อวิ๋นเจี่ยวลากเหล่าเจ้าสำนักและผู้อาวุโสเข้ากลุ่มในคราเดียว อีกทั้งยังเพิ่มข่ายพลังที่สามารถตามหาพลังลมปราณของคนในกลุ่มได้ จากนั้นนางจึงเก็บยันต์ส่งสารลงอย่างพึงพอใจ ก่อนจะเดินเข้าไปในข่ายพลัง นาทีถัดมาทั้งสองคนก็มายืนอยู่ในสำนักเทียนซือแล้ว
“คนอยู่ไหน” อวิ๋นเจี่ยวหันไปถามถังเฉิน
“ฮะ อ่อ” ถังเฉินเพิ่งนึกได้ว่าตนเองมาทำอะไร เขาชี้ไปยังด้านหน้า “ท่านเทพนั้นอยู่ในตำหนักใหญ่!”
“ได้ ข้าเข้าไปเอง”
อวิ๋นเจี่ยวไม่สนใจเขา นางสาวเท้าเดินเข้าไปในตำหนักใหญ่อย่างรวดเร็ว เมื่อย่างเท้าเข้าไป นางก็พบว่าด้านในมีท่านเทพกำลังนั่งอยู่ ลักษณะคุ้นตา ในมือเหมือนจะถืออะไรบางอย่างไว้ อีกฝ่ายกำลังก้มมองของที่อยู่ในมืออย่าง…เหม่อลอย?
นางมองไปรอบด้าน ก่อนจะพบว่าภายในตำหนักไม่มีคนอื่น แม้แต่เจ้าสำนักสวีก็ไม่อยู่ ทันใดนั้นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่นางก็เดินเข้ามาอย่างไม่ได้คิดอะไรมาก
“ท่าน…”
นางเพิ่งจะเอ่ยปาก คนที่กำลังนั่งเหม่อลอยหันหน้ามาทันที เวลานี้อวิ๋นเจี่ยวเพิ่งเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายซึ่งมีความคุ้นตาอย่างมาก คนตรงหน้าคือหนึ่งในอาจารย์อาที่อาจารย์อาหยวนพามาตอนที่ท่านมหาเทพทักษิณสวรรค์บุกโจมตี นางจำได้ว่าอีกฝ่ายเหมือนจะเป็นอาจารย์อาสิบสาม ทันใดนั้นนางก็เข้าใจว่าเหตุใดเจ้าสำนักสวีถึงได้ไว้ใจให้เธอพบกับคนของโลกสวรรค์ตัวคนเดียว อย่างไรแล้วคนตรงหน้าก็เป็นปรมาจารย์ของเสวียนเหมิน ไม่น่าจะมีเจตนาร้ายอะไร
ตี๋ไฮ่เก็บสิ่งของในมือลง ก่อนจะกวาดตามองอวิ๋นเจี่ยวอย่างพินิจ สักพักถึงพูดขึ้น “เจ้าคือผู้สืบทอดชิงหยางในปัจจุบัน?”
“ใช่” อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า “ข้าเป็นลูกศิษย์ของสำนักชิงหยาง!”
ตี๋ไฮ่ขมวดคิ้ว ก่อนจะมองนางอีกครั้ง “ผ่านมาเป็นเวลานาน ไม่คิดว่าตอนนี้ชิงหยางจะรับศิษย์หญิงด้วย” สายตาของเขาเหม่อลอยขึ้นอีกครั้ง ราวกับนึกบางอย่างขึ้นได้ เขาสูดลมหายใจเข้าเพื่อดึงสติกลับมา “ข้าคือตี๋ไฮ่ เป็นลูกศิษย์คนที่สิบสามของท่านปรมาจารย์ชิงหยาง ตามหลักแล้ว ข้าเป็นอาจารย์ทวดของเจ้า”
อวิ๋นเจี่ยวที่เรียกอาจารย์อาจนเคยชิน “…” ท่านคงอยากถูกตบจมกำแพง
อวิ๋นเจี่ยวมุมปากกระตุกเล็กน้อย ก่อนจะกระแอมไปทีหนึ่งเพื่อเปลี่ยนเรื่อง “คือ…ท่านเทพตี๋ไฮ่ ท่านลงมาครั้งนี้มีอะไรหรือ”
สีหน้าของตี๋ไฮ่ซับซ้อนอย่างมาก เขากระชับมือที่อยู่ข้างตัวแน่นราวกับตื่นเต้น สักพักพูดขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ข้าถามเจ้า…เจ้าเคย…พบศิษย์พี่สองและศิษย์น้องเล็กของข้าใช่หรือไม่!”
อวิ๋นเจี่ยวใจหล่นวูบ ก่อนจะนึกถึงคำพูดของอาจารย์อาหยวนครั้งก่อน นางลังเลเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า “เคยเจอ!”
“จริงหรือ!” เขาเผยสีหน้าดีใจ
“แน่นอน!” อวิ๋นเจี่ยวตอบตามความจริง “ครั้งก่อนโลกสวรรค์ล้อมโจมตีสำนักเทียนซือ ท่านปรมาจารย์เสวียนเหมินล้วนปรากฏกายขึ้น ตอนนั้นข้าก็อยู่ในเหตุการณ์ แน่นอนว่าต้องเคยเจอ”
สีหน้าของเขาผงะไป ประกายภายในดวงตาดับลง มือข้างลำตัวที่ผ่อนคลายลงกำแน่นขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะถามต่อ “เช่นนั้น…เจ้าเคยพบ…เคยพบอาจารย์ของข้า หรือได้ยินข่าวของท่านบ้างหรือไม่”
“…” อวิ๋นเจี่ยวผงะ ดังนั้นเขามาเพื่อตามหาอาจารย์ปู่ “ท่านเทพหมายถึงใคร”
“ปรมาจารย์แห่งเสวียนเหมิน!” เขายิ่งถามยิ่งร้อนใจ ก่อนจะลุกขึ้นยืน “ข้าสืบมาแล้ว พวกเขาบอกว่าหลายปีก่อนตอนที่เจ้าสอบขึ้นทะเบียน อาจารย์…อาจารย์เคยตอบรับยันต์อันเชิญของเจ้า อีกทั้งปรากฏกายช่วยเหลือเจ้ากำจัดมาร!”
“เหมือน…จะมีเรื่องนี้” นางแทบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว
“ตอนนี้ท่านอยู่ที่ใด” ตี๋ไฮ่พูดอย่างรีบร้อน
“คือ…ข้าก็ไม่รู้!”
“เจ้าอัญเชิญท่านอีกรอบได้หรือไม่” เขาหยิบยันต์ออกมาหลายใบยัดให้นาง “เจ้าอัญเชิญอีกครั้ง บางทีอาจารย์อาจตอบรับเจ้า”
“…” อวิ๋นเจี่ยวมองยันต์อัญเชิญเทพบนมืออย่างไร้คำพูด “คือ…ท่านเทพตี๋ไฮ่ ครั้งก่อนข้าแค่บังเอิญอัญเชิญท่านปรมาจารย์ได้ ใช่ว่าจะสำเร็จทุกครั้ง!”
“ไม่เป็นไร!” เขายังคงยืนกรานยัดยันต์ไว้ในมือของนาง “เจ้าลองอีกครั้ง ครั้งเดียวก็พอ”
“แต่ตอนนี้ข้าไม่มีอันตรายอะไร หากอัญเชิญมาเช่นนี้จะ…ไม่ดีหรือไม่” อัญเชิญเทพทั้งที่ไม่มีเรื่องได้อย่างไร “หากต่อไปเผชิญกับอันตรายจริง อัญเชิญไม่มาจะทำอย่าง…”
“เจ้าอัญเชิญข้าได้!” ตี๋ไฮ่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้ามาช่วยเจ้าเอง! แค่เจ้าช่วยข้าในครั้งนี้ ต่อไปไม่ว่าเวลาใดที่ใด แค่เพียงเจ้าต้องการ เจ้าสามารถอัญเชิญข้าได้ตลอดเวลา” พูดราวกับกลัวนางไม่เชื่อ เขาดึงยันต์อัญเชิญเทพในมือของนางออกมาหนึ่งใบ ก่อนจะใส่คาถาบางอย่างลงไป จากนั้นยื่นให้นางอีกครั้ง “ยันต์นี้ข้าฝังจิตของข้าลงไป เพียงแค่เจ้ากระตุ้นยันต์นี้ ข้าจะมาข้างตัวเจ้าทันที”
“เอ่อ…” ข้าไม่คิดจะเชิญท่านมา คิดแต่จะเชิญท่านจากไป!
“ข้ารู้ว่าเจ้าลำบากใจ แต่เจ้าวางใจ ไม่ว่าเจ้าจะอัญเชิญอาจารย์มาได้หรือไม่ คำพูดของข้ามีผลเสมอ!” เขาพูดเสริม
อวิ๋นเจี่ยว “…”
นางไม่ได้กังวลว่าจะอัญเชิญมาได้หรือไม่ นางอัญเชิญมาได้อยู่แล้ว อีกทั้งนางรับรองได้ว่า เพียงแค่นางกระตุ้นยันต์อัญเชิญเทพนี้ วินาทีถัดมาอาจารย์ปู่จะปรากฏตัวทันที เพราะทุกครั้งที่จะกินข้าว หากชายแก่ขี้เกียจปีนบันไดขึ้นไปเรียก เขามักจะใช้วิธีนี้อัญเชิญอาจารย์ปู่ลงมา
แต่สิ่งสำคัญคือ อาจารย์ปู่ไม่ได้อยากเจอเขา หากนางเชิญอีกฝ่ายมาโดยพลการเช่นนี้คงจะเป็นการไม่ดี
นางเงยหน้าขึ้นมองตี๋ไฮ่ที่มองนางอย่างมีความหวัง ก่อนจะถอนหายใจออกมาทีหนึ่ง พร้อมกับวางยันต์อัญเชิญเทพในมือลง “ท่านเทพ ท่านจะทำไปเพื่ออะไร…ท่านก็รู้ว่าทำเช่นนี้ไม่ได้”
สีหน้าของเขาผงะไป สายตามืดมนลงราวกับท้อใจ แต่ยังคงพูดด้วยความดื้อรั้น “ไม่ลอง เจ้าจะรู้ได้อย่างไร”
อวิ๋นเจี่ยวเห็นท่าทีลังเลของอีกฝ่ายจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง “ท่านเทพตี๋ไฮ่ ข้าขอถามท่านได้หรือไม่ เหตุใดท่านถึงได้รีบร้อนตามหาท่านปรมาจารย์”
คิ้วของเขาขมวดมุ่น ก่อนจะพูดโพล่งออกมา “ข้าไม่รีบร้อนได้อย่างไร ผ่านไปหมื่นปีแล้ว หากอาจารย์…” เขาพูดเพียงครึ่งเดียวก็หยุดลง จากนั้นเหมือนนึกบางอย่างได้ ทันใดนั้นเขากัดฟัน ฝ่ามือของเขากำแน่น
“หมื่นปี?” อวิ๋นเจี่ยวผงะ ทันใดนั้นเหมือนมีลางสังหรณ์ว่าจะได้ยินเรื่องใหญ่บางอย่าง
หากแต่ตี๋ไฮ่ไม่มีท่าทีจะอธิบายต่อ เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสงบอารมณ์ ก่อนจะมองยันต์อัญเชิญเทพในมือของนาง “เอาเถอะ เจ้าพูดถูก ข้าไม่เคยตอบรับยันต์อัญเชิญเทพแม้แต่ครั้งเดียว จะไปหวังให้อาจารย์ท่าน…” เขาดึงยันต์ในมือของนางออกมา แต่กลับออกแรงมากเกินไปจนทำให้ยันต์ถูกฉีกขาด และบังเอิญกระตุ้นยันต์พอดี…
“มื้อดึกหรือ” เสียงเรียบเฉยดังขึ้นในตำหนัก
อวิ๋นเจี่ยว “…”
ตี๋ไฮ่ “…”
(⊙_⊙)
เฮ้ย!