ดังนั้น…อาจารย์ปู่ไม่มีปฏิกิริยาเพราะคิดว่าหลงฉางไม่ได้เรียกตัวเอง!
แต่ตอนที่เขาลงมือ ตัวตนของเขาก็ถูกเปิดเผยแล้ว ตอนนี้จะปิดบังไปทำอะไรกัน!
เปรี๊ยะ…
เหมือนจะได้ยินเสียงบางอย่างแตกมาจากหลงฉาง ดูท่าทางอีกฝ่ายกำลังจะร้องไห้
อวิ๋นเจี่ยวจึงทำได้เพียงเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา “แค่ก แค่ก คือ…อาจารย์อา ตอนนี้ปีศาจพ่ายแพ้ไปแล้ว เช่นนั้นเรามาหารือเรื่องสหายลั่วคายหยวนกันต่อเถอะ”
หลงฉางกวาดตามองเธอ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยสีหน้าเสียใจ “พวกเจ้าไม่ต้องเป็นกังวล เรื่องนี้เมื่อพวกเจ้าเห็นถึงปัญหา ข้าเองก็เช่นกัน เพียงแต่ได้ยินศิษย์น้องและเถิงสีพูดถึงพวกเจ้ามานานแล้ว ข้าเกรงว่าพวกเขาจะถูกหลอกลวง จึงมีใจคิดจะทดสอบพวกเจ้า แต่ข้าคงจะคิดมาไปเอง พวกเจ้าสมกับที่เป็นลูกศิษย์ที่ได้รับการถ่ายทอดจากอาจารย์ ข้ายอมรับพวกเจ้าทั้งสองเป็นศิษย์หลาน”
“…” ดังนั้นที่อีกฝ่ายทำท่าทางเป็นมิตรกับพวกเธอในตอนแรก เพียงเพราะไม่ถือว่าพวกเธอเป็นคนกันเองเหรอ
ไม่ พวกเธอชอบเป็นคนนอก แบบที่ไม่ต้องแบกรับคาถาพันจินทับบนหัว
“อย่างนั้นเรื่องของสหายลั่ว...” ชายแก่ถาม
“ฮึ! เหล่าคนน่ารำคาญในโลกสวรรค์ไม่เคยหยุดหย่อนเลยแม้แต่วินาทีเดียว” เขาขมวดคิ้ว “ข้าพอจะเดาได้ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเสวียนเหมิน เพียงแต่เรื่องรายละเอียดยังต้องสืบให้กระจ่าง”
“อาจารย์อาระวังประจิมสวรรค์เอาไว้บ้าง” อวิ๋นเจี่ยวพูดขึ้น
“ประจิมสวรรค์?” หลงฉางผงะ “ข้าได้ยินศิษย์น้องบอกว่าประจิมสวรรค์เป็นหนึ่งในสวรรค์ทั้งสี่ที่ไร้เสียงที่สุด เหล่าเทพที่อยู่ภายใต้สวรรค์นั้นมีจำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่พลังไม่สูงนัก เหตุใดเจ้าถึงพูดถึงประจิมสวรรค์”
“มังกรหินที่บุกรุกสำนักเทียนซือครั้งก่อนพูดถึง” อวิ๋นเจี่ยวอธิบาย “ลูกแก้วกำเนิดวิญญาณที่นำมาใช้เลี้ยงเส้นชีพจรเทพอาจเป็นฝีมือของประจิมสวรรค์ เรื่องนี้เจ้าเคยเตือนอาจารย์อาหยวนเช่นกัน”
“อย่างนี้นี่เอง” หลงฉางขมวดคิ้วมุ่น ทันใดนั้นเหมือนเขาจะนึกบางอย่างขึ้นได้ สีหน้าของเขาดำทะมึนขึ้น “เรื่องนี้ข้าจะสืบให้กระจ่าง เมื่อมีเบาะแส ข้าจะให้เถิงสีไปส่งข่าวให้เจ้า”
“ขอบคุณอาจารย์อาใหญ่” อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า
สีหน้าของหลงฉางฉายแววประหลาดใจ เขากวาดตามองนาง ก่อนจะถามขึ้น “ข้าคิดจะถามพวกเจ้านานแล้ว เหตุใดพวกเจ้าจึงเรียกข้าว่าอาจารย์อาใหญ่” ตามหลักแล้วเขาเป็นลูกศิษย์คนโตขอบอาจารย์ ถึงแม้จะเป็นลูกศิษย์ของศิษย์น้องสอง ก็ควรจะเรียกเขาว่าอาจารย์ลุงถึงจะถูก
หรือว่าก่อนหน้าเขา อาจารย์ยังมีลูกศิษย์คนอื่น?!
อวิ๋นเจี่ยวผงะ ไม่รู้จะตอบอย่างไรนิ่งไปชั่วขณะ เธอเพียงแค่เคยได้ยินอาจารย์อาเหวินชิงบ่นว่าอาจารย์อาใหญ่ของเจ้าอย่างนั้น อาจารย์อาใหญ่ของเจ้าอย่างนี้ เธอจึงเรียกตามความคุ้นชิ้น
ชายแก้ที่อยู่ด้านข้างดึงหลงฉางเบาๆ ก่อนจะพูดเสียงต่ำ “อาจารย์อาหลง ถึงแม้เจ้าหนูจะเข้าสำนักหลังข้า แต่ต่างไม่มีอาจารย์ วิชาของนางล้วนได้รับการถ่ายทอดจากอาจารย์ปู่ ความจริงแล้วนางถือเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ปู่ หากนางเรียกท่านว่าอาจารย์ลุง…” ท่านคงได้ถูกอาจารย์ปู่ทุบด้วยขนม!
หลงฉางสีหน้าดำลง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองอาจารย์ตรงหน้าที่พยายามปิดบังตัวตน แสร้างว่าตนเองเป็นเป็นจี้เฉินอยู่ เอาเถอะ อาจารย์อาใหญ่ก็อาจารย์อาใหญ่! สิ่งที่อาจารย์พูดถูกเสมอ
เขาหันไปมองคนทั้งสองอีกครั้ง อาจารย์ไม่รับลูกศิษย์มานานมากแล้ว ไม่คิดว่าผ่านไปหมื่นปี ท่านจะกลับมาถ่ายทอดวิชาด้วยตนเอง ทันใดนั้นเขายิ่งมองคนทั้งสองยิ่งพอใจ อีกทั้งเผยรอยยิ้มออกมา
ชายแก่ที่นั่งอยู่ด้านข้างตัวสั่นเทาขึ้นมา ทันใดนั้นมีลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่างผุดขึ้นมา
“ศิษย์หลานทั้งสองได้รับการถ่ายทอดจากอาจารย์ คงจะมีพรสวรรค์อย่างแน่นอน” เขากวาดตามองคนทั้งสองขึ้นลง ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “แต่ข้าว่าพลังของพวกเจ้ายังไม่มาก คงจะเป็นการสิ้นเปลืองการสั่งสอนของอาจารย์โลกมนุษย์มีพลังลมปราณน้อย ในฐานะอาจารย์อา ข้ามีความหน้าที่ดูแลการฝึกฝนของพวกเจ้า หรือไม่พวกเจ้าฝึกฝนที่นี่เถอะ?” มีสองคนพอดี
“อาจารย์อา ที่นี่คือยมโลก!” ชายแก่ตกใจ ก่อนจะพูดเตือน โลกมนุษย์ถึงจะมีพลังลมปราณน้อย แต่ยมโลกไม่มีแม้แต่พลังลมปราณ
“ยมโลกจะเป็นอะไรไป ข้ามีวิธีพัฒนาพลังของพวกเจ้า “เขาทำสีหน้ามั่นใจ
ชายแก่รู้สึกว่าคาถาพันจินบนหัวหนักมากยิ่งขึ้น เขาพยายามหาข้ออ้าง
“ไม่ใช่อาจารย์อา พวกข้ายังมี…”
“พวกเจ้าไม่ต้องเกรงใจ” หลงฉางพูดขัดเขา ก่อนจะพูด “เจ้าฝึกฝนคาถาเสวียนซินใช่ไหม! ตอนนี้เจ้าฝึกถึงขั้นที่เท่าไหร่แล้ว”
“ขั้น…ขั้นหก” ชายแก่ตอบ
“อย่างนั้นกำหนดเป้าหมายเล็กก่อน ฝึกถึงขั้นสิบค่อยว่ากัน!” หลงฉางเคาะโต๊ะ
“…” ขั้นสิบ! อย่างนั้นก็บรรลุแล้วไม่ใช่หรือ ท่านกำลังล้อเล่น?!
w(゚Д゚)w
“ศิษย์หลานอวิ๋น พลังลมปราณบนตัวเจ้าซับซ้อนมาก” หลงฉางหันไปมองอวิ๋นเจี่ยว ก่อนจะพูดด้วยคิ้วขมวด “อาจารย์อามองไม่ออกว่าเจ้าฝึกฝนอะไร”
อวิ๋นเจี่ยวผงะ แต่ก็ยังคงตอบตามความเป็นจริง “ล้วน…เคยฝึกฝนมาบ้าง”
“เจ้าก็ฝึกฝนคาถาเสวียนซิน?”
อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า
หลงฉางมองนางอีกครั้ง ก่อนจะพบว่าพลังลมปราณบนตัวเธออ่อนแอจนแทบจะสัมผัสไม่เจอ เขาเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง “เจ้าฝึกถึงขั้นไหน บอกอาจารย์อา”
“คาถาเสวียนซิน…” อวิ๋นเจี่ยวครุ่นคิด ก่อนจะตอบ “น่าจะ…ขั้นสิบสอง!”
“…”
“ขั้นสิบสาม!” คนที่นั่งแทะขนมอยู่ด้านข้างพูดขึ้น
“…” หลงฉางเบิกตาโพลง ก่อนจะพูดขึ้น “คาถาเสวียนซินมีแค่สิบสองขั้นไม่ใช่หรือ”
“อ่อ” อวิ๋นเจี่ยวยังคงอธิบายด้วยสีหน้าเคร่งขรึมของตนข้าฝึกเสร็จแล้วรู้สึกน่าสนใจดี จึงเพิ่มอีกขั้นหลังจากนั้น”
หลงฉาง: ”…”
“อีกอย่างอาจารย์อาใหญ่มองไม่ผิด ข้าฝึกหลายอย่างจริงๆ” อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า พร้อมพูดเห็นด้วย “นอกจากงคาถาเสวียนซินแล้ว ข้าคาถาหยินหยางห้าธาตุขั้นสิบ คาถาฟ้าดินขั้นสอบสี่ คำสาปสายฟ้าเปลวเพลิงขั้นสิบ คาถาเทียนเสวียนขั้นเจ็ด นอกจากนี้ยังมี…”
เธอพูดชื่อของคาถาเจ็ดแปดอย่าง พลางนับพลางนึกย้อนไปถึงจำนวนขั้น แต่ละอย่างล้วนฝึกฝนไปถึงขั้นสูงสุด อีกทั้งเยี่ยยวนที่อยู่ด้านข้างยังพูดแก้ขั้นให้ในบางที
“ประมาณนี้ นอกนั้งข้ายังเคยฝึกคาถาอื่นๆ เล็กน้อย ข่ายพลัง หมอรักษาพลังลมปราณอะไรทำนองนี้” อวิ๋นเจี่ยวพูดจบก็เงยหน้าขึ้นมองหลงฉาง ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “อาจารย์อาใหญ่ว่าข้าควรตั้งเป้าหมายอย่างไร”
หลงฉาง: ”…”
ชายแก่: ”…”
สักพัก…
“ศิษย์หลาน ข้าถามคำถามเดียว”
“อาจารย์อาเชิญถาม”
“ทำไม…เจ้ายังเป็นคน”
อวิ๋นเจี่ยว: ”…”
จู่ๆ ทำไมต้องด่าคนด้วย
-_-|||