโตวเกี่ยวกับไอเทมที่ป้องกันศัตรูที่ล่องหนได้เอาไว้รวมถึงอุปกรณ์สวมใส่ด้วย แต่เพราะเฉียนโตวโตวเองก็ไม่ได้รู้เรื่องนี้มากนัก เธอจึงไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไหร่
รอบ ๆ ตัวเขาตอนนี้ไม่มีทั้งซางกวน อาโอเชินและคนอื่น ๆ อยู่แล้ว บางทีอาจจะเป็นเพราะก่อนจะออฟไลน์ เขาบอกทิ้งท้ายเอาไว้ว่าไม่ต้องรอ คนเหล่านี้ก็เลยไปยังจุดอื่นกันต่อแล้ว
[ผู้เล่น ‘ลิตเติ้ลฟ็อกซ์’ โทรหาคุณ]
ในตอนที่เซียวเฟิงกำลังจะถามซางกวน อาโอเชินว่าอยู่ที่ไหนกันแล้ว ลิตเติ้ลฟ็อกซ์ก็โทรเข้ามา เซียวเฟิงคาดว่าน่าจะเป็นเพราะเธอได้ข่าวของอาจารย์ตี้อู่หยาแล้ว แววตาของเขาจึงเป็นประกายขึ้นมา ลืมเรื่องที่จะโทรหาซางกวน อาโอเชินไปทันที
เขารับสายพร้อมถามอย่างตรงไปตรงมา “เจอเขาแล้วเหรอ?”
น้ำเสียงที่อ่อนหวานของลิตเติ้ลฟ็อกซ์ตอบกลับ เธอยิ้มและพูด “เจ้าแห่งฮีลเลอร์เนี่ยใจร้อนจริง ๆ เลยนะ แต่ก็ตามนั้น พวกเราเจอเขาแล้ว”
เซียวเฟิงถามต่อไม่ปล่อยให้เสียเวลา “ขอบคุณมาก แล้วเขาอยู่ไหนล่ะ?”
จิ้งจองสาวพูดเสียงเบา “ใกล้ ๆ เมืองเฮ่ยฉี นายสามารถเทเลพอร์ตไปยังเมืองนั้นได้เลย เดี๋ยวฉันจะรออยู่ที่จุดวาร์ปประจำเมืองก็แล้วกัน”
“ฉันจะรีบไป” เซียวเฟิงไม่ปฏิเสธเธอ เพราะพวกเมืองหลักทั้งหลายนั้นมีขนาดใหญ่ มันจะทำให้เขาเสียเวลาหากเข้าไปโดยไม่รู้ทาง
ใบวาร์ปถูกใช้เพื่อเรียกตัวเองกลับไปยังเมืองเฮ่ยถูก่อน จากนั้นค่อยเดินทางไปยังเมืองเฮ่ยฉีต่อ
เมืองเฮ่ยฉีเองก็เป็นเมืองหลักแห่งหนึ่งของเผ่าคนแคระเช่นเดียวกับเมืองเฮ่ยถู สถาปัตยกรรมต่าง ๆ ภายในเมืองนั้นจึงเปี่ยมไปด้วยความงดงาม รายละเอียดมากมายให้ความรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาเหมือนอยู่ในยุคอุตสาหกรรมไอน้ำก็มิปาน แถมที่แห่งนี้ยังมีเทคโนโลยีโบราณอยู่มากอีกด้วย
ภายในเมืองเฮ่ยฉีนั้นมีผู้เล่นจำนวนไม่มาก จริง ๆ เพราะผู้เล่นเผ่าคนแคระมีไม่มากต่างหาก มีผู้เล่นเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่เลือกเล่นเผ่านี้ เนื่องจากรูปร่างของตัวละครทั้งตัวเตี้ยแถมยังอ้วนอีก ด้วยเหตุนี้มันเลยทำให้ต่อให้เป็นเมืองหลักก็ยังให้ความรู้สึกเหมือนเมืองร้างอยู่ดี ถึงอย่างนั้นแแล้วก็ใช่ว่าที่แห่งนี้จะเงียบสงบ เพราะมันอุดมไปด้วยเสียงของเครื่องจักรกำลังทำงานลอยมาให้ได้ยินอยู่เรื่อย ๆ
เซียวเฟิงเจอลิตเติ้ลฟ็อกซ์แล้วตั้งแต่ที่เทเลพอร์ตมาถึงเมืองนี้ เธอยังคงอุดมไปด้วยเสน่ห์อันเย้ายวนที่แตกต่างจากมนุษยชาติดังเดิม เรือนร่างที่ล่อตาล่อใจผนวกกับใบหน้าที่สวยงามนั้นแทบจะเป็นสิ่งที่อ่อนโยนที่สุดท่ามกลางความหยาบกร้านของสถาปัตยกรรมภายในเมืองนี้เลย เขาเดินเข้าหาเธอและพูด “ไปกันเถอะ”
ลิตเติ้ลฟ็อกซ์เริ่มเดินนำ ระหว่างทางเธอก็พูดด้วยเสียงเบาของเธอไปด้วย “มันคงจะต้องเป็นภารกิจที่ไม่ธรรมดาแน่ ๆ เลยใช่ไหม? ขนาดที่ทำให้เจ้าแห่งฮีลเลอร์ต้องตั้งใจมุ่งหน้าไปหาเขาขนาดนี้”
ความอยากรู้อยากเห็นและความสงสัยประจักษ์ชัดในดวงตาคู่สวยของจิ้งจอกสาวตนนี้ หลังจากที่วิเคราะห์จากเลเวลของเจ้าแห่งฮีลเลอร์รวมถึงอุปกรณ์ที่เขาสวมใส่ตอนนี้ คนคนนี้ไม่น่าจะสนใจภารกิจทั่ว ๆ ไป ว่าแต่นี่จะใช่ภารกิจหลักของเขาหรือเปล่านะ?
ทว่าชายหนุ่มกลับส่ายหน้าและไม่ได้ปกปิดความจริงใด ๆ จากเธอ “ไม่ใช่ภารกิจหรอก ที่ฉันต้องไปหา NPC พวกนั้นเพราะฉันอยากให้พวกเขาช่วยสร้างไอเทมให้หน่อยน่ะ” ยังไงเสียเธอคนนี้ก็เป็นคนที่ช่วยเขาตามหานี่นา
ดวงตาของลิตเติ้ลฟ็อกซ์เบิกโตมากขึ้น เธอคิดไปไกลมากแล้วตอนนี้ “สร้างอุปกรณ์ให้เหรอ?”
ทั่วทั้งเขตฮัวเซียตอนนี้ ทุกคนรู้ว่าอุปกรณ์ของเจ้าแห่งฮีลเลอร์นั้นจัดว่าหรูหราและแข็งแกร่งเกินกว่าผู้เล่นระดับเดียวกันไปเยอะแล้ว
ตอนนี้พอเธอได้ยินว่าเขาจะสร้างอุปกรณ์เพิ่ม เธอจึงอดไม่ได้ที่จะคาดเดาว่าของสิ่งนั้นอาจจะเป็นอุปกรณ์ที่ดีที่สุดที่ไม่มีดร็อปจากมอนสเตอร์หรือเปล่า
เกมนี้มีระบบที่ทรงพลังระดับสร้างอุปกรณ์ได้แล้วงั้นเหรอ?
เธอดูจะตกใจมาก ๆ แต่ก็ยังทำเป็นใจเย็นไว้อยู่ บนใบหน้าสวยยังคงรักษาไว้ซึ่งรอยยิ้มและนำทางเซียวเฟิงไปยังห้องทำงานห้องหนึ่ง
เซียวเฟิงเหลือบไปเห็นแล้วว่าอาจารย์ตี้อู่หยาอยู่ภายในห้องทำงานแห่งนี้ เขาเป็น NPC ที่มีลักษณะเป็นคนแก่ผู้มาพร้อมผมสีเทาขาว ชายหนุ่มไม่รอช้าที่จะเข้าไปทักทายพร้อมกับเปิดเผยฉายาอาร์คบิชอปเอาไว้ด้วย “ท่านอาจารย์ตี้อู่หยา!”
อาจารย์ตี้อู่หยาดูเหมือนจะกำลังทำการวิจัยอะไรบางอย่างอยู่ภายในห้องทำงานกับ NPC คนแคระอีกคนหนึ่ง เมื่อเขาได้ยินเสียงเรียก ชายสูงวัยก็รีบเงยหน้าขึ้นมองและถามเซียวเฟิง “ท่านคือ…อา ท่านอาร์คบิชอปแห่งวิหารศักดิ์สิทธิ์ ท่านตามหาตัวข้าหรือ?”
เซียวเฟิงพูดด้วยถ้อยคำที่สุภาพมาก ๆ “ใช่แล้วครับ ผมอยากจะมาขอให้ท่านอาจารย์ช่วยสร้างอุปกรณ์สำหรับเก็บของให้หน่อยน่ะครับ” ขณะเดียวกันชายหนุ่มก็หยิบเอาหินอวกาศทั้ง 128 ชิ้นออกมาให้ดูด้วย
ชายสูงวัยตกใจเมื่อได้เห็นสิ่งตรงหน้าก่อนจะหันไปมอง NPC คนแคระข้าง ๆ ด้วยความลังเลอะไรบางอย่าง “ท่านไปได้หินอวกาศมากมายขนาดนี้มาจากไหนกัน? การสร้างอุปกรณ์ที่ท่านขอมานั้นไม่ใช่เรื่องยากสำหรับข้านักหรอก แต่…”
ทันทีทันใดเซียวเฟิงก็เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมอีกฝ่ายถึงลังเล
NPC คนแคระที่ชัดเจนเลยว่าคือท่านอาจารย์ตี้ ผู้ที่ดูไม่หนุ่มแล้วแท้ ๆ แต่กลับใจร้อน คนคนนี้พูดกับเซียวเฟิงอย่างไม่ไว้หน้า “เจ้ามาจากไหน? เป็นแค่ไอ้เด็กรับใช้ของวิหารแห่งแสงแท้ ๆ ไม่เห็นหรือไงว่าพวกข้ากำลังยุ่งอยู่? ออกไปจากที่นี่เลยไป”