เล่มที่ 9 บทที่ 265 เรื่องเล็กน้อยทำให้เห็นวิสัยทัศน์

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

ตรงหน้าทั้งสองคนคือโจ๊กเต็มชาม ในจานมีซาลาเปาไส้หมูสี่ลูก และโหยวเถียวสี่ตัวที่ทอดจนเป็นสีเหลืองทอง

ตอนนั้นเซี่ยยวี่หลัวเคยกำหนดราคาให้หลี่ซื่อ ซาลาเปาไส้หมูคิดราคาตามร้านขายซาลาเปาร้านอื่นๆ ลูกละสองอีแปะ โหยวเถียวนั้นเพราะใช้น้ำมันทอดทั้งหมด ทั้งยังเป็นอาหารใหม่ คิดตัวละสองอีแปะเหมือนกัน อาหารเช้าที่หลี่ซื่อยกมา ก็คิดเป็นเงินประมาณยี่สิบอีแปะแล้ว

ยังไม่ได้ประเดิม ก็ให้พวกเขากินก่อน เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกเกรงใจยิ่งนัก

เซียวยวี่ที่นั่งอยู่ตรงข้ามไม่ได้เริ่มกิน เซี่ยยวี่หลัวก็ไม่กล้ากิน จวบจนได้ยินเซียวยวี่ที่นั่งตรงข้ามกล่าวประโยคหนึ่ง “พวกเรากินเถอะ”

เซี่ยยวี่หลัวตอบเสียงค่อย “เช่นนั้นก็กินเถอะ”

วันนี้เปิดร้านวันแรก กินโดยไม่จ่ายเพียงหนนี้ ครั้งหน้าไม่ว่าอย่างไรก็จะกินเปล่าๆ ไม่ได้อีก

กล่าวจบ เซี่ยยวี่หลัวหยิบโหยวเถียวขึ้นมาหนึ่งตัว เริ่มกินข้าว เซียวยวี่ที่อยู่ตรงข้ามเห็นนางเริ่มกินแล้ว จึงหยิบซาลาเปาไส้หมูขึ้นมากินหนึ่งลูก

ซาลาเปาไส้หมูขนาดใหญ่มาก พอกัดลงไป ก็มีน้ำมันไหลเต็มปาก

ลูกค้าที่มากินอาหารเช้าเห็นสิ่งของสีเหลืองทองยาวๆ ที่เซียวเหลียนทอด รู้สึกประหลาดใจ “เถ้าแก่ นี่คืออะไรหรือ? ”

“นี่คือโหยวเถียว” เซียวเหลียนคีบโหยวเถียวที่ทอดเสร็จแล้วออกมาหนึ่งตัว วางไว้ในกระชอนข้างๆ เพื่อกรองน้ำมัน

“โหยวเถียว? อร่อยหรือไม่? ” คนที่มาเอ่ยถามด้วยความสงสัย ยืนอยู่ข้างๆ โหยวเถียว ได้กลิ่นแล้วรู้สึกว่าหอมมาก เพียงแต่ไม่รู้ว่ารสชาติเป็นอย่างไร

หลี่ซื่อรีบกล่าว “อร่อย รับรองว่าท่านกินแล้วต้องอยากกินอีก”

ลูกค้าได้ฟังดังนั้นก็รู้สึกยินดียิ่ง “เช่นนั้นทำให้ข้าสองตัว”

“กินแต่โหยวเถียวก็ไม่ได้ จะแห้งเกินไป ถ้าอย่างไรทำโจ๊กให้ท่านอีกชามหนึ่ง? ” หลี่ซื่อทำการค้าเป็น จึงเสนอ “ตอนท่านกินโหยวเถียว สามารถนำโหยวเถียวไปแช่ไว้ในโจ๊กครู่หนึ่ง แบบนั้นก็อร่อยมากเช่นกัน”

“ได้ เอาโจ๊กมาอีกชาม”

ลูกค้าผู้นั้นหาที่นั่งนั่งลง

กวั่นซื่อยกโจ๊กและโหยวเถียวไปให้ พอลูกค้าผู้นั้นกัดโหยวเถียวหนึ่งคำ กรุบกรอบน่ากิน จึงกล่าวเสียงดังทันที “อืม ไม่เลว โหยวเถียวนี่อร่อยจริง”

เมื่อลูกค้าคนอื่นๆ ได้ยินว่าโหยวเถียวอร่อย ต่างก็สั่งกันคนละสองตัวสามตัว หลังจากได้ทาน ต่างก็เอ่ยชมกันไม่ขาดปาก ก่อนไปก็ซื้อกลับไปอีกหลายตัว

ซาลาเปาลูกใหญ่ ไส้ด้านในก็เยอะ กัดลงไปหนึ่งคำก็เต็มไปด้วยน้ำแกงจากไส้ ทั้งหอมทั้งอร่อย

“ซาลาเปานี่ก็รสชาติไม่เลว ข้ายังไม่เคยกินซาลาเปาที่มีน้ำแกงในไส้มาก่อนเลย! ”

“นี่เป็นสูตรใหม่ของร้านข้า มีแต่ร้านข้าที่มี” หลี่ซื่อนำเสนอ

“ไม่เลว ไม่เลว ซาลาเปาอร่อย โหยวเถียวก็อร่อย เถ้าแก่เนี้ย ช่วยห่อซาลาเปาอีกห้าลูกและโหยวเถียวอีกห้าตัวให้ข้าด้วย ข้าจะซื้อกลับไป”

“ห่อซาลาเปาสี่ลูกและโหยวเถียวสี่ตัวให้ข้าด้วย”

“ได้เลย พวกท่านกินช้าๆ ตอนกลับค่อยห่อให้ท่าน โหยวเถียวกับซาลาเปานี่ ต้องกินตอนร้อนถึงจะอร่อย เย็นแล้วจะไม่ได้รสชาติเช่นนี้” หลี่ซื่อคล่องแคล่วว่องไว รู้จักพูดจา กล่าวจนลูกค้าต่างรู้สึกพึงพอใจ

เซี่ยยวี่หลัวกินโหยวเถียวหนึ่งตัว กินซาลาเปาหนึ่งลูก ทั้งยังกินโจ๊กหนึ่งชาม ก็รู้สึกอิ่มแน่นจนกินไม่ลงแล้ว

เซียวยวี่ก็กินอาหารเท่ากัน เห็นเซี่ยยวี่หลัววางตะเกียบลง เขาก็วางตะเกียบลงเช่นกัน

หลี่ซื่อดูแลลูกค้าเสร็จจึงมาหา เห็นว่าบนโต๊ะยังเหลือซาลาเปาไส้หมูอีกสองลูกและโหยวเถียวอีกสองตัว จึงรีบกล่าว “เหตุใดถึงไม่กินเล่า? ไม่อร่อยใช่หรือไม่? ”

เซี่ยยวี่หลัวส่ายหน้า ยิ้มพร้อมกล่าว “ไม่ใช่เจ้าค่ะ อร่อยมาก เพียงแต่กินไม่ลงแล้ว โจ๊กของท่านอร่อยสมราคา ยังมีซาลาเปาไส้หมู กับโหยวเถียวชิ้นใหญ่ ข้ากินเท่านี้ ก็อิ่มแน่นถึงคอหอยแล้วเจ้าค่ะ”

หลี่ซื่อยิ้ม “อร่อยก็ดีแล้ว ถ้าอย่างไรพวกเจ้าไปนั่งเล่นในลานด้านหลังก่อน ตอนเที่ยงอยู่กินข้าวด้วย”

เซียวยวี่กล่าว “พี่สะใภ้ ที่บ้านยังมีเด็กสองคน ต้องกลับไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น พวกเรายังต้องซื้อของกลับไปด้วย ไม่ขอรบกวนพวกท่านแล้วขอรับ”

เซี่ยยวี่หลัวกล่าวอย่างเห็นพ้อง “ใช่เจ้าค่ะ ร้านท่านยังยุ่งมาก พวกเราไม่อยู่รบกวนที่นี่แล้ว หากครั้งหน้ามีโอกาส พวกเราจะมาอีกเจ้าค่ะ”

กวั่นซื่อเดินมา ได้ยินว่าเซี่ยยวี่หลัวจะไป ก็ไม่ได้รั้งไว้ “ได้ เช่นนั้นพวกเจ้ารอก่อน ข้าจะห่อซาลาเปากับโหยวเถียว นำกลับไปให้เด็กสองคนกิน”

เซี่ยยวี่หลัวโบกมือ “ไม่ต้องเจ้าค่ะ ท่านป้า พวกท่านเก็บไว้ขาย พวกเราไม่เอาจริงๆ เจ้าค่ะ”

หลี่ซื่อดึงเซี่ยยวี่หลัวไว้ “อย่าเพิ่งไป นำกลับไปด้วย”

เซียวยวี่มาถึงข้างกายเซี่ยยวี่หลัว “พี่สะใภ้ ไม่ต้องแล้วจริงๆ พวกท่านทำงานเถอะขอรับ พวกเราไปก่อน”

หลี่ซื่อตะโกนถามกวั่นซื่อ “ท่านแม่ ห่อเสร็จหรือยังเจ้าคะ? ”

เซียวยวี่หันมองเซี่ยยวี่หลัว เซี่ยยวี่หลัวก็มองเซียวยวี่แวบหนึ่ง

“พวกเราไปกันเถอะ? ” เซียวยวี่เอ่ยถามเสียงเบา

เซี่ยยวี่หลัวรีบพยักหน้า ทั้งสองคนเข้าใจกันโดยไม่จำเป็นต้องกล่าวอะไร เดินถอยหลังเงียบๆ ทั้งคู่ย่องเบาๆ ราวกับเป็นหัวขโมยก็มิปาน แต่ต่างก็รู้กันโดยนัย

เมื่อเดินถึงถนนแล้ว หลี่ซื่อตะโกนจากด้านหลัง “ยวี่หลัว พวกเจ้าไปทำไม? ยังไม่ได้เอาของเลย”

เซี่ยยวี่หลัวหันหลังตะโกนเสียงดัง “ท่านป้า พวกท่านทำงานกันเถอะ พวกเราไปก่อนเจ้าค่ะ”

หลี่ซื่อนำของวิ่งตามมา “พวกเจ้ารอก่อน เอาของด้วย เอาของด้วย…”

เมื่อเห็นว่าหลี่ซื่อกำลังจะตามทันแล้ว เซี่ยยวี่หลัวหันไปยิ้มให้เซียวยวี่ “วิ่งกันเถอะ? ”

อีกฝ่ายเพิ่งเปิดกิจการเป็นวันแรก นางกินโดยไม่จ่ายแล้ว ยังจะเอาของมาอีก เซี่ยยวี่หลัวไม่อาจทำได้จริงๆ

เซียวยวี่เลิกคิ้ว “วิ่ง! ”

ทั้งสองคนพุ่งพรวดเข้าไปในกลุ่มคนอย่างรวดเร็ว เสียงของหลี่ซื่อยังดังแว่วมาจากด้านหลัง “พวกเจ้าสองคนนี่นะ…”

หลี่ซื่อนำอาหารที่ห่อไว้กลับไปในสภาพเดิม กวั่นซื่อเห็นเข้าจึงเอ่ยถาม “พวกเขาไม่รับหรือ? ”

“ไม่รับเจ้าค่ะ วิ่งหนีเร็วกว่ากระต่ายเสียอีก! ” หลี่ซื่อกล่าวพลางทอดถอนใจ

กวั่นซื่อกลับหัวเราะ “ข้าว่าแล้ว เซียวยวี่กับยวี่หลัว เกิดมาคู่กัน ไม่ใช่คนประเภทเดียวกันย่อมไม่อาจเป็นครอบครัวเดียวกัน ต่างเป็นคนมีอุปนิสัยดีไร้ที่ติ”

หลี่ซื่อกล่าวเสริม “ใช่แล้วเจ้าค่ะ กลัวว่าคนอื่นจะขาดทุน นางหารู้ไม่ ว่านางสอนพวกเราทำอาหารสองอย่างนี้ พวกเราเอารัดเอาเปรียบนางมากเพียงใด เฮ้อ ยวี่หลัวนี่นะ…”

กวั่นซื่อและหลี่ซื่อต่างก็เข้าใจกันโดยไม่ต้องเอื้อนเอ่ยวาจาใด ไม่ได้กล่าวอะไรอีก เริ่มง่วนอยู่กับงาน เพียงแต่ภายในใจทั้งสองคน ก็เกิดความรู้สึกดีต่อเซี่ยยวี่หลัวขึ้นมาก คนหนึ่งเห็นเซี่ยยวี่หลัวเหมือนบุตรสาวแท้ๆ อีกคนหนึ่งเห็นเซี่ยยวี่หลัวเหมือนน้องสาวแท้ๆ

เซี่ยยวี่หลัววิ่งได้เร็ว ถกกระโปรงขึ้น วิ่งอยู่ด้านหน้าด้วยความเร็ว เซียวยวี่ตามหลังมาติดๆ เห็นเงาร่างบอบบางตรงหน้าวิ่งด้วยฝีเท้าเบาหวิวอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเซียวยวี่ก็เต็มไปด้วยความสุขเปี่ยมล้น

จวบจนเสียงจากด้านหลังหายไป เซี่ยยวี่หลัวจึงหันมองไปด้านหลัง ตอนนี้ออกห่างจากร้านของหลี่ซื่อมามากแล้ว

ร้านข้างทางต่างก็เปิดแล้ว เวลานี้มีผู้คนเดินกันขวักไขว่ เซี่ยยวี่หลัวจึงหยุดพัก เซียวยวี่ตามอยู่ข้างกาย หายใจหอบเบา “เหตุใดถึงต้องวิ่งหนี? ”

“เกรงใจน่ะสิ เขาเปิดร้านทำกิจการ พวกเรากินโดยไม่จ่ายไปหนึ่งมื้อ ยังจะเอามาอีก ในใจข้ารู้สึกไม่ดี! ” เซี่ยยวี่หลัวกล่าว

เซียวยวี่รู้สึกตกใจเล็กน้อย มองเซี่ยยวี่หลัวแวบหนึ่งด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ ก่อนจะเบือนสายตาอย่างรวดเร็ว

เรื่องเล็กทำให้เห็นวิสัยทัศน์ รายละเอียดทำให้เห็นอุปนิสัย

เซี่ยยวี่หลัวไม่ละโมบ ไม่เอารัดเอาเปรียบ คนเช่นนี้ เหตุใดก่อนหน้านี้ถึงเห็นแก่ตัว ยโสโอหังเล่า?

เซียวยวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาคิดไม่ออก และไม่เข้าใจ