เซี่ยยวี่หลัวไม่รู้ว่าเครื่องหมายคำถามขนาดใหญ่ผุดขึ้นในห้วงความคิดเซียวยวี่ นางมีงานต้องทำอีกมาก ต้องไปห้องหนังสือซานเว่ย เซี่ยยวี่หลัวได้แต่ไปฮวาหม่านยีก่อน เพียงแต่ ให้พาเซียวยวี่ไปฮวาหม่านยีนั้นย่อมได้ แต่หากให้เขารู้ว่านางแต่งชุดบุรุษนั้น…
เซี่ยยวี่หลัวไม่รู้ว่าจะเป็นเช่นไร
“คือ เจ้ายังมีธุระอื่นอีกหรือไม่? ” เซี่ยยวี่หลัวครุ่นคิดอย่างหนักก่อนเอ่ยถาม
เซียวยวี่พยักหน้า “ข้าต้องไปซื้อตำรา” ทั้งยังต้องไปซื้อของสิ่งหนึ่ง
เซี่ยยวี่หลัวเสนอ “ข้าก็ต้องนำสบู่เหล่านี้ไปขายเช่นกัน ถ้าอย่างไร อีกครึ่งชั่วยามให้หลัง พวกเรารวมตัวกันที่นี่ดีหรือไม่? ”
เซียวยวี่มองดูตะกร้าที่เซี่ยยวี่หลัวหิ้วอยู่ ในตะกร้ามีสบู่ดอกจินหยินที่นางทำในช่วงหลายวันนี้
นางเป็นคนตรงไปตรงมาประเภทที่กล่าวออกมาแล้วก็จะทำทันที
เซี่ยยวี่หลัวหยิบถุงเงินถุงหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ ยื่นส่งให้เซียวยวี่
เซียวยวี่ไม่ได้รับ “อะไร? ”
“เงิน เจ้าซื้อตำราไม่ต้องใช้เงินหรือ? ” เซี่ยยวี่หลัวคาดเดาว่าเซียวยวี่น่าจะไม่ได้พกเงินติดตัวมาด้วย
เซียวยวี่ไม่ได้รับ “ข้ามีเงินจำนวนหนึ่ง เจ้าเก็บไว้ซื้อของเถอะ”
กล่าวจบ ไม่รอให้เซี่ยยวี่หลัวกล่าวอะไร เซียวยวี่หันขวับเดินไปทันที
เซี่ยยวี่หลัวรู้ว่าด้านหน้ามีร้านหนังสือซิงหลง นางไม่ได้หยุดนิ่ง ไปฮวาหม่านยีเป็นอันดับแรก
บอกกล่าวกับฮวาเหนียงก่อน จากนั้นจึงเปลี่ยนเป็นชุดบุรุษออกไป
มาถึงห้องหนังสือซานเว่ย หลิ่วสวินเหมี่ยวเห็นเซี่ยยวี่หลัวมาแล้ว ดวงตาพลันลุกวาว “ไม่ได้พบท่านมาหลายวันแล้ว! ”
เซี่ยยวี่หลัว “ที่บ้านมีธุระบางอย่างจึงมาไม่ได้ ข้าอยู่นานไม่ได้เช่นกัน ส่งของให้ท่านเสร็จข้าก็ต้องไปแล้ว”
หลิ่วสวินเหมี่ยวเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “เกิดเรื่องอะไรขึ้นเช่นนั้นหรือ? ให้ข้าช่วยอะไรหรือไม่? ”
“อ่อ ไม่ต้อง เรื่องเล็ก ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร” เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมกล่าว
หลิ่วสวินเหมี่ยวขานตอบทีหนึ่ง “เช่นนั้นก็ดี หากคุณชายเซี่ยมีธุระอะไรต้องการความช่วยเหลือ ก็ขอให้บอก”
มีคนเพิ่มหนึ่งคนก็จะมีหนทางเพิ่มขึ้นอีกหนึ่ง เซี่ยยวี่หลัวไม่ได้ปฏิเสธ ตอบรับความหวังดีของหลิ่วสวินเหมี่ยว “ได้ หากมีเรื่องลำบาก ต้องมาหาเถ้าแก่หลิ่วแน่นอน”
กล่าวจบ นางหยิบซีโหยวจี้เล่มสามออกมาจากอกเสื้อ “นี่คือตอนจบ”
หลิ่วสวินเหมี่ยวรู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก ใช้มือคู่รับไว้ ฝืนสะกดความตื่นเต้นและความคลั่งไคล้หลงใหลในใจ นำตำราไปเก็บ จากนั้นจึงหยิบสมุดบัญชีของเดือนนี้ออกมา “คุณชายเซี่ย ท่านลองดูสมุดบัญชีเดือนนี้”
เซี่ยยวี่หลัวขานตอบทีหนึ่ง เปิดอ่านไม่กี่หน้า
ผลกำไรของเดือนนี้ มากกว่าเดือนที่แล้วหนึ่งเท่าตัว
หลิ่วสวินเหมี่ยวกล่าวด้วยความตื่นเต้น “ปริมาณการขายเดือนนี้เป็นสองเท่าของเดือนก่อน เดือนก่อนพวกเราขายได้สามพันเล่ม เดือนนี้พวกเราขายออกไปหกพันกว่าเล่มแล้ว”
เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ เซี่ยยวี่หลัวก็ตกใจเป็นอย่างมาก
คิดไม่ถึงว่ายุคสมัยนี้ยังมีคนอ่านตำรามากถึงเพียงนี้
“นิทานเรื่องนี้เขียนได้ดี อ่านเข้าใจง่าย ทั้งยังเป็นเรื่องราวประเภทเทพนิยาย ทุกคนล้วนชอบอ่าน คนที่จองเล่มต่อไปกับทางนี้มีเกินกว่าสองพันคนแล้ว ที่อำเภอกว่างชางมีมากกว่าเสียอีก ข้าได้ยินเถ้าแก่เหยียนบอกว่า ตอนนี้ตำรานี่เป็นที่นิยมในจังหวัดจิ้นชางเป็นอย่างมาก ขอเพียงพิมพ์ออกมา แค่ชั่วพริบตาเดียวก็ขายออกหมดแล้ว”
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกยินดียิ่งนัก “เช่นนั้นดูท่าว่าคนที่ชอบตำรานี่มีเยอะจริงๆ ”
หลิ่วสวินเหมี่ยวกล่าวด้วยท่าทางตื่นเต้น “ที่สำคัญคือคุณชายหลัวยวี่เขียนได้ดี เวลานี้ทั่วทั้งเมือง ไม่มีผู้ใดไม่รู้จักคุณชายหลัวยวี่ ต่างก็บอกว่าคุณชายหลัวยวี่เป็นผู้มีพรสวรรค์แห่งต้าเยว่”
“เอ่อ…” เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกเขินเล็กน้อย “กล่าวเกินจริงไปแล้ว”
หลิ่วสวินเหมี่ยวกล่าวด้วยความตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าอะไร “เกินจริงที่ไหนกัน ไม่เกินจริงแม้แต่น้อย ยังไม่กล่าวถึงคนอื่น แค่ข้ากับภรรยาของข้า ต่างก็รู้สึกเคารพเลื่อมใสในตัวคุณชายหลัวยวี่ยิ่งนัก หากในภายภาคหน้ามีโอกาส ข้ากับภรรยาต้องขอพบคุณชายหลัวยวี่ต่อหน้าให้ได้ หวังว่าคุณชายเซี่ยจะช่วยแนะนำด้วย! ”
เซี่ยยวี่หลัวหัวเราะกลบเกลื่อน “หากมีโอกาสค่อยว่ากัน”
นางพลิกดูสมุดบัญชี ส่ายหน้าพร้อมยิ้มขม
ตัวเองคัดลอกผลงานของผู้อื่น ยังถูกคนอื่นมองว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ เฮ้อ…
รู้สึกผิดจริงๆ ขออภัยด้วยหวูจ่ง[1]
“กริ๊ง…” กระดิ่งด้านนอกดังขึ้น เซี่ยยวี่หลัวเหลือบมอง มองไม่เห็นคนที่ประตูใหญ่ จึงละสายตากลับมามองสมุดบัญชีในมืออย่างรวดเร็ว
“คุณชายเซี่ย ท่านรอตรงนี้ครู่หนึ่ง ข้าไปเดี๋ยวเดียวก็จะกลับมา” หลิ่วสวินเหมี่ยวไปต้อนรับลูกค้า เซี่ยยวี่หลัวขานตอบทีหนึ่ง ดูสมุดบัญชีต่อ จนเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากด้านหลังชั้นวางตำรา
“เถ้าแก่ ท่านยังมีซีโหยวจี้เล่มสองอีกหรือไม่? ”
ได้ยินเสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคย ร่างกายเซี่ยยวี่หลัวพลันแข็งทื่อ รีบเงยหน้าหันมองออกไปด้านนอก
มองผ่านช่องว่างของชั้นวางตำราที่เรียงกันเป็นแถว เซี่ยยวี่หลัวเห็นเซียวยวี่ที่สวมใส่ชุดตรงสีคราม ยืนตระหง่านอยู่ตรงประตู
เหตุใดเขาถึงมาซื้อตำราที่ห้องหนังสือซานเว่ยได้ ควรไปร้านหนังสือซิงหลงไม่ใช่หรือ?
หลิ่วสวินเหมี่ยวเดินไปต้อนรับลูกค้า “มีขอรับ วางอยู่บนโต๊ะเก็บเงิน คุณชายโปรดตามข้ามา”
เซียวยวี่เดินมาทางนี้
เซี่ยยวี่หลัวตกใจจนรีบโยนสมุดบัญชีไว้บนโต๊ะ ลุกพรวดขึ้นเปิดม่านประตู มุดออกไปทันที
นางวิ่งไปยังลานด้านหลังอย่างทุลักทุเล ใต้ชายคา โม่หยุนโหรวประคองท้องขณะมองดูเซี่ยยวี่หลัววิ่งออกมาจากร้านด้วยท่าทางทุลักทุเล
“คุณชายเซี่ย นี่ท่าน? ”
“ชู่ว์ ชู่ว์…” เซี่ยยวี่หลัวรีบส่งเสียงให้เงียบ เสียงของโม่หยุนโหรวพลันหยุดชะงัก นางหันมองไปในร้านด้วยท่าทีสงสัย ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเซี่ยยวี่หลัวถึงทำท่าทางราวกับเห็นภูตผีก็มิปาน
“ฮูหยินหลิ่ว ประตูหลังนี่ออกไปได้หรือไม่? ” ตอนนี้เซี่ยยวี่หลัวมีเพียงความคิดเดียว ต้องรีบไปจากที่นี่โดยเร็ว
โม่หยุนโหรวพยักหน้า ชี้ไปยังประตูบานหนึ่งในลานด้านหลังพร้อมกล่าว “ประตูบานนั้นสามารถออกไปได้”
เซี่ยยวี่หลัวกล่าวขอบคุณ แล้วจึงออกไปอย่างเร่งรีบ
โม่หยุนโหรวมองดูเงาแผ่นหลังที่จากไปด้วยความเร่งรีบ รู้สึกสงสัยยิ่งนัก
หลิ่วสวินเหมี่ยวพาเซียวยวี่มาถึงโต๊ะคิดเงิน เก้าอี้ถูกดึงออก พิงกับโต๊ะในแนวทแยง ไร้วี่แววของเซี่ยยวี่หลัว
ยังมีสมุดบัญชีที่ถูกโยนอยู่บนโต๊ะคิดเงิน ขอบสมุดม้วนพับ พอจะดูออกว่าคนที่ดูสมุดบัญชีเมื่อครู่ตกอยู่ในอาการกระสับกระส่ายเพียงใดขณะโยนสมุดบัญชี
เหตุใดคุณชายเซี่ยถึงไปเล่า?
เซียวยวี่มาถึงตรงหน้าโต๊ะคิดเงิน รู้สึกว่าในอากาศมีกลิ่นหอมเบาบาง
เขารู้สึกคุ้นเคยกับกลิ่นหอมนั่น คล้ายกับเคยได้กลิ่นจากที่ไหน แต่เมื่อคิดจะสูดดมอย่างตั้งใจ ก็ถูกลมที่โบกโชยเข้ามาเพราะโม่หยุนโหรวเปิดม่านพัดกระจายหายไปแล้ว
“นี่คือซีโหยวจี้เล่มสอง ห้าสิบอีแปะขอรับ” หลิ่วสวินเหมี่ยวยื่นส่งตำราให้เซียวยวี่ด้วยความนอบน้อม
เซียวยวี่ก็ใช้มือคู่รับมาด้วยความนอบน้อมเช่นกัน ชำระเงินแล้วจึงออกไป
หลังจากเขาออกไป หลิ่วสวินเหมี่ยวจึงเอ่ยถาม “เอ๋ หยุนโหรว เจ้าเห็นคุณชายเซี่ยหรือไม่? เมื่อครู่เขายังอยู่ตรงนี้ เหตุใดเพียงครู่เดียวก็หายไปได้เล่า”
โม่หยุนโหรวชี้ไปยังด้านหลัง “เมื่อครู่เขาไปแล้ว ข้าเห็นว่าสีหน้าของเขาดูผิดปกติ จึงเข้ามาดู เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่หรือไม่? ”
“เกิดเรื่อง? ” หลิ่วสวินเหมี่ยวรู้สึกจับต้นชนปลายไม่ถูก “ไม่มีเรื่องอะไรนี่นา เพียงแค่มีคนมาซื้อตำราเท่านั้น ตอนเขาไปสีหน้าดูไม่ดีเช่นนั้นหรือ? ”
โม่หยุนโหรวพยักหน้า “ดูแย่มาก ราวกับว่าเห็นเรื่องราวที่น่ากลัวอย่างไรอย่างนั้น”
หลิ่วสวินเหมี่ยวส่ายหน้าด้วยความฉงน “ไม่มีเรื่องอะไรนี่นา! ”
—————————
เชิงอรรถ
[1] หวูจ่ง – หวูเฉิงเอิน ผู้แต่งเรื่องซีโหยวจี้ ในที่นี้นางเอกใช้เรียกผู้แต่งเป็นเชิงหยอก ซึ่งแปลว่าท่านประธานหวู