สองสามีภรรยาต่างรู้สึกสงสัยยิ่งนัก ส่วนเซี่ยยวี่หลัวในยามนี้ก็เข้าไปในประตูด้านหลังของฮวาหม่านยีแล้ว นางรีบไปเปลี่ยนเป็นชุดสตรีด้วยความรู้สึกอกสั่นขวัญหาย แล้วจึงตบอกที่พองและยุบอย่างรุนแรงด้วยอาการหายใจหอบ
เมื่อครู่เกือบเผชิญกับเซียวยวี่แบบซึ่งหน้า ตัวเองแต่งเป็นชาย ด้วยสายตาอันเฉียบแหลมของเซียวยวี่ ต้องมองออกอย่างกระจ่างแจ้งแน่นอน
เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ฮวาเหนียงจึงมาหา “กลับมาแล้วหรือ? ”
เซี่ยยวี่หลัวเพิ่งตั้งสติได้ “ฮวาเหนียง”
“เป็นอะไรไป เหตุใดใบหน้าถึงทั้งซีดทั้งแดงเล่า? ” ฮวาเหนียงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นอะไร เพียงแค่เมื่อครู่รีบวิ่งเกินไป” เซี่ยยวี่หลัวตบอกเบาๆ รินน้ำหนึ่งถ้วยให้ตัวเองดื่ม ดื่มติดต่อกันหลายถ้วย จังหวะการเต้นของหัวใจจึงกลับสู่สภาวะปกติ
ฮวาเหนียงก็ดื่มน้ำชาหนึ่งคำ กล่าวด้วยอารมณ์ขำขัน “นึกว่าเจ้าเห็นภูตผีตอนกลางวันแสกๆ เสียอีก! ”
มือของเซี่ยยวี่หลัวถือถ้วยน้ำชาไว้ กล่าวพึมพำ “ก็ประมาณนั้น”
ตัวเองที่แต่งเป็นชายพบเจอกับเซียวยวี่ ก็เท่ากับเซียวยวี่เห็นภูตผีไม่ใช่หรือ!
ฮวาเหนียงรินน้ำลงในถ้วยเปล่าของเซี่ยยวี่หลัวอีกครั้ง จากนั้นจึงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังเป็นพิเศษ “มีเรื่องอะไรก็บอกกับพี่สาว พี่สาวอยู่ในเมืองโยวหลันมานานหลายปี มีคนรู้จักอยู่ไม่น้อย หากพบเจอเรื่องลำบากอะไร ก็มาหาข้าได้”
เซี่ยยวี่หลัว “…” ฮวาเหนียงคงไม่ได้คิดว่านางมีเรื่องลำบากกระมัง?
เหมือนกับหลิ่วสวินเหมี่ยวเมื่อครู่นี้ พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับนาง ทว่า หลังจากได้ยินว่านางมีเรื่องบางอย่าง ต่างก็เอ่ยวาจาเหมือนกันออกมา
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกตื้นตันใจยิ่งนัก “ขอบคุณฮวาเหนียงมาก ไม่มีเรื่องลำบากอะไร เพียงแต่คนนั้นที่บ้านข้ากลับมาแล้ว จึงต้องกลับไปเร็วหน่อย”
“สามีของเจ้ากลับมาแล้ว? ” ฮวาเหนียงได้ฟังดังนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที ยิ้มจนหน้าบาน “สามีของเจ้าหน้าตาเป็นเช่นไร เมื่อไรจะพามาให้ข้าได้พบบ้าง? น้องชายน้องสาวสามีเจ้าหน้าตาไม่เลว สามีของเจ้าหน้าตาก็ต้องไม่เลวแน่ใช่หรือไม่? ”
เซี่ยยวี่หลัวยิ้มขม “ถือว่าไม่เลว”
ฮวาเหนียง “เจ้าบอกว่าไม่เลว เช่นนั้นต้องดีมากเป็นแน่”
เซี่ยยวี่หลัวไม่แสดงความคิดเห็น
ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น ต้องรู้ว่า ตามที่เขียนไว้ในหนังสือนิยาย ท่านราชบัณฑิตน้อยในภายภาคหน้ามีอุปนิสัยเย็นเยียบ ตัวเขาให้ความรู้สึกราวกับมีไอเย็นยะเยือกจากน้ำแข็งหมื่นปีแผ่ขยาย แต่เรื่องนี้ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการถูกเรียกขานว่าเป็นบุรุษรูปงามมาดเข้มที่สุดแห่งต้าเยว่
เรื่องรูปลักษณ์หน้าตา เซียวยวี่ไม่ได้มีดีแค่ชื่อ!
ฮวาเหนียงรู้สึกตั้งตารอคอยเป็นอย่างยิ่ง “เจ้าต้องจำไว้ ครั้งหน้าหากมีเวลาว่างต้องพามาให้เห็นด้วย เข้าใจหรือไม่? ”
เซี่ยยวี่หลัวได้แต่พยักหน้า “ได้”
ส่วนจะมีเวลาว่างเมื่อใดก็มิอาจรู้ได้
เซี่ยยวี่หลัวนึกถึงจุดประสงค์การมาเยือนครั้งนี้ขึ้นมาได้ รีบหยิบสบู่ออกจากตะกร้า “ฮวาเหนียง ท่านช่วยดูสิ่งนี้ให้ข้าหน่อย? ”
ฮวาเหนียงมองดูสบู่ เอ่ยถามด้วยความสงสัย “นี่คือสบู่? ”
“ใช่”
“สบู่จากที่ไหนกัน? ” ฮวาเหนียงรับมาหนึ่งก้อน สัมผัสผิวภายนอกที่เรียบลื่น ก่อนนำมาตรงจมูกเพื่อสูดดม กลิ่นหอมสดชื่นลอยแตะจมูก ฮวาเหนียงดวงตาลุกวาวทันที “สบู่ของเจ้าเป็นกลิ่นอะไร เหตุใดถึงหอมเช่นนี้? ”
“นี่คือสบู่ดอกจินหยิน ในสบู่มีน้ำดอกไม้ของดอกจินหยิน ใช้อาบน้ำในฤดูร้อน ไม่เพียงสามารถคลายร้อนล้างพิษ ยังสามารถทำให้ผิวชุ่มชื้นขจัดความแห้งกร้าน ดีต่อผิวเป็นอย่างมาก” เซี่ยยวี่หลัวเอ่ยวาจาชื่นชมไม่หยุด ชมสบู่ดอกจินหยินไม่ขาดปาก
ฮวาเหนียง “ฤดูร้อนเหงื่อออกเยอะแล้วบนกายจะมีตุ่มแดงขึ้นไม่น้อย สามารถใช้ล้างได้หรือไม่? ”
“ใช้ล้างได้ สบู่ดอกจินหยินก้อนนี้สามารถชำระล้างสิ่งสกปรกบนร่างกายได้ ทำให้รู…” เซี่ยยวี่หลัวกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง กลืนคำว่า รูขุมขน กลับเข้าไป “ทำให้ผิวสะอาด ช่วยให้ไม่เกิดตุ่มแดงได้ง่ายๆ”
ฮวาเหนียงรู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก “เช่นนั้นคืนนี้ข้าจะลองดู? ”
“ได้ ที่นี่ยังมีอีกหลายก้อน ท่านลองใช้ดูว่าเป็นเช่นไร” เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมกล่าว
“สบู่เหล่านี้มาจากไหนกัน? ในเมืองโยวหลันของเรามีร้านขายสบู่ แต่ไม่ได้ขายสบู่ที่มีกลิ่นหอมเช่นนี้ สบู่ของเจ้าช่างประหลาดนัก ซื้อมาจากจังหวัดจิ้นชางเช่นนั้นหรือ? ” ฮวาเหนียงสูดดมอีกครั้ง กลิ่นหอมลอยมาแตะจมูก ฝีมือการทำสบู่ถือว่าละเอียดประณีต ทั้งเมืองโยวหลันเกรงว่าคงไม่มีของเช่นนี้ขาย คาดว่าคงซื้อมาจากเมืองใหญ่
เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมกล่าว “ไม่ได้ซื้อมา”
ฮวาเหนียงเงยหน้าขึ้นมองเซี่ยยวี่หลัวแวบหนึ่ง กล่าวด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย “เช่นนั้นสบู่นี่…”
“ข้าทำเอง” เซี่ยยวี่หลัวหัวเราะเบา
คราวนี้ฮวาเหนียงรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง “อะไรนะ เจ้าทำเอง? สบู่นี่เจ้าทำเองหรือ? ”
เซี่ยยวี่หลัวพยักหน้า “ข้าทำเอง”
ฮวาเหนียงไม่อยากจะเชื่อ เพียงกล่าวว่าเจ้ารอข้าก่อน จากนั้นหยิบสบู่ก้อนหนึ่งวิ่งออกไป เมื่อกลับมาอีกครั้ง มือก็เปียกชุ่ม สบู่ในมือก็เปียกเช่นกัน
“สบู่นี่เจ้าเป็นคนทำจริงหรือ? ” ฮวาเหนียงจับมือเซี่ยยวี่หลัวไว้ ตื่นเต้นจนแทบพูดไม่เป็นประโยค “เจ้า… เจ้าทำสบู่เป็นด้วยหรือ สบู่นี่ทั้งลื่นทั้งหอม ล้างมือได้สะอาด ทั้งยังไม่แห้ง ยวี่หลัว ทำไมเจ้าถึงเก่งกาจเช่นนี้! นอกจากจะวาดแบบลายเป็นแล้ว ยังทำสบู่เป็นด้วย”
เซี่ยยวี่หลัวยิ้มด้วยความเขินอาย “ข้าเพียงแค่ได้ยินมาว่าดอกจินหยินนี่มีสรรพคุณบางอย่าง จึงคิดว่าหากนำมาผสมในสบู่ อาจดีขึ้นหรือไม่ ข้าลองใช้สบู่นี่แล้ว ดีมากทีเดียว ใช้อาบแล้วรู้สึกร่างกายสะอาดสะอ้าน ชุ่มชื้นและสดชื่น”
ฮวาเหนียงชูนิ้วโป้ง “ใช่ๆๆ ใช้ได้ ใช้ได้ ล้างแล้วมือทั้งสะอาด ทั้งยังชุ่มชื้น หอมด้วย แม่นางน้อย ในหัวของเจ้าใส่อะไรไว้บ้างนะ มักจะทำสิ่งที่ทำให้คนอื่นรู้สึกตกใจอยู่เรื่อย”
“เช่นนั้นสามารถขายได้หรือไม่? ” เซี่ยยวี่หลัวเอ่ยถามด้วยความยินดีอย่างเปี่ยมล้น
ฮวาเหนียงพยักหน้าด้วยความมั่นใจ “ได้ สบู่นี่ต้องขายดีแน่นอน”
“ได้ ฮวาเหนียง สบู่นี่ฝากขายที่ท่านก่อน”
“เจ้าคิดจะขายก้อนละเท่าไร? ” ฮวาเหนียงเอ่ยถาม
เซี่ยยวี่หลัวส่ายหน้า “ข้าก็ไม่เคยขายเจ้าสิ่งนี้มาก่อน ไม่แน่ใจว่าราคาเท่าไร ฮวาเหนียง หากท่านรู้ก็ช่วยกำหนดราคาให้ข้าแล้วกัน! ” เซี่ยยวี่หลัวกล่าวอย่างถ่อมตน
ฮวาเหนียงกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง ยื่นนิ้วออกมาสองนิ้ว “สบู่ทั่วไปก้อนละสิบอีแปะ สบู่ดอกจินหยินของเจ้า ต้องขายก้อนละยี่สิบอีแปะ”
เซี่ยยวี่หลัวพยักหน้า “ได้! ”
นางนำสบู่มาทั้งหมดสิบสองก้อน มอบให้ฮวาเหนียงสองก้อน ฮวาเหนียงรับไว้ด้วยความยินดี นำสบู่สิบก้อนใส่ไว้ในตะกร้าเล็ก วางไว้หน้าโต๊ะคิดเงิน เช่นนี้ตอนลูกค้าดูสินค้า ก็สามารถเห็นสบู่บนโต๊ะคิดเงิน มองแวบเดียวก็เห็นแล้ว
เซี่ยยวี่หลัวส่งของเสร็จจึงออกไป
นางยังต้องไปซื้อปิงถังหูหลู่ ทั้งยังต้องซื้อขนมกุ้ยฮวา และซื้อเนื้อหมู นอกจากนั้น นางยังคิดจะซื้อข้าวของอย่างอื่นด้วย