ส่วนที่ 11 ลอยนวล ตอนที่ 9 ลอยนวล (9)

ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก

โชคชะตาย่อมไม่อาจบอกกล่าวได้อย่างชัดเจน ก็เพราะมันเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่อาจควบคุมได้ ดังนั้นมันถึงได้ถูกเรียกว่า โชคชะตา

 

 

ซย่าเทียนถูกทำร้ายความรู้สึกเมื่อครั้งเธอยังเป็นเด็กสาว เธอจึงปิดผนึกหัวใจตัวเอง และเกิดซย่าอวี่ซานซึ่งเป็นบุคลิกที่สองขึ้นมา ซย่าอวี่ซานผู้บริสุทธิ์ไร้เดียงสา อีกทั้งยังมีน้ำเสียงจากสวรรค์ เธอชอบดนตรี เธอจึงใช้บทเพลงความฝันฤดูร้อนเอาชนะใจผู้คนจนราบคาบ

 

 

และการปรากฏตัวของเธอก็เอาชนะใจสวีจื่อหมิงได้อีกครั้ง

 

 

เวลาที่ผ่านไปกว่าสิบปี ได้เปลี่ยนเด็กสาวที่ไม่มีความมั่นใจและชอบปิดกั้นตัวเองผู้นั้นให้กลายมาเป็นหญิงสาวผู้ร่าเริงและบริสุทธิ์ผุดผ่อง สวีจื่อหมิงดูไม่ออกว่าซย่าอวี่ซานก็คือซย่าเทียนนั่นเอง                                  

 

 

และแล้วซย่าอวี่ซานผู้ปิดผนึกความทรงจำของซย่าเทียนเอาไว้ก็หลงรักสวีจื่อหมิงขึ้นมาอีกครั้ง

 

 

“คุณเป็นคนฆ่าสวีจื่อหมิงสินะ”

 

 

เซี่ยวจินอนุมานด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ “ในวันที่สวีจื่อหมิงขอคุณแต่งงาน เขาใช้บทเพลงนั้น เขาถึงขนาดใช้เนื้อเพลงจากบทเพลงนั่น เนื้อเพลงที่ช่วยฟื้นความทรงจำของคุณขึ้นมา ไม่ใช่สิ พูดให้ถูกก็คือความทรงจำของเจ้าของบุคลิกของคุณได้ฟื้นขึ้นมาในช่วงเวลานั้นนั่นเอง”

 

 

“คุณทั้งรักทั้งแค้นสวีจื่อหมิง คุณไม่อาจเชื่อใจเขาได้อีก คุณมีความคิดที่เชื่อว่าเขาไม่เพียงแต่จะทำลายตัวคุณ ยังทำลายซย่าอวี่ซานอีกด้วย คุณไม่อยากให้ซย่าอวี่ซานต้องผิดพลาดซ้ำรอยเดิมของคุณอีก คุณต้องการให้ซย่าอวี่ซานรักษาหัวใจอันสะอาดและบริสุทธิ์เอาไว้ให้ได้ตลอด เพื่อช่วยให้คุณได้มองเห็นสิ่งที่สวยงามที่สุดของโลกใบนี้ ตัวคุณจึงแบกรับการทรยศและหลอกลวงเอาไว้เอง ดังนั้นคุณจึงคิดแผนอุบัติเหตุทางรถยนต์ขึ้นมาอย่างรอบคอบ”

 

 

“แล้วคุณมีหลักฐานอะไรมาพิสูจน์ว่าฉันลอบฆ่าสวีจื่อหมิงล่ะ?”

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยวจิน ซย่าอวี่ซานก็ทำทีเป็นไม่ใส่ใจและไม่มีอาการตื่นตระหนกแม้แต่น้อย

 

 

“ผมไม่มีหลักฐาน”

 

 

เซี่ยวจินกางมือออก “หลายปีที่ผ่านมา ผมได้พบกับผู้ต้องสงสัยที่เฉลียวฉลาดมาไม่น้อย พวกเขาพยายามหาทางหลบหลีกการลงโทษทางกฎหมาย แต่น่าเสียดายที่สวรรค์มีตา ไม่มีใครสามารถหนีโทษแล้วลอยนวลไปได้ แต่ผมต้องยอมรับว่าคดีของสวีจื่อหมิงในครั้งนี้มันยากสำหรับผมจริง ๆ”

 

 

เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ สายตาดั่งคบเพลิงของเซี่ยวจินก็จับจ้องไปที่ใบหน้าของซย่าอวี่ซาน “คุณซย่า คุณรู้ไหมว่าคดีที่ยากที่สุดในโลกนี้หน้าตาเป็นอย่างไร ไม่ว่าฆาตกรจะฉลาดและมีเล่ห์เหลี่ยมมากไหน เขาย่อมทิ้งพิรุธ ทิ้งเบาะแสเอาไว้เสมอ ซึ่งคนพวกนี้ผมย่อมมีวิธีการจับเขามาลงโทษทางกฎหมายได้ แต่สิ่งที่ทำให้ผมลำบากใจที่สุดก็คือ กลับเป็นผู้เคราะห์ร้ายในคดีฆาตกรรมที่พยายามกลบหลักฐานที่บอกว่าเธอฆ่าคนเอาไว้อย่างเต็มที่ เช่นนั้นผมควรจะทำอย่างไรดีล่ะครับ”

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยวจิน สีหน้าของซย่าอวี่ซานก็เปลี่ยนไปในที่สุด ในเวลานี้สีหน้าเธอดูแย่มาก “เป็นฉัน ฉันเป็นคนลงมือเองค่ะ”

 

 

ดวงตาทั้งสองของเธอเลื่อนลอยราวกับกำลังมองไปยังอดีตอันไกลโพ้น “ฉันเป็นคนฆ่าจื่อหมิงเองค่ะ ฉัน…ฉันคิดว่าเขาจะหลอกฉันอีก ฉันไม่อาจโดนเขาหลอกได้อีกแล้ว วันนั้น…ในตอนแรกฉันก็อยู่ในรถกับเขา ฉันเป็นคนมอมเหล้าเขา และปลอมแปลงอุบัติเหตุทางรถยนต์ในที่เกิดเหตุด้วยตัวเอง อันที่จริงแล้วในช่วงเวลาสุดท้ายนั้นเขาได้ฟื้นขึ้นมา เขาฟื้นขึ้นมาแต่กลับไม่ยับยั้งสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้น…เขายังจงใจเหยียบคันเร่งอีกด้วย”

 

 

ซย่าเทียน ผมรักคุณ

 

 

เมื่อมีคุณอยู่ ฤดูร้อนในชีวิตของผมถึงเบ่งบานขึ้นมาได้      

 

 

นั่นคือ…

 

 

คำพูดสุดท้ายก่อนตายที่สวีจื่อหมิงทิ้งเอาไว้ให้เธอ

 

 

ใครบ้างไม่เคยบ้าระห่ำแบบวัยรุ่นมาก่อน? ตลอดหลายปีที่ผ่านมาสวีจื่อหมิงระเหเร่ร่อนท่ามกลางผู้คนมากมายเพื่อตามหาน้ำเสียงนั่น หรือเพื่อเด็กสาวผู้มีรอยยิ้มเหนียมอายที่อยู่ใต้ต้นเมเปิลจากในความทรงจำของเขากันนะ?

 

 

จริง ๆ แล้ว…

 

 

จากบทเพลงความฝันฤดูร้อน สวีจื่อหมิงก็รู้อยู่แล้วว่าซย่าอวี่ซานคือคนที่ตัวเองตามหามาตลอดหลายปีที่ผ่านมา

 

 

ซย่าเทียน ผมขอโทษคุณ ให้โอกาสผมได้รักคุณอีกครั้ง จะได้ไหมครับ

 

 

เมื่อชีวิตดับสูญ ทะเลเดดซีแห่งความรักกลับมีดอกไม้สีแดงผลิบานออกมา นี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่าชะตากรรม

 

 

“สวีจื่อหมิงตายแล้ว ในขณะที่ฉันยังมีชีวิตอยู่ ฉันทุกข์ทรมานมาก ฉันเจ็บปวดเหลือเกิน คุณรู้ไหม”

 

 

จู่ ๆ ซย่าอวี่ซานก็ลุกขึ้นยืน และมองมายังเซี่ยวจินที่อยู่ตรงหน้าด้วยน้ำตานองตา “ฉันเป็นผู้ร้ายฆ่าคนตาย คุณจับฉันไปสิ คุณจับกุมฉันไปสิคะ”

 

 

“ผมเป็นแค่นักสืบ ผมไม่ได้มีอำนาจในการจับกุมคุณ อีกอย่าง…หากจะพูดกันจริง ๆ สุดท้ายแล้วสวีจื่อหมิงก็เป็นคนเหยียบคันเร่งด้วยตัวของเขาเอง เขาฆ่าตัวตาย เขาไม่ได้ถูกคุณฆ่าตาย และที่เขาเลือกฆ่าตัวตายก็เพราะไม่ต้องการเป็นภาระให้กับคุณ เขาต้องการให้คุณมีชีวิตที่ดี ๆ ต่อไป”

 

 

เซี่ยวจินก้าวไปข้างหน้าและกดไหล่ซย่าอวี่ซานเอาไว้ “ผมรู้ว่าคุณต้องเผชิญกับความเสียใจเป็นอย่างมาก เพราะอย่างนั้นคุณจึงคิดอยากตาย รอยแผลบนศีรษะของคุณนั่น อุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อครั้งก่อนก็เป็นคุณเองที่จงใจทำให้เกิด แต่…คุณก็ยังไม่ตาย คุณก็เลยคิดที่จะวางยาตัวเองให้ตาย และเหตุผลที่คุณเลือกใช้เจ้ายาแทลเลียม ก็เป็นเพราะคุณเจ็บปวดใจ คุณเสียใจกับทุกสิ่งที่ตัวเองทำลงไป”

 

 

“ซย่าเทียน ในตอนนี้คุณมีชื่อว่าซย่าอวี่ซาน ซย่าเทียนมีตัวตนอยู่เพียงในอดีต ในความฝันเท่านั้น คุณต้องจำเอาไว้ว่าคุณคือซย่าอวี่ซาน คุณควรเป็นคนใหม่ มีชีวิตใหม่ได้แล้ว”

 

 

เซี่ยวจินติดตามคดีนี้มานานกว่าครึ่งปี อันที่จริงหลังจากที่แน่ใจแล้วว่าผู้ต้องสงสัยคือซย่าอวี่ซาน เซี่ยวจินก็ฟังบทเพลงความฝันฤดูร้อนซ้ำไปซ้ำมา เขาพร่ำถามตัวเองอยู่หลายครั้งว่า ถ้าหากเขาพบความจริง ถ้าหากซย่าอวี่ซานยอมรับผิดในสิ่งที่ตัวเองก่อ แล้วเขาควรจะทำอย่างไร?

 

 

หลักการทางกฎหมายไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าความรู้สึกของมนุษย์ ถ้าหากจะต้องใช้หนึ่งชีวิตมาชดเชยอีกหนึ่งชีวิตแล้วล่ะก็ สวีจื่อหมิงก็ได้ใช้ชีวิตของตัวเองมาแลกกับชีวิตของซย่าอวี่ซานไปเรียบร้อยแล้ว

 

 

ชีวิตใหม่?

 

 

ซย่าอวี่ซานมองเซี่ยวจินที่อยู่ตรงหน้าด้วยความว่างเปล่า “ดังนั้นฉันไม่ควรอยู่ต่อไปสินะคะ? โลกใบนี้ไม่มีซย่าเทียนมาตั้งนานแล้วสินะ จริงด้วย ซย่าเทียนควรจากไปพร้อม ๆ กับจื่อหมิง ไม่เช่นนั้นตอนเดินอยู่บนถนนยมโลกจื่อหมิงจะต้องรู้สึกเหงามากแน่ ๆ เขาจะต้องเหงามาก ๆ เลย ฉันต้องไปอยู่เป็นเพื่อนเขา ฉันต้องไปอยู่กับเขา…”

 

 

ขณะพูดอยู่นั้น จู่ ๆ ซย่าอวี่ซานก็หมดสติไปในอ้อมแขนของเซี่ยวจิน

 

 

เมื่อมองไปยังคนที่กำลังหมดสติอยู่ในอ้อมแขนของตน เซี่ยวจินก็อดไม่ได้ที่จะลูบผมซย่าอวี่ซานเบา ๆ “นอนเสีย เมื่อคุณตื่นขึ้นมาทุกสิ่งก็จะดีขึ้นมา ผมเคยบอกคุณแล้ว…มีผมอยู่ ไม่เป็นไรแน่”                                     

 

 

เซี่ยวจินเอาแต่นั่งอยู่หน้าเตียงของซย่าอวี่ซาน โดยมีเธอหลับอย่างเป็นสุขและไม่ตื่นขึ้นมาเลยตลอดคืน 

 

 

ทุกสิ่งทุกอย่างได้ผ่านพ้นไปแล้ว

 

 

บุคลิกของซย่าเทียนจะไม่ปรากฏขึ้นมาอีก…

 

 

เมื่อซูหว่านลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งในตอนเช้าตรู่ ก็ได้สบเข้ากับดวงตาแดงก่ำของเซี่ยวจินเป็นสิ่งแรก

 

 

“ตื่นแล้วหรอครับ”

 

 

เสียงชายหนุ่มทั้งทุ้มต่ำและแหบ

 

 

“อื้ม”

 

 

ซูหว่านลุกขึ้นจากเตียง เอามือลูบ ๆ บาดแผลบนหน้าผากตัวเองที่ยังมีผ้าก๊อซปิดอยู่ มีอาการปวดศีรษะเล็กน้อย แต่ดูท่าเมื่อคืนเธอคงจะหลับสนิทดีเลยสินะ แต่ทางเซี่ยวจินนี่สิ…

 

 

“นี่คุณคอยดูฉันตลอดทั้งคืนจริง ๆ หรอคะ”

 

 

ซูหว่านมองใบหน้าซีดเซียวของเซี่ยวจินด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง เซี่ยวจินจึงได้แต่ยักไหล่อย่างจนใจ “ก็มันเป็นหน้าที่ของผมนี่ อีกอย่าง มีผมอยู่คุณปลอดภัยแน่” 

 

 

“ขอบคุณค่ะ”

 

 

ซูหว่านกล่าวขอบคุณเซี่ยวจินด้วยใบหน้าที่จริงจัง “ถ้าอย่างนั้นคุณนอนอีกสักพักก็แล้วกันค่ะ ฉันจะไปห้องครัวทำอะไรทานเสียหน่อย” 

 

 

ซูหว่านพูดพลางลุกขึ้นยืน เมื่อเห็นเธอเดินจากไป เซี่ยวจินก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา…

 

 

เมื่อมีเซี่ยวจินคอยอยู่เป็นเพื่อน สองสามวันมานี้ซูหว่านจึงได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ไม่มีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นในบ้านอีก และภายหลังจากที่เธอเปลี่ยนเบอร์มือถือใหม่ ก็ไม่มีเบอร์แปลก ๆ นั่นโทรมาอีกเลย 

 

 

สองสามวันมานี้ซูหว่านพักฟื้นอยู่แต่ในบ้าน กลับเป็นฝานเคอที่พาหลิวอวี่ไปพบซูหว่านครั้งหนึ่ง ฝานเคอถือรูปใบหนึ่งไว้ในมือ เป็นรูปชายหนุ่มผู้มีใบหน้าหดหู่ ว่ากันว่าชายผู้นี้เป็นผู้ต้องสงสัยคณะฆาตกรรมของหลินลู่ลู่และถงซินเหยา

 

 

“ฉันเคยเจอเขาค่ะ”

 

 

เพียงแวบแรกที่เห็นชายในภาพ ดวงตาของซูหว่านก็เบิกกว้าง “วันนั้นฉันเห็นหลังเขาอยู่ตรงถนนค่ะ ในมือถือฉันมีภาพเขาอยู่ใบหนึ่ง แต่เป็นภาพถ่ายจากด้านหลังนะคะ แต่ถึงอย่างไรมือถือของฉันก็หายไปแล้วค่ะ อีกอย่าง..จริง ๆ แล้วฉันก็จำไม่ได้ว่าตัวเองรู้จักกับคนลักษณะนี้ค่ะ”

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่าน ฝานเคอก็ทำหน้างงงวย จากนั้นเซี่ยวจินก็กระซิบคำพูดบางคำที่ข้างหูฝานเคอ ก่อนที่ฝานเคอจะพยักหน้าอย่างลังเล

 

 

ฝานเคอพาคนออกไปแล้ว แต่ซูหว่านยังคงมีสีหน้ากลัดกลุ้มใจอยู่ “เซี่ยวจิน คุณว่าคนคนนั้นเป็นใครกันคะ ทำไมมือถือฉันถึงมีภาพด้านหลังของเขาได้ แต่ฉันไม่รู้จักเขาจริง ๆ นะ!”

 

 

ซย่าอวี่ซานไม่เคยเจอเขามาก่อน บางทีอาจจะเป็นซย่าเทียนที่เคยเจอกับคนผู้นั้น?

 

 

หากถ่ายติดแค่ด้านหลังเท่านั้น เป็นไปได้ไหมที่ซย่าเทียนจะถ่ายตอนกำลังเร่งรีบอยู่?

 

 

อาจจะเป็นไปได้ว่าฆาตกรนั่นเคยปรากฎตัวอยู่ข้างเธอ แต่เมื่อซย่าเทียนสัมผัสถึงอันตรายได้ เธอจึงถ่ายภาพด้านหลังของฆาตกรเอาไว้ได้โดยสัญชาตญาณ ซึ่งอีกบุคลิกหนึ่งอย่างซย่าอวี่ซานไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน

 

 

เมื่อแน่ใจว่าซย่าเทียนหลับสนิทดีแล้ว เซี่ยวจินก็รู้สึกว่าตัวเขาไม่จำเป็นต้องให้ซย่าอวี่ซานมาจมอยู่กับความรักความแค้นในอดีตอีกต่อไป

 

 

“อย่าคิดมากไปเลย ช่วงนี้ผมจะอยู่ปกป้องคุณเอง จนกว่าฆาตกรจะถูกจับและปิดคดีลง”

 

 

เซี่ยวจินมองซูหว่านด้วยสีหน้าและคำพูดอันชอบธรรม เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ซูหว่านก็ยิ้มอย่างสบายใจออกมา

 

 

ระยะเวลาปฏิบัติภารกิจจำกัดอยู่ที่ 30 วัน ตอนนี้ก็ผ่านไป 10 วันแล้ว

 

 

ยังเหลือเวลาอีก 20 วันสุดท้าย ซูหว่านย่อมอยากให้เซี่ยวจิน “ปกป้อง” เธอแน่นอนอยู่แล้ว…