กลุ่มการบ้านเสวียนเหมิน
“ตะลึง! เจ้าสำนักสวีแอบพบอาจารย์แซ่อวิ๋นท่านหนึ่งยามดึก! ทางการยืนยัน เรื่องดีใกล้มาถึง!”
“สหายชั้นบนมียันต์เก็บหลักฐานหรือไม่ ไม่มีหลักฐานข้ายืนกรานไม่เชื่อ มีเพียงคู่เจียวอวิ๋นเท่านั้นถึงจะเป็นเสวียนเหมินที่แท้จริง”
“สหาย ศิษย์พี่ที่เฝ้าข่ายพลังเป็นผู้บันทึกภาพด้วยตนเองสนใจหรือไม่ ยันต์ห้าใบการบ้านหนึ่งหน้า ชำระเมื่อของส่งถึง”
“สหายขอคุยส่วนตัว!”
“ส่วนตัวบวกหนึ่ง”
“เช่นเดียวกัน การบ้านยันต์ส่งไปแล้ว”
“ข้าด้วย…”
“ข้าไม่ฟังๆ! พวกเจ้าหลอกข้า ข้าคิดว่าผู้อาวุโสเจียวเป็นตัวจริงมาโดยตลอด คนอื่นล้วนเป็นแค่ชั่วคราว! พวกท่านไม่เห็นตอนที่มังกรหินบุกโจมตีครั้งที่แล้ว อาจารย์แซ่อวิ๋นพาแค่ผู้อาวุโสเจียวของพวกเราไว้ข้างกายหรือ”
“ใช่! ผู้อาวุโสเจียวฝึกฝนข่ายพลังเป็นหลัก ส่วนแล้วอาจารย์แซ่อวิ๋นชำนาญด้านข่ายพลัง ทั้งสองเหมาะสมกันมากกว่า”
“คู่เจียวอวิ๋นด้านบนตั้งสติหน่อย! หลายปีมานี้พวกเจ้ายังไม่เห็นอีกหรือ มีเพียงคู่สวีอวิ๋นเท่านั้นที่ถูกต้อง อาจารย์มีครั้งไหนบ้างที่ไม่หาเจ้าสำนักแซ่สวีก่อนเป็นคนแรก พวกเจ้าอย่าหลอกตัวเอง!”
“ใช่…มีเพียงเจ้าสำนักแซ่สวีเท่านั้นถึงจะเรียกได้ว่าชายผู้อยู่เบื้องหลัง คนอื่นคู่ควรที่ไหนกัน พวกเจ้าเคยเห็นเจ้าสำนักแซ่สวีคัดค้านการตัดสินใจของอาจารย์? ได้ยินว่าตอนเปิดห้องหนึ่ง เจ้าสำนักแซ่สวีเป็นคนแรกที่เห็นด้วยกับนาง นี่คือจุดเริ่มต้นของวาสนา!”
“พูดถึงเรื่องห้องเรียน สหายทิ่อยู่คู่สวีอวิ๋นถึงจะต้องตั้งสติ! มีใครบ้างที่ไม่รู้ ตอนนั้นเจ้าสำนักกว่าสามพันคน อาจารย์ของพวกเราชื่นชมผู้อาวุโสแซ่เจียวคนเดียว อีกทั้งยังเลือกให้ท่านเป็นหัวหน้าห้อง นี่เรียกว่าอะไร นี่เรียกว่าตามหาชายผู้เป็นที่รักพันหมื่น…”
“ห้องเรียนสามารถบอกอะไรได้ พวกคู่เจียวอวิ๋นอย่าถูกภาพลวงตาหลอกเข้า! อาจารย์แซ่อวิ๋นใช่ว่าจะเคยเลือกหัวหน้าห้องเพียงคนเดียว ตอนที่โรงเรียนเสวียนเหมินเปิด นางเคยเลือกหัวหน้าห้องข่ายพลังถึงสามคนหรือจะต้องลากออกมาจับคู่ด้วย”
“ใช่…เจ้าสำนักแซ่สวีเป็นเพียงหนึ่งเดียว มีคนที่สองล้วนไม่นับ ทั้งเสวียนเหมินนอกจากเขา ยังมีใครอยู่กับอาจารย์มากที่สุด ‘อาจารย์แม่’ คนอื่นข้าไม่ยอมรับ!”
“ทุกคนลืมอาจารย์แซ่ไป๋แล้วหรือ! หากจะพูดถึงอยู่ด้วยกันนานที่สุด คงจะไม่ใช่ชายแซ่สวีแล้ว สวีอวิ๋น เจียวอวิ๋นคืออะไร ไป๋อวิ๋นถึงจะถูก แม้แต่ชื่อเรียกยังเรียกง่ายกว่าของพวกเจ้า!”
“เห้ย! สหายด้านบน ท่านทำข้าตกใจ! ไป๋อวิ๋นอย่างไรก็ไม่เหมาะสมกันหรือไม่ พวกเขาออกมาจากสำนักเดียวกันไม่ใช่หรือ หากคู่กันได้คงคู่กันไปนานแล้ว! ไม่ต้องรอถึงตอนนี้!”
“จะว่าไป ข้าไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างไป๋อวิ๋นอย่างชัดเจนเสียที รู้เพียงว่าสำนักเดียวกัน แต่ทั้งสองไม่เคยแทนตัวเองว่าศิษย์พี่ศิษย์น้อง! จะบอกว่าเป็นอาจารย์กับศิษย์! จากอายุอาจารย์แซ่ไป๋ควรจะเป็นอาจารย์ แต่จากพลังแล้วอาจารย์แซ่อวิ๋นเหนือกว่า ข้าเคยแอบถามเจ้าสำนักหลายคน เหมือนว่าไม่มีใครรู้เลย!”
“ใช่…พวกท่านไม่รู้สึกประหลาดหรือ เหตุใดอาจารย์แซ่อวิ๋นถึงพาอาจารย์แซ่ไป๋ไปด้วยทุกที่ จะบอกว่าตัวติดกันก็ไม่เกินไป ข้าได้ข่าวมา อาจารย์ดีต่ออาจารย์แซ่ไป๋อย่างมาก มีคนเคยเห็นว่านางส่งข้าวให้อาจารย์แซ่ไป๋ที่กำลังถ่ายทอดวิชาอยู่! ห้องเรียนคาถาของพวกข้าสามารถเป็นพยานได้ คนอื่นมีหรือไม่”
“ชั้นบนพูดเรื่องจริง! ห้องเรียนคาถาเคยเจอ!”
“เคยเจอบวกหนึ่ง”
“เคยเจอบวกทั้งห้อง”
“ไม่ๆ…อย่าพูด ข้ารับไม่ได้! อาจารย์แซ่ไป๋ถึงจะดี แต่ท่านหน้าตาไม่ดี!”
“ข้าก็รับไม่ได้ นอกจากอาจารย์แซ่อวิ๋นบอกไม่อย่างนั้นข้ายืนกรานคุ้มครองคู่สวีอวิ๋น!”
“ข้า! ข้ายังคงรู้สึกว่าคู่เจียวอวิ๋นดี!”
“ไม่มีคนสนใจเจ้าแห่งหึบเขาหมอของพวกเราหรือ พวกเขาก็เหมาะสมกันเหมือนกัน อีกทั้งยังส่งตำราให้พวกเราไม่น้อย!”
“หากจะพูดเช่นนี้ ข้ารู้สึกว่านายท่านตระกูลถังก็เป็นไปได้ เพราะนายหญิงจากไปนาน…”
“ไม่! ต้องคู่สวีอวิ๋นเท่านั้น!”
“ไม่! ต้องคู่เจียวอวิ๋นเท่านั้น!”
“เหลวไหล คู่ไป๋อวิ๋นดีที่สุด!”
“หยุดเถียงกันได้แล้ว! ล้วนเป็นลูกศิษย์เสวียนเหมิน! เถียงกันเช่นนี้ได้อย่างไร ฮึ…เด็กเท่านั้นถึงจะเลือก ผู้มีความสามารถอย่างอาจารย์ก็ต้องเอาทั้งหมด!”
ทุกคน: “…”
อวิ๋นเจี่ยวที่เชื่อมต่อกลุ่มส่งสาร: “…”
ถังเฉินที่ขายกลุ่มส่งสาร: “…”
สักพัก…
“อา…อา…อาจารย์…” ถังเฉินมองไปยังอวิ๋นเจี่ยวที่เพียงแก้ไขยันต์ส่งสารเล็กน้อยก็เชื่อมต่อเข้ากับกลุ่มส่งสารของลูกศิษย์ได้ด้วยใจที่เต้นระรัว เขาไม่ได้เข้ากลุ่มปรึกษาการบ้านมานานแล้ว ไม่คิดว่าเหล่าศิษย์พี่น้องจะพัฒนาอย่างรวดเร็วเช่นนี้ จากคู่สวีอวิ๋นพัฒนาไปยังเอ็นคู่อวิ๋นแล้ว เจ้าสำนักและอาจารย์ทั้งหลายล้วนถูกลากออกมาจับคู่ แม้แต่พ่อของตนเองก็ด้วย!
แต่อวิ๋นเจี่ยวนอกจากสีหน้าเคร่งขรึมกว่าเดิมแล้วก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย นางเพียงแค่ฟังจนจบไม่ได้พูดแทรกในกลุ่ม แต่เขากลับรู้สึกได้ว่ามองเห็นกองการบ้านมหาศาลที่กำลังล่วงหล่นลงมา
“นี่คือกลุ่มส่งสารเสวียนเหมินที่เจ้าพูด?”
“เฮอะ…เฮอะๆ…เฮอะๆ!” ถังเฉินหัวเราะเสียงแห้ง ก่อนจะรีบอธิบาย “ปกติพวกเขาเพียงแค่ปรึกษาหารือการบ้านเท่านั้น แต่ว่า…ส่วนใหญ่พวกเขาชอบคุยเล่น! อย่างผู้อาวุโสเจียว หรืออาจารย์ไป๋ ล้วนไม่ใช่ความจะ..จริง!”
“อ่อ…” อวิ๋นเจี่ยวกวาดตามองเขาขึ้นลง “ดังนั้น เจ้าเป็นฝ่ายสวีอวิ๋น?”
ถังเฉิน: “…”
(⊙_⊙)
ตอนนี้เขาควรจพูดว่าใช่หรือไม่ใช่?
“อาจารย์อวิ๋น...” ในขณะที่เขากำลังจะอธิบาย กลับเห็นว่ามือของอวิ๋นเจี่ยวลงมือแก้ไขยันต์ส่งสารขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มข่ายพลังที่ซับซ้อนอีกหลายชั้น ทันใดนั้นเขาผงะไป “เอ๊ะ? ท่านกำลังทำอะไร”
“ไม่มีอะไร เพียงแค่แก้ไขวิธีการใช้ของยันต์ส่งสาร” อวิ๋นเจี่ยวยังคงพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “อย่างนี้สามารถทำให้กลุ่มนี้เสถียรขึ้น พร้อมทั้งสามารถบันทึกพลังลมปราณของคนทั้งหมดเอาไว้ อย่างนี้สามารถป้องกันคนด้านในหลุดไป ถึงแม้ยันต์ส่งสารจะหายไป แต่ก็ยังคงสามารถใช้พลังลมปราณของตนเองเชื่อมต่อใหม่อีกครั้ง”
“แบบนี้ก็ได้?!” ถังเฉินตะลึง ไม่คิดว่ายันต์ส่งสารเล็กๆ สามารถทำได้มากมายเช่นนี้ ยังสามารถบันทึกพลังลมปราณได้ด้วย จากนั้นเขานึกบางอย่างได้ “อาจารย์อวิ๋นท่าน…ท่านไม่โกรธ?”
“โกรธอะไร” อวิ๋นเจี่ยวมองเขาอย่างสงบ ก่อนจะพูดขึ้น “เรื่องนินทาเป็นธรรมชาติของคน ปกติเรียนเหนื่อยอยู่แล้ว นินทาบ้างเป็นเรื่องปกติ”
ถังเฉินทำหน้าตกตะลึง ก่อนจะโพล่งออกมา “ท่าน…ท่านไม่มีความคิดจะออกข้อสอบให้พวกข้า?”
“เป็นไปได้อย่างไร!” อวิ๋นเจี่ยวพลางปรับข่ายพลัง พลางตอบ “ข้าเพียงแค่ลากอาจารย์ทั้งหมดของโรงเรียนเสวียนเหมิน และเจ้าสำนักผู้อาวุโสจากแต่ละสำนักเข้ามาในกลุ่มเท่านั้น คนเยอะถึงจะสนุกใช่หรือไม่!”
เหล่าลูกศิษย์ว่างขนาดนินทาเรื่องของเธอแล้ว จะให้เธอเป็นคนออกข้อสอบคนเดียวได้อย่างไร ต้องลากให้ทุกคนมาออก ”ข้อสอบรวมเสวียนเหมิน” ถึงจะถูก! เพราะว่าการบ้านน้อยถึงจะได้มีเวลามานั่งนินทา!
(หากไม่ได้เป็นโรคอัมพาตบนใบหน้า ตรงนี้ควรจะมีรอบยิ้ม)
ถังเฉิน: “…”
อาจารย์อะไรกัน ปีศาจชัดๆ!