ส่วนที่ 11 ลอยนวล ตอนที่ 8 ลอยนวล (8)

ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก

สุดท้ายแก้วน้ำที่อยู่บนหัวเตียงของซูหว่านใบนั้นก็ถูกเซี่ยวจินนำไปตรวจสอบ และผลปรากฎว่ามียาพิษจากแทลเลียมผสมอยู่ในนั้น  

 

 

ยาพิษจากแทลเลียมไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ละลายง่ายในน้ำ ไอออนของแทลเลียมสามารถบุกรุกเข้าสู่ระบบประสาท และส่งผ่านความรู้สึกเดียวไปยังร่างกายของมนุษย์ ความรู้สึกนั้นก็คือความเจ็บปวด  

 

 

เจ็บปวดที่สุด เจ็บปวดชนิดที่ร่างกายของมนุษย์เราไม่อาจจะรับได้  

 

 

ยาพิษจากแทลเลียมอาจไม่ทำให้คุณตาย แต่ก็ทำให้คุณรู้สึกเสมือนตายทั้งเป็น! สมองของคุณจะถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง ถึงแม้ว่าคุณจะสลบไสล คุณก็ยังรู้สึกได้อยู่ดี 

 

 

ความเจ็บปวดลึกล้ำถึงกระดูก เข้าไปถึงในจิตใจ  

 

 

ต้องเกลียดชังมากขนาดไหนกันนะ ถึงลงมือได้อำมหิตเพียงนี้ ? 

 

 

เซี่ยวจินก็เคยเจอคดียาพิษจากแทลเลียมมาแล้ว ถ้าพูดตามจริง คดีลักษณะนี้โดยมากจะเกี่ยวข้องกับกรณีพิพาทในด้านความรักความผูกพัน 

 

 

ความหึงหวง หนึ่งในบาปดั้งเดิมของมนุษย์  

 

 

…… 

 

 

“ใครมีกุญแจห้องคุณอีกบ้าง”  

 

 

น้ำเสียงของเซี่ยวจินทุ้มต่ำเป็นพิเศษ เขานั่งบนโซฟาและมองดูซูหว่านที่กำลังปากซีด ตัวเขาในยามนี้ดูเหมือนตำรวจอาชญกรรมผู้มากประสบการณ์  

 

 

“พี่เฉิงค่ะ” 

 

 

ซูหว่านหลุดปากพูดชื่อหนึ่งด้วยท่าทีที่สั่นเทา “แต่ … พี่เฉิงไม่มีทางทำร้ายฉัน ฉันมั่นใจค่ะ”  

 

 

“เหอะ”  

 

 

เซี่ยวจินได้แต่หัวเราะออกมา “ถึงเธอจะไม่ทำร้ายคุณ แต่เธอก็ไม่อาจห้ามคนอื่นไม่ให้มาทำร้ายคุณได้ไม่ใช่หรือ ทั้งกุญแจของคุณและกุญแจของเธอต่างก็ไม่ปลอดภัยทั้งคู่ ห้องของคุณเองก็ไม่ปลอดภัยเช่นกัน”  

 

 

“แล้วฉันควรทำอย่างไร ย้ายบ้านหรอคะ” 

 

 

ซูหว่านตะโกนใส่เซี่ยวจินด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เขาหาฉันเจอแน่ ถึงฉันจะไปอยู่ไหนเขาก็หาฉันเจออยู่ดี เซี่ยวจิน ฉันไม่มีที่ให้หลบหนีอีกแล้ว ฉันจะต้องตายแบบเดียวกับพวกหลินลู่ลู่ใช่ไหมคะ ใช่ไหม พวกเธอตายอย่างไรกัน ตายอย่างอนาถมากใช่ไหม ฉันไม่เอานะ ฉันไม่อยากตาย ฉันยังไม่อยากตาย!” 

 

 

ในฐานะของคนธรรมดาคนหนึ่ง เมื่อความตายมาอยู่ตรงหน้า เธอจะรักษาอาการนิ่งสงบไปได้นานแค่ไหนกัน 

 

 

เธอสงบใจไม่ลงหรอกนะ  

 

 

เมื่อเผชิญกับซูหว่านที่กำลังสติแตก เซี่ยวจินก็ลุกขึ้นก้าวยาว ๆ ไปหยุดตรงหน้าซูหว่านทันที จากนั้นเขาก็สวมกอดเธอไว้แน่น “ซย่าอวี่ซาน อวี่ซาน คุณใจเย็น ๆ ก่อนนะ มีผมอยู่ ผมยังอยู่ตรงนี้ คุณจะต้องไม่เป็นอะไร ผมจะปกป้องคุณเอง”  

 

 

น้ำเสียงของเซี่ยวจินเคร่งขรึมมากเป็นพิเศษ  

 

 

“มีผมอยู่” เพียงคำสามคำที่แสนจะธรรมดา แต่ราวกับแฝงไว้ด้วยขุมพลังมหาศาล ทำไมเธอรู้สึกปลอดภัยขนาดนี้ 

 

 

“เซี่ยวจิน คุณช่วยฉัน คุณช่วยฉันด้วยนะคะ”  

 

 

สองมือของซูหว่านจับแขนเสื้อเซี่ยวจินเอาไว้แน่น “วันนี้ … วันนี้คุณอยู่กับฉัน คุณอยู่เป็นเพื่อนฉันได้ไหมคะ?” 

 

 

“อื้ม ผมจะอยู่ ผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณ ผมจะคอยดูแลคุณให้เอง คุณจะต้องปลอดภัย”  

 

 

เซี่ยวจินปลอบประโลมซูหว่าน สองมือใหญ่ลูบคลำเส้นผมยาวของเธอเบา ๆ แต่เวลานี้ดวงตาดุจเหยี่ยวทั้งสองข้างนั่นกลับฉายสีสันซับซ้อนแปลก ๆ ออกมา… 

 

 

ซูหว่านดึงผ้าม่านตลอดทั้งวันด้วยความกระวนกระวายใจ เซี่ยวจินที่เห็นเธอเอาแต่ผุดลุกผุดนั่ง ก็พยายามหาเรื่องขำขันมาเล่าให้เธอฟังมากมาย เพื่อไม่ให้เธอไปคิดถึงเรื่องอื่น  

 

 

“เรามาฟังเพลงของคุณกันดีกว่า ผมชอบเพลงความฝันฤดูร้อนของคุณที่สุดเลย” 

 

 

ระหว่างที่พูดเซี่ยวจินก็หาแผ่นเพลงจนเจอ จากนั้นก็เอาไปใส่ในเครื่องเล่นดีวีดี บทเพลงความฝันฤดูร้อนเป็นบทเพลงที่มีเนื้อร้องเกี่ยวกับความรักที่ไม่สมหวัง พระนางในมิวสิควิดีโอเป็นคู่รักวัยหนุ่มสาวคู่หนึ่ง พวกเขาเคยเป็นคู่รักที่รักกันมาก แต่ท้ายที่สุดก็ถูกความเป็นจริงบังคับให้ต้องเลิกรากัน ในฉากสุดท้ายของ MV มีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังยิ้มอยู่ใต้ต้นเมเปิล ท่ามกลางดอกไม้ที่ร่วงพราวไปทั่วฟ้า แล้วร่างนั้นก็ถูกสายลมฤดูร้อนค่อย ๆ พัดพาไปและหายไปในที่สุด 

 

 

ตกลงกันแล้วว่าจะมีกันตลอดไป แต่กลับมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังเฝ้ารอ  

 

 

ตกลงกันแล้วว่าจะอยู่ด้วยกัน แต่กลับเกิดขึ้นได้เพียง…ในความฝันกลางฤดูร้อน 

 

 

ค่ำคืนมาเยือนอย่างเงียบงัน  

 

 

คลอด้วยเสียงเพลงอันไพเราะจับใจ ซูหว่านผล็อยหลับไปบนเตียง เซี่ยวจินเฝ้าดูเธอจนหลับสนิทดีจึงค่อยออกจากห้องนอนของซูหว่านอย่างเงียบ ๆ  

 

 

ภายในห้องรับแขก แสงสลัว ๆ จากโคมไฟตั้งพื้นพาให้ห้องรับแขกแฝงไปด้วยความลึกลับและอันตราย บทเพลงความฝันฤดูร้อนยังคงฉายซ้ำไปมาบนจอแอลซีดี  

 

 

เซี่ยวจินหรี่ตา ฮัมเพลงเบา ๆ คลอไปกับบทเพลงบนจอทีวี 

 

 

เสียงนาฬิกาดังขึ้นในเวลาเที่ยงคืน ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับบทเพลงเล่นมาจนถึงตอนท้าย เซี่ยวจินได้ยินเสียงเปิดประตูเบา ๆ  

 

 

“ในที่สุดคุณก็มา”  

 

 

เซี่ยวจินลืมตาขึ้น สายตาดุจเหยี่ยวคู่นั้นฉายแววเย็นชาขึ้นในทันที “รู้ว่าผมอยู่ที่นี่คุณก็ยังกล้าปรากฎตัว คุณนี่ช่างกล้าหาญเสียจริงนะ”  

 

 

“ที่คุณอยู่ที่นี่ ก็เป็นเพราะคุณกำลังรอฉันอยู่ไม่ใช่หรอคะ?” 

 

 

เสียงหญิงสาวแหบแห้ง บ่งบอกถึงความไม่แยแสผ่านทางน้ำเสียง “ฉันแค่มาเจอคุณตามที่นัดกันไว้” 

 

 

“มาตามนัด?” 

 

 

เซี่ยวจินลุกขึ้นยืนและค่อย ๆ หันกลับไปมองหญิงสาวในชุดนอนที่มีใบหน้าซีดเซียวตรงหน้าเขา “ผมควรเรียกคุณอย่างไรดี ซย่าอวี่ซาน? ไม่ใช่สิ ผมว่าผมควรเรียกคุณว่า ซย่าเทียน!” 

 

 

“ซย่าเทียนงั้นหรอ?” 

 

 

ซย่าอวี่ซานที่อยู่ตรงหน้าราวกับกำลังจมดิ่งอยู่ในความทรงจำบางอย่าง “นั่นเป็นชื่อในอดีตของฉัน มันผ่านไปนานมากแล้วนี่”  

 

 

“ถูกต้อง แม้กระทั่งหลังจากที่คุณเข้าวงการแล้ว คุณก็ยังปิดบังชื่อในอดีต ตัวตนในอดีตของตัวเองอยู่ดี คุณกำลัง…หลบหนีสิ่งใดอยู่ ไม่สิ คงจะเป็นเพราะคุณไม่อยากให้ใครรู้จักตัวตนที่แท้จริงของคุณต่างหาก” 

 

 

ทั้งน้ำเสียงและแววตาของเซี่ยวจินนั้นเย็นชา เมื่อได้ฟังสิ่งที่เขาพูด แววตาของซย่าอวี่ซานก็มีแสงฉายวาบอยู่ในนั้น “นักสืบเซี่ยว ดูเหมือนคุณจะรู้มาไม่น้อยเลยนะ ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ฉันจะให้โอกาสคุณ ลองพูดเหตุผลของคุณให้ฟังหน่อย จะเป็นไง?”  

 

 

ซย่าอวี่ซานพูดพลางนั่งลงบนโซฟาด้วยรอยยิ้ม และเปิดเพลงความฝันฤดูร้อนนั่นอีกครั้ง  

 

 

เมื่อเห็นท่าทีไม่ทุกข์ร้อนของเธอแบบนี้ เซี่ยวจินก็ยิ้มจาง ๆ ออกมา “เดิมทีคุณมีชื่อว่าซย่าเทียน ตอนคุณอายุ 16 ปี คุณได้เดินทางออกนอกประเทศเพื่อรักษาอาการป่วยทางจิต และขณะที่อยู่ต่างแดนคุณได้เปลี่ยนตัวตนของคุณ หลังกลับประเทศมาคุณก็เข้าสู่วงการบันเทิงในนามซย่าอวี่ซาน และมีชื่อเสียงโด่งดังจากบทเพลงความฝันฤดูร้อน” 

 

 

พูดมาถึงตรงนี้ เซี่ยวจินก็กวาดตามองไปทั่วร่างของซย่าอวี่ซาน “คุณปิดบังเรื่องราวในอดีตเหล่านี้ได้ดีทีเดียว ถ้าไม่ใช่เพราะผมกำลังสืบหาเครือข่ายความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลที่เชื่อมโยงกับสวีจื่อหมิงทั้งหมดและถ้าไม่เป็นเพราะผมบังเอิญเห็นรูปภาพสมัยเรียนมัธยมของเขาเข้าแล้วล่ะก็ มันก็คงยากที่จะหาจุดเชื่อมโยงระหว่างคุณในตอนนี้กับซย่าเทียนคนนี้ แต่หลักฐานมากมายจนนับไม่ถ้วนชี้ชัดว่าคุณคือซย่าเทียน คุณรู้จักกับสวีจื่อหมิงตั้งแต่เมื่อ 14 ปีก่อน และเขาก็เป็นรักแรกของคุณ”  

 

 

รักแรก ทั้งน่าเศร้าใจ และยากที่จะลืมได้  

 

 

บทเพลงความฝันฤดูร้อนนั่นก็ถูกเขียนขึ้นมาเพื่อรำลึกถึงตัวคุณเองในสมัยที่ยังเป็นซย่าเทียน และอีกคนหนึ่งที่อยู่ในบทเพลงก็คือสวีจื่อหมิง 

 

 

“สวีจื่อหมิงเป็นคุณชายใหญ่ของไป่ชวน สมัยมัธยมต้น ด้วยความหล่อเหลาและสง่างามของเขา เขาจึงเป็นเหมือนคู่รักในฝันของผู้หญิงหลาย ๆ คน แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าภายใต้รูปลักษณ์อ่อนโยนและสุภาพของเขา แท้จริงแล้วกลับเป็นคนเสเพล ด้วยความที่เขาเก็บซ่อนตัวเองไว้ได้อย่างดี จึงมีคนมากมายที่ถูกรูปลักษณ์ภายนอกของเขาหลอก แต่ในความเป็นจริง นอกจากเขาจะเป็นคนเจ้าชู้หลายใจแล้ว สวีจื่อหมิงยังมีนิสัยแปลกประหลาดที่ไม่มีคนรู้อีกอย่าง คือเขาเป็นคนหลงไหลในน้ำเสียง” 

 

 

กับเสียงที่ไพเราะและมีชีวิตชีวานั้น แต่ไรมาสวีจื่อหมิงก็ไม่เคยต้านทานได้เลย  

 

 

“ในเวลานั้นคุณยังเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดา ๆ แต่สวีจื่อหมิงกลับไล่ตามคุณไม่เลิก นั่นเป็นเพราะเขาหลงไหลในน้ำเสียงของคุณ” เมื่อพูดมาถึถงตรงนี้ เซี่ยวจินก็ถอนหายใจออกมา  

 

 

ตัวเขาก็เพิ่งมารู้เรื่องนี้หลังจากที่ได้ตรวจสอบประวัติด้านความรักของสวีจื่อหมิง รวมถึงหลินลู่ลู่และถงซินเหยาด้วย พวกเธอทั้งสองต่างก็ไม่ได้เป็นดาราหญิงที่สะสวยอะไรมาก การแสดงก็ธรรมดา แต่ทั้งสองคนกลับมีกล่องเสียงที่ดีมาแต่กำเนิด จึงมีน้ำเสียงที่ไพเราะจับใจคนฟัง 

 

 

“สวีจื่อหมิงรักและหลงคุณอยู่เพียงช่วงหนึ่ง แต่คุณกลับมอบทุกสิ่งให้กับเขา ทั้งร่างกายและจิตใจของคุณ เมื่อเขาหมดรักและไปจากคุณ คุณก็รับไม่ได้กับความเป็นจริงที่โหดร้าย นั่นเป็นเหตุผลที่คุณป่วย” พูดมาถึงตรงนี้ สายตาของเซี่ยวจินก็ดูซับซ้อนขึ้นมา 

 

 

นับแต่โบราณมา ผู้หญิงโง่ก็มักจะได้เจอกับผู้ชายที่ไร้หัวจิตหัวใจ 

 

 

เมื่อสวีจื่อหมิงได้สมดั่งใจแล้วก็จากไปเพื่อออกล่าเหยื่อรายต่อไป แต่ซย่าเทียนนั้นได้ถูกเขาทำลายไปชั่วชีวิตแล้ว 

 

 

เซี่ยวจินอาศัยเส้นสายของตัวเองเพื่อดูประวัติการป่วยของซย่าเทียนในตอนที่อยู่ต่างประเทศ เธอแยกบุคลิกของตัวเองออกมาอีกหนึ่งคนเพื่อรักษาบาดแผลทางจิตใจของตัวเอง และคนผู้นั้นก็คือซย่าอวี่ซาน 

 

 

ใช่แล้ว ซย่าอวี่ซานเป็นเพียงบุคลิกรองของซย่าเทียนเท่านั้น ผู้หญิงตรงหน้าเขาต่างหากที่เป็นซย่าเทียนตัวจริง