“หยาเอ๋อ เธออย่าพูดเรื่องตลกเลย ฉันกับอวี่สวิ๋นเป็นเพื่อนสมัยเด็กกัน ถึงแม้ว่าจะมีความรู้สึกที่ไม่เลวต่อกัน แต่เธอคงไม่สามารถชอบฉันได้หรอก!” เย่เทียนเฉินพูดพลางส่ายหน้า

เย่เทียนเฉินไม่เคยคิดเลยว่าระหว่างเขากับหลิงอวี่สวิ๋นจะเกิดความรักระหว่างชายหญิงอะไรขึ้นมาได้ ไม่มีความคิดแบบนี้เลยจริงๆ และสามารถกล่าวได้ว่า หลังจากที่มาเกิดใหม่ในโลกแห่งนี้ เรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงหรือการหาแฟนอะไรพวกนั้น แต่ไหนแต่ไรมาเย่เทียนเฉินก็ไม่เคยคิดมาก่อน ต่อให้เป็นเสี้ยวหยา เขาก็คิดเพียงแค่อยากจะปกป้องและดูแล ไม่ใช่ความรักอะไรแบบนั้น และไม่ได้ชัดเจนอะไรขนาดนั้น

หลิงอวี่สวิ๋นเป็นคนที่มีชีวิตชีวาคนหนึ่ง และเป็นผู้หญิงที่งดงามมากคนหนึ่ง ความรู้สึกที่เย่เทียนเฉินมีต่อหลิงอวี่สวิ๋นไม่เลวนัก ถึงแม้ว่าจะมีบางครั้งที่ทั้งสองคนทะเลาะกัน แต่ความรู้สึกในใจก็ยังไม่เลว เสี้ยวหยาบอกว่าหลิงอวี่สวิ๋นชอบตัวเอง หลงรักตัวเอง ในจุดนี้ทำให้เย่เทียนเฉินตกใจจริงๆ ในสายตาของหลิงอวี่สวิ๋น เกรงว่าตัวเขาจะเป็นแค่อันธพาลคนหนึ่งเท่านั้น เธอจะตกหลุมรักเขาเหรอ? นี่เป็นเรื่องตลกระดับชาติหรือยังไง?

“เทียนเฉิน ไม่ผิดไปจากที่พี่อวี่สวิ๋นพูดไว้จริงๆ นายไม่มีอีคิวเลยแม้แต่น้อย ความคิดของผู้หญิงนายคงยากที่จะเข้าใจ!” เสี้ยวหยาอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

“สรุปแล้ว เรื่องที่เธอบอกว่าอวี่สวิ๋นชอบฉัน เป็นไปไม่ได้โดยเด็ดขาด!” เย่เทียนเฉินพูดออกมาอย่างมั่นใจ

“ผู้หญิงคนหนึ่งไม่ว่าจะรักผู้ชายคนหนึ่งมากขนาดไหนก็จะไม่พูดออกมา เพราะว่าพวกเธอต่างก็มีความสงบเสงี่ยมเจียมตัว พี่อวี่สวิ๋นพูดคุยกับฉันเกี่ยวกับเรื่องของนายมากมาย ตลอดทางก็พูดถึงแต่เรื่องของนาย ในตอนที่พูดถึงนายก็ดูเธอจะมีความสุขมาก คงจะชอบนายโดยไม่รู้ตัว พี่อวี่สวิ๋นเป็นคนดีมาก นายอย่าทำให้เธอลำบากใจเลย!” เสี้ยวหยาพูดด้วยรอยยิ้ม เหมือนกับแม่สื่อไม่มีผิด กำลังกล่าวเตือนว่าให้เย่เทียนเฉินทำตัวดีๆ ต่อหลิงอวี่สวิ๋นสักหน่อย

ในตอนนี้ เย่เทียนเฉินพลันมีความรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา รู้สึกว่าเสี้ยวหยาช่างเป็นคนดีจริงๆ ที่ไม่พอใจก็เพราะเสี้ยวหยาพูดแบบนี้เป็นการแสดงว่าไม่มีความรู้สึกใดๆต่อเย่เทียนเฉินเลยหรือไม่? เดิมทีเย่เทียนเฉินที่ไม่อยากจะคิดอะไรมาก ไม่อยากจะคิดอะไรต่อเสี้ยวหยาให้มาก คิดแต่จะปกป้องและดูแลเท่านั้น

แต่เมื่อได้ยินคำพูดของเสี้ยวหยาแล้ว เห็นได้ชัดว่าเป็นการผลักตนเองไปให้หลิงอวี่สวิ๋น เย่เทียนเฉินจึงมีความรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง จะอย่างไรในส่วนลึกของจิตใจของเขาก็ยังหวังว่าเสี้ยวหยาจะรักตัวเอง ผู้หญิงที่ดีถึงขนาดนี้ และมีหน้าตาเหมือนผู้หญิงที่เขารักอย่างลึกซึ้งมากที่สุดในช่วงยุคสิ้นโลกพอดี ผู้หญิงที่มีกิริยาอ่อนช้อยงดงามย่อมเป็นที่หมายปองของผู้ชาย ใครจะไม่หวั่นไหวบ้าง?

“หยาเอ๋อร์งั้นเธอล่ะ? เธอไม่มีความรู้สึกอะไรต่อฉันเลยเหรอ?” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะมองไปยังเสี้ยวหยาอย่างจริงจังแล้วถามขึ้น

“ฉัน…รถมาแล้ว ฉันไปก่อนนะ บาย!”

เมื่อเห็นเสี้ยวหยาวิ่งเหยาะๆ ไปยังรถสาธารณะอย่างรีบร้อน เมื่อเห็นใบหน้าอันไร้เดียงสาของเสี้ยวหยาแดงขึ้นเล็กน้อย เย่เทียนเฉินก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มที่มุมปาก ท่าทางเสี้ยวหยาก็จะมีความรู้สึกต่อตนเองบ้าง เพียงแต่เธอคิดว่าหลิงอวี่สวิ๋นเป็นคนดี เธอไม่อยากจะทำให้หลิงอวี่สวิ๋นต้องปวดใจ

“ความรักระหว่างชายหญิง ฉันไม่เคยคิดมาก่อน ฉันแค่อยากจะใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุข ปกป้องครอบครัวและมิตรสหายของตัวเอง ใครที่มันทำให้ฉันและญาติมิตรของฉันไม่มีความสุข ฉันก็จะทำให้มันไม่มีโอกาสได้มีความสุขไปตลอดกาล!” เย่เทียนเฉินแอบสาบานกับตนเองอยู่ในใจ จะปกป้องทุกสิ่งทุกอย่างที่ตนมี ไม่อนุญาตให้ใครหน้าไหนมาทำลาย หากกล้ามาหาเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นใคร เขาก็จะไม่เกรงใจ

เย่เทียนเฉินมองเสี้ยวหยาจากไป ยกยิ้มพลางส่ายหน้า เดินไปยังประตูมหาวิทยาลัยหลงเถิง หลิงอวี่สวิ๋นยังคงรอตัวเองอยู่ที่นั่น รอกินข้าวด้วยกันกับเขา ในตอนที่อยู่ด้วยกันกับหลิงอวี่สวิ๋น เย่เทียนเฉินจะรู้สึกผ่อนคลายเป็นพิเศษ และรู้สึกดีใจมาก เพื่อนสมัยเด็กคนนี้ ตอนนี้ก็สามารถทำให้เขามีความสุขได้ สำหรับความรู้สึกที่มีต่อหลิงอวี่สวิ๋น ก็เป็นแค่เพื่อนที่ดีมากๆ คนหนึ่งเท่านั้น

ในตอนที่เย่เทียนเฉินเดินไปยังประตูมหาวิทยาลัยหลงเถิง หลิงอวี่สวิ๋นก็ถูกย่าขู่ที่เป็นแม่บ้านของตระกูลหลิงจูงมือไปนั่งในรถซีดานสีดำที่อยู่ข้างถนน เพราะคุณพ่อของหลิงอวี่สวิ๋นรู้ว่าหลิงอวี่สวิ๋นใกล้ชิดกับเย่เทียนเฉิน ส่วนเย่เทียนเฉินก็กลายเป็นคนที่ถูกกล่าวขานมากที่สุดในเมืองหลวง และมีอันตรายมากมายที่จะเข้ามาสู่ชีวิตของเขา ตอนนี้ความอันตรายที่ใหญ่ที่สุดก็คือ คุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิง คนคนนี้มีอำนาจเบื้องหลังยิ่งใหญ่ และตัวเขาเองก็ยังเป็นยอดฝีมือชั้นหนึ่งที่ใช้วรยุทธโบราณ ไม่อาจหาเรื่องด้วยง่ายๆ ไม่เหมือนกับคุณชายไม้ประดับคนอื่นที่ทำอะไรไม่เป็น คนเหล่านั้นถ้าไม่มีเบื้องหลังคอยค้ำจุนอยู่ก็ไม่ต่างอะไรตดหมา

“ย่าขู่ หนูไม่สามารถไปได้จริงๆ หนูจำเป็นต้องช่วยเขา!” หลิงอวี่สวิ๋นขอร้องย่าขู่

“คุณหนู คุณหนูอยากได้บีบบังคับให้ดิฉันต้องลงมือเลย!” ย่าขู่มองไปยังหลิงอวี่สวิ๋นอย่างเย็นชาแล้วพูดขึ้น

“ย่าขู่ หนูทำไม่ได้ หนูทำไม่ได้จริงๆ หนูไม่สามารถมองดูเย่เทียนเฉินตายไปได้ ไม่สามารถมองตะกูลเย่ถูกฆ่าล้างได้…” หลิงอวี่สวิ๋นสะบัดมือของเธอออกย่าขู่สุดชีวิต ไม่อยากจะกลับไปยังประตูหลิงกลับย่าขู่

ย่าขู่เป็นยอดฝีมือที่ใช้วรยุทธโบราณคนหนึ่ง หลิงอวี่สวิ๋นไหนเลยจะสามารถสลัดพ้นได้ ถูกอีกฝ่ายดึงไปยังทิศทางของรถซีดานคันนั้น ด้วยเรี่ยวแรงของหลิงอวี่สวิ๋นจึงไม่สามารถที่จะสลัดพ้นจากมือของย่าขู่ได้

“ย่าขู่…” หลิงอวี่สวิ๋นตะโกนขึ้นเสียงดัง

เมื่อได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยความโมโหของหลิงอวี่สวิ๋น ย่าขู่ก็หันมามอง ใบหน้ายังคงไร้อารมณ์ เย็นชาราวกับไม่มีความเป็นมนุษย์ พูดออกมาอย่างเรียบเฉย “ดูท่าทางคุณพ่อของคุณจะพูดไว้ไม่ผิด คุณมีใจให้เย่เทียนเฉินจริงๆ พวกเราไม่สามารถให้คุณถลำลึกไปกว่านี้ได้ ถ้าคุณรักเย่เทียนเฉินจริงๆ ไม่เพียงแต่เย่เทียนเฉินที่จะต้องตาย คุณเองก็จะต้องตายด้วย แล้วจะเกี่ยวพันมาถึงตระกูลหลิงด้วย!”

“หนู…หนูไม่ได้รักเย่เทียนเฉิน หนูแค่ต้องการจะช่วยเหลือเขา พวกเราเป็นเพื่อนกัน ตระกูลหลิงและตระกูลเย่ก็มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ทำไมถึงจะช่วยเขาไม่ได้ล่ะ?” เสี้ยวหยาเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ

“ดิฉันได้พูดไปแล้ว ตระกูลหลิงแล้วตระกูลเย่อยู่ในตำแหน่งที่ไม่เหมือนกันตั้งนานแล้ว เมื่อก่อนทั้งสองตระกูลอาจจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวต่อกัน เป็นเพราะอำนาจของสองตระกูลต่างกันไม่มาก แต่ตอนนี้ตระกูลเย่ไม่สามารถเทียบเคียงได้กับตระกูลหลิง ตระกูลหลิงก็ไม่อาจไปหาเรื่องเพียงเพราะตระกูลเย่ได้!” ย่าขู่พูดอย่างเย็นชา

“พวกคุณ…ทำไมพวกคุณถึงได้เลือดเย็นขนาดนี้…” หลิงอวี่สวิ๋นพูดอย่างไม่พอใจ

ย่าขู่ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันมามองหลิงอวี่สวิ๋น คิดอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ในที่สุดก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ทำเพียงจูงมือหลิงอวี่สวิ๋นเดินไปเท่านั้น ดึงเธอให้เดินไปยังรถซีดานอย่างไร้หัวใจ เธอไม่สามารถทนเห็นหลิงอวี่สวิ๋นทำร้ายตนเองเพียงเพราะเย่เทียนเฉินได้ เพราะว่าหากดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว เย่เทียนเฉินไม่ใช่คู่มือของคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิง จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

“อวี่สวิ๋น พวกเธอทำอะไรเหรอ?” เย่เทียนเฉินปรากฏตัวออกมา มองหลิงอวี่สวิ๋นถูกหญิงชราคนหนึ่งจับจูงเดินไป อดไม่ได้ที่จะถามออกมาด้วยความประหลาดใจ

“เทียนเฉิน ฉัน…”

คำพูดของหลิงอวี่สวิ๋นยังไม่ทันได้กล่าวออกมาก็ถูกย่าขู่ขัดจังหวะ ด้านข้างมีบอดี้การ์ดในชุดสีดำสองคนมาขวางหลิงอวี่สวิ๋นเอาไว้ ส่วนย่าขู่กลับเดินไปอยู่เบื้องหน้าเย่เทียนเฉิน ยังคงมีท่าทางเย็นชา ในดวงตาเปล่งประกายอันคมกริบ

เย่เทียนเฉินขมวดคิ้ว ไม่ใช่เพราะหลิงอวี่สวิ๋นถูกบอดี้การ์ดทั้งสองคนขวางเอาไว้ แต่เป็นเพราะหญิงชราหลังค่อมตรงหน้านี้ ดูผิวเผินเป็นคนชรา แต่ไอสังหารแข็งแกร่งมาก นี่เป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง เป็นยอดฝีมือที่เหนือชั้นคนหนึ่ง

“เธอก็คือเย่เทียนเฉินหรือ? ย่าขู่เอ่ยปากถาม”

“ถูกแล้วครับ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?” เย่เทียนเฉินตอบด้วยรอยยิ้ม

“ตระกูลเย่ตกต่ำไปหลายปีแล้ว สามารถมีเด็กรุ่นหลังอย่างเธอออกมาได้ก็เป็นเรื่องที่น่าชื่นชม เพียงแต่น่าเสียดายที่เธอจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน ฉันขอเตือนเธอเอาไว้ว่า หลังจากนี้อย่าได้ใกล้ชิดกับคุณหนูของพวกเรามากเกินไป พวกเธอไม่ใช่คนที่อยู่ในระดับเดียวกัน มิฉะนั้นฉันจะทำให้เธอตายเร็วขึ้น!” ย่าขู่มองเย่เทียนเฉิน จ้องไปยังดวงตาของเย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้น

เย่เทียนเฉินชะงักไปครู่หนึ่ง ตนเองไปล่วงเกินใครเอาไว้อีกหรือเปล่า? ถึงได้มีหญิงชราแบบนี้โผล่ออกมา ไม่พูดไม่จาก็เริ่มจะเล็งเป้ามาที่ตน และยังมีความเป็นไปได้มากกว่าจะลงมือ เห็นว่าเขาเป็นคนที่เคารพผู้อาวุโสแล้วจะรังแกได้ง่ายๆหรือยังไง?

“คุณย่าครับ ผมไปล่วงเกินอะไรคุณเหรอ? อย่างแรกที่ผมจะบอกคุณก็คือ ผมกับหลิงอวี่สวิ๋นเป็นเพื่อนกัน นอกจากนี้ยังจะมาพูดถึงตระกูลเย่ของผมตามใจชอบอีก!” เย่เทียนเฉินพูดออกมาด้วยความไม่พอใจ

ย่าขู่มองเย่เทียนเฉินครั้งหนึ่ง เธอได้ได้ยินทุกการกระทำที่เย่เทียนเฉินได้กระทำหลังจากกลับมาที่เมืองหลวงหมดแล้ว ในใจก็ค่อนข้างที่จะชื่นชม อย่างน้อยเย่เทียนเฉินก็เป็นคนที่กล้าทำกล้ารับ เพียงแต่ว่านี่ไม่ได้หมายความว่าย่าขู่จะมองเขาในแง่ดี โดยเฉพาะหลังจากที่ได้รู้ว่าเย่เทียนเฉินไปล่วงเกินคุณชายใหญ่ ไม่ใช่ว่าย่าขู่จะเกรงกลัวบารมีของคนอื่นจนทำลายศักดิ์ศรีของตนเอง แต่เป็นเพราะคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงมีความสามารถแข็งแกร่งมากจริงๆ และมีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่ ตระกูลหลิงไม่กล้าที่จะไปล่วงเกิน

 “นิสัยไม่เลวเลย ต่อให้ปู่ของเธอเย่หย่วนซานมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ ก็เกรงว่าจะไม่กล้าพูดกับฉันแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเธอเป็นแค่เด็กรุ่นหลังคนหนึ่ง ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงหรือ?” ย่าขู่มองเย่เทียนเฉินอย่างไม่สบอารมณ์แล้วพูดขึ้น

“คุณย่า ผมว่าไม่ใช่ผมหรอกที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ? แต่เป็นคนที่พอเริ่มพูดก็คิดจะกดหัวผม อยากจะใช้ฐานะผู้ใหญ่ของคุณมากดดันผม คิดว่าผมเย่เทียนเฉินจะรังแกได้ง่ายๆ หรือ? ผมเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ก็จริง แต่อย่าได้บีบบังคับผม!” เย่เทียนเฉินเองก็พูดอย่างไม่สบอารมณ์

“งั้นเหรอ? ฉันไม่เพียงแต่จะกดดันเธอ ไม่เพียงแต่จะบีบบังคับเธอ แต่ฉันยังจะสั่งสอนเธอด้วย จะทำให้เธอรู้ว่าวันหน้าอย่าได้เข้ามาใกล้คุณหนูของฉันอีก…” ย่าขู่ยังไม่ทันกล่าวจบก็พุ่งเข้าไปยังเย่เทียนเฉิน

เสี้ยวหยาคิดไม่ถึงและไม่รู้ว่าทำไม พอย่าขู่ได้เห็นเย่เทียนเฉินก็เล็งเป้าไปที่เขาแบบนี้ เหมือนกับว่ามาเพื่อทำให้เย่เทียนเฉินต้องได้รับความอัปยศโดยเฉพาะอย่างไรอย่างนั้น ช่างแปลกประหลาดอยู่บ้านจริงๆ

ผัวะ!

หมัดที่รวดเร็วและรุนแรงพุ่งไปยังลำคอของเย่เทียนเฉิน ไม่เพียงแต่หลิงอวี่สวิ๋น แต่กระทั่งเย่เทียนเฉินเองก็มองจนตกตะลึง เขารู้ว่าหญิงชราตรงหน้ามีความเป็นไปได้มากว่าจะเป็นยอดฝีมือแห่งพรรควรยุทธโบราณคนหนึ่ง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ หนึ่งหมัดที่ต่อยเข้ามา ไม่เพียงแต่รวดเร็วดุจสายฟ้า แต่ยังแฝงไปด้วยพลังภายในที่แข็งแกร่งอีกด้วย กระทั่งสามารถทำให้อากาศสั่นไหว ให้ความรู้สึกราวกับจะฉีกขาด เป็นเพียงแค่การออกหมัดธรรมดาๆ หมัดหนึ่งเท่านั้น ถึงกับมีพลังอำนาจเพียงนี้ จะให้เขาไม่ตกใจได้อย่างไร

เย่เทียนเฉินหลบไปด้านซ้าย ไหนเลยจะรู้ว่ามือขวาของย่าขู่จะพุ่งเข้ามาในท่วงท่าของกรงเล็บอินทรีย์ ทำให้เย่เทียนเฉินไม่อาจหลบหลีกได้ ทั้งซ้ายขวาต่างก็ถูกโจมตี

“ย๊าก!”

ในเวลาชั่วพริบตา เย่เทียนเฉินตะโกนออกมาเสียงดัง ทั่วทั้งร่างมีพลังพิเศษอันแข็งแกร่งฟุ้งกระจายออกมา ลดทอนความเร็วในการโจมตีของย่าขู่ หลิงอวี่สวิ๋นใช้มือทั้งสองปิดหูของตน

……………………………..