เซียวยวี่ออกจากห้องหนังสือซานเว่ย ก็มุ่งตรงไปยังเยียนจือเก๋อ
เยียนจือเก๋อเป็นร้านขายเครื่องประทินโฉมที่ดีที่สุดในเมืองโยวหลัน เซียวยวี่รู้ว่าสิ่งที่สตรีใช้ทาบนใบหน้านั้นสำคัญยิ่ง และกิจการของเยียนจือเก๋อก็ดีที่สุดในเมืองโยวหลัน ชื่อเสียงดีที่สุด เช่นนั้นของในร้านนี้น่าจะดีที่สุด
เข้าไปในเยียนจือเก๋อ เสื้อผ้าบนกายเซียวยวี่และบุคลิกท่าทางของเขาทำให้คนเห็นแล้วไม่อาจละสายตาได้ ไม่ใช่แค่ลูกจ้างหนุ่มในร้านที่เข้ามาล้อม แม้แต่เหล่าคุณหนูและหญิงครองเรือนอายุน้อยที่กำลังซื้อของอยู่ในร้านต่างก็แอบชำเลืองมองเซียวยวี่
ลูกจ้างหนุ่มกล่าวด้วยท่าทางเป็นกันเอง “คุณชาย ไม่ทราบว่าท่านต้องการซื้ออะไรบ้างขอรับ? จะมอบให้กับสตรีที่ชอบหรือขอรับ? ”
“มอบให้ภรรยาของข้า” เซียวยวี่กล่าว
พอได้ยินว่าจะมอบให้ภรรยา สีหน้าของหญิงสาวจำนวนหนึ่งจึงเปลี่ยนไปทันที
บุรุษหล่อเหลามาดเข้มเช่นนี้มีภรรยาแล้ว ไม่รู้ว่าภรรยาของเขารูปลักษณ์หน้าตาเป็นอย่างไรถึงได้คู่ควรกับคุณชายที่อยู่ตรงหน้า
ชายหนุ่มชูนิ้วโป้งทันที พร้อมกล่าววาจาน่าฟัง “คุณชายช่างรักฮูหยินเสียจริง ร้านของเรามีของที่ดีที่สุดในเมืองโยวหลัน มีเครื่องประทินโฉมทุกประเภท สิ่งที่ท่านต้องการร้านเรามีทั้งหมด”
เซียวยวี่ขานตอบทีหนึ่ง เขาต้องการร้านที่มีทุกอย่างพอดี “ข้าอยากลองดูฝางไซ่ซวาง”
ชายหนุ่มส่งเสียงอุทาน “หา” ทีหนึ่ง เหมือนจะไม่แน่ใจว่าตัวเองได้ยินอะไร “คุณชายบอกว่าอยากได้อะไรนะขอรับ? ”
เซียวยวี่กล่าวอีกครั้ง “ข้าอยากได้ฝางไซ่ซวาง! ”
“ฝางไซ่ซวาง? ” ชายหนุ่มทวนซ้ำ ก่อนกล่าวด้วยสีหน้ามึนงง “อะไรคือฝางไซ่ซวางขอรับ? ”
เมื่อเห็นชายหนุ่มไม่เข้าใจ เซียวยวี่จึงอธิบายโดยละเอียดอีกครั้ง “คือสิ่งที่ช่วยให้ตอนออกจากบ้าน ตากแดดแล้วจะไม่ดำคล้ำและไม่เป็นจุดด่างดำ ที่นี่ไม่มีหรือ? ”
“ข้าขายของที่เยียนจือเก๋อมาห้าถึงหกปีแล้ว ข้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเจ้าสิ่งนี้มาก่อนเลยขอรับ! ” ชายหนุ่มกล่าวหน้าเจื่อน
วาจาที่เขาเพิ่งกล่าวเมื่อครู่ถูกย้อนจนเขารู้สึกขายหน้า หากเรื่องนี้แพร่ออกไป ผู้คนคงครหาว่าเยียนจือเก๋อคุยโตโอ้อวดไม่ใช่หรือ?
เซียวยวี่ได้ยินว่าไม่มี จึงขมวดคิ้ว “ไม่มีจริงหรือ? ”
“อย่าว่าแต่ไม่มีเลย ข้าไม่เคยได้ยินฝางไซ่ซวางที่ท่านกล่าวถึงด้วยซ้ำ! ” ชายหนุ่มแบมือ “คุณชาย สิ่งที่ท่านกล่าวถึงข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน ที่นี่ไม่มี ข้ารับรองว่า ที่อื่นก็ไม่มีแน่นอน”
เซียวยวี่มองชายหนุ่มแวบหนึ่ง ไม่ได้กล่าวอะไร เพียงกล่าวว่ารบกวนแล้วก่อนออกไป
ชายหนุ่มแลบลิ้นใส่ ภายในใจก็นึกสงสัยว่าคนผู้นี้อาจมาเพื่อก่อกวนก็เป็นได้ จู่ๆ เสียงน่าเกรงขามก็ดังขึ้นจากด้านหลัง “ลูกค้าคนเมื่อครู่นี้ต้องการอะไร? ”
ชายหนุ่มหันไปก็เห็นเถ้าแก่มา รีบกล่าว “เขาบอกว่าต้องการฝางไซ่ซวางขอรับ บอกว่าสามารถป้องกันไม่ให้แดดเผาจนดำคล้ำ ทั้งยังป้องกันจุดด่างดำได้”
หยางเยี่ยนขมวดคิ้ว “ฝางไซ่ซวาง? นั่นคือสิ่งใด? ”
เห็นหรือไม่ แม้แต่เถ้าแก่ที่มีความรู้กว้างขวางยังไม่รู้ว่านั่นคือสิ่งใด แล้วเขาจะรู้ได้อย่างไร ไม่แน่ว่าอาจเป็นเพียงคำพูดเหลวไหลเพ้อเจ้อของลูกค้าท่านนั้นก็เป็นได้!
“ลูกค้าท่านนั้นพูดจาเหลวไหลแน่ขอรับ! ”
หยางเยี่ยนเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “เจ้าเชิญลูกค้าท่านนั้นเข้ามาคุย” เขามีเวลาพอดี “พาไปห้องรับรองของข้า”
กล่าวจบ หยางเยี่ยนไพล่มือคู่ไว้ด้านหลัง เลิกม่านขึ้นเดินไปยังลานด้านหลัง
เพิ่งเข้าไปในห้อง เสียงที่คุ้นเคยก็ดังมาจากด้านใน “เถ้าแก่หยาง”
พอได้ยินเสียงนั้น สีหน้าของหยางเยี่ยนที่เมื่อครู่ยังดูน่าเกรงขามพลันแปรเปลี่ยนเป็นเคารพนอบน้อมเสียยิ่งกว่าอะไร รีบก้มหน้าสาวเท้าก้าวเดินเข้าไปในห้องด้านในอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นบุรุษวัยหนุ่มที่แต่งกายด้วยชุดหรูหราที่นั่งอยู่ตรงตำแหน่งหลัก ก็คุกเข่าลง “คุณชาย…”
เซียวยวี่เพิ่งเดินออกจากประตูใหญ่ ก็ถูกชายหนุ่มที่พุ่งพรวดออกมาขวางไว้ คราวนี้เขากล่าวอย่างนอบน้อม “คุณชาย โปรดรอก่อน เถ้าแก่ของข้าบอกว่าอยากพบท่านขอรับ”
เซียวยวี่ไม่เข้าใจ “เถ้าแก่ของเจ้าอยากพบข้า? ”
ชายหนุ่มกล่าวด้วยความนอบน้อม “ฝางไซ่ซวางที่คุณชายกล่าวถึงเมื่อครู่นี้ เถ้าแก่ของข้ารู้สึกสนใจ จึงอยากเชิญคุณชายไปพูดคุยด้วยขอรับ”
เซียวยวี่มองชายหนุ่มแวบหนึ่ง เข้าใจเจตนาของเถ้าแก่ผู้นั้นทันที เขาถอยหลังไปสองก้าว กล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา “เพียงแค่ได้ยินมาเท่านั้น ข้าก็ไม่รู้ จึงลองถามดู”
กล่าวจบ ไม่รอให้ชายหนุ่มกล่าวอะไรอีก หันขวับเดินไปทันที
เขาเดินจากไป ชายหนุ่มไม่อาจรั้งตัวไว้ได้ จึงไปยังลานด้านหลังด้วยสีหน้าอมทุกข์
เพิ่งเข้าไปในห้อง เสียงหนึ่งที่แฝงเร้นด้วยความวิตกก็ดังจากด้านใน “ใคร? ”
ชายหนุ่มตกใจจนแทบกระโดดขึ้น รีบกล่าว “เถ้าแก่ ข้าเองขอรับ! ”
หยางเยี่ยนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่เขาให้ชายหนุ่มคนหนึ่งมาหา เขามองบุรุษที่นั่งอยู่แวบหนึ่ง ก่อนกล่าวเป็นเชิงขอความเห็น “คุณชาย? ”
คุณชายท่าทางสูงศักดิ์พยักหน้า ไม่ได้กล่าวอะไร
หยางเยี่ยนเพียงตะโกนให้เข้ามา ชายหนุ่มเข้ามาด้วยท่าทางหวั่นเกรง
เมื่อครู่ไม่รู้เพราะเหตุใด เสียงตะโกนเรียกของเถ้าแก่ ทำให้เขาตกใจจนขวัญกระเจิง
หลังจากเข้ามา ก็เห็นเถ้าแก่ของตนเองกำลังรับใช้บุรุษวัยหนุ่มผู้หนึ่งที่สวมใส่ชุดสีดำด้วยความเคารพ บุรุษผู้นั้นรูปลักษณ์ธรรมดา เป็นประเภทที่เดินอยู่ในฝูงชนแล้วไม่อาจหาพบ แต่กลับดูมีพลังอำนาจบีบคั้น มองแวบเดียวก็รู้สึกหนาวสะท้าน
ไม่คุ้นหน้าเลย ชายหนุ่มไม่เคยพบเขามาก่อน
แต่เถ้าแก่ของตนเองยังเคารพคุณชายวัยหนุ่มผู้นั้นถึงเพียงนี้ ดูท่าคงเป็นบุคคลที่แม้แต่เถ้าแก่ก็ไม่กล้าล่วงเกิน
ชายหนุ่มไม่กล้ามองด้วยซ้ำ หลังจากเข้ามาเพียงมองผ่านแวบหนึ่งอย่างรวดเร็วก็รีบก้มหน้าลง กล่าวด้วยความนอบน้อม “เถ้าแก่ คุณชายท่านนั้นไปแล้วขอรับ เขาบอกว่าของสิ่งนั้นเขาก็เพียงแค่เคยได้ยินมาเท่านั้น”
ตอนนี้หยางเยี่ยนไม่มีเวลาแล้ว เขาโบกมือพร้อมกล่าวว่าไปได้ ชายหนุ่มรีบเดินออกไป
ภายในห้องเหลือเพียงแค่สองคน
หยางเยี่ยนแสดงท่าทางเคารพนอบน้อม ปล่อยมือคู่ให้ลู่ลงตรงหน้า ก้มตัวเล็กน้อย ท่าทางหวาดหวั่น
คุณชายตรงหน้ามีพลังอำนาจบีบคั้นเกินไป เพียงปรายตามองมา ก็เหมือนจะเอาชีวิตอีกฝ่ายได้ทุกเมื่ออย่างไรอย่างนั้น
บุรุษท่าทางเย็นชามองหยางเยี่ยนแวบหนึ่ง จับถ้วยชาหยกขาวในมือเล่นต่อ นิ้วมือเรียวยาว ปลายนิ้วและฝ่ามือมีผิวด้านหนา เหมือนคนถือกระบี่มานาน
เขาทำทีเป็นจับถ้วยชาสีขาวดุจน้ำนมอย่างไม่ใส่ใจ ในนั้นมีชาลู่อันกวาเพี่ยน[1] สีเขียวมรกตมันวาว กลิ่นหอมสดชื่น รสชาติสดใหม่
ไม่ได้ดื่มชาดีเช่นนี้มานานแล้ว
“เถ้าแก่หยาง เรื่องที่คุยกับท่านครั้งก่อน ท่านพิจารณาถึงไหนแล้ว? ” บุรุษท่าทางเย็นชาเอ่ยถาม วาจาของเขาฟังดูเย็นชา เย็นเยียบจนทำให้รู้สึกหนาวสะท้าน
หยางเยี่ยนไม่กล้าล่วงเกิน ก้มตัวกล่าวด้วยท่าทางต้อยต่ำ “คุณชาย เรื่องนี้ ข้าทำไม่ได้จริงๆ ถึงแม้กิจการของเยียนจือเก๋อจะใหญ่ แต่ให้ซื้อน้ำดอกไม้หลายร้อยถังในคราเดียว เรื่องนี้…”
บุรุษผู้นั้นวางถ้วยชาลง เกิดเสียงตึงพร้อมพูดขัดหยางเยี่ยน “ความหมายของเถ้าแก่หยางคือ…”
หยางเยี่ยนก้มศีรษะจนแทบจะถึงอก “ข้าเป็นเพียงพ่อค้าธรรมดา ลองคิดดูว่าในเมืองโยวหลัน มีชาวบ้านเพียงหนึ่งแสนคน ไม่นับรวมบุรุษ เด็กเล็ก และคนชรา สตรีที่มีอายุเหมาะสม และอยู่ในครอบครัวที่มีฐานะดีพอจะซื้อเครื่องประทินโฉม บางทีอาจมีไม่ถึงหนึ่งพันคนด้วยซ้ำ ให้ร้านเล็กๆ ของข้าซื้อน้ำดอกไม้หลายร้อยถังในคราเดียว ข้าจะขายให้ใครได้? นอกจากจะเก็บไว้ในโกดังสินค้าปล่อยให้เน่าเหม็นจนขึ้นรา ข้าน้อยก็ไม่รู้ว่าจะขายให้กับใครแล้ว! คุณชายกำลังทำให้ข้าน้อยลำบากใจไม่ใช่หรือ? ”
“เช่นนั้นความหมายของท่านคือ ท่านไม่อยากร่วมงานกัน? ” ใบหน้าของบุรุษชุดดำที่ดูธรรมดาฉายประกายอาฆาต แววตาเย็นเยียบจนทำให้รู้สึกขวัญหนีดีฝ่อ
“ต้องขออภัยที่ไม่อาจทำตามได้” หยางเยี่ยนประสานมือ กัดฟันปฏิเสธ
บุรุษผู้นั้นลุกขึ้น เพ่งมองหยางเยี่ยนด้วยแววตาเย็นเยียบทีหนึ่ง จากนั้นจึงเดินจากไปโดยไม่หันกลับมาด้วยซ้ำ
พูดคุยจนเข้าใจกันแล้ว หยางเยี่ยนจึงไม่เกรงกลัวอีก “น้อมส่งคุณชาย คุณชายค่อยๆ เดิน”
บุรุษชุดดำเดินไปไกลแล้ว แต่ก็ยังหูไวพอจะได้ยินวาจาของหยางเยี่ยน ใบหน้าของเขาที่มีรูปลักษณ์ธรรมดาพลันทำหน้ามุ่ย
เมื่อเห็นว่าเขาเดินไปไกลแล้ว ความรู้สึกกดดันหายไปไม่น้อย หยางเยี่ยนจึงผ่อนลมหายใจยาวด้วยความโล่งอก
คุณชายผู้นี้ไม่รู้ว่ามีชื่อเสียงเรียงนามว่ากระไร เคยพบกันเพียงสองครั้ง ครั้งแรกที่พบกันบอกว่าอยากร่วมงาน เห็นว่าเขามีน้ำดอกไม้หลายร้อยถัง ต้องการขายให้เยียนจือเก๋อ ทั้งยังต้องการขายให้ทั้งหมดในคราเดียวด้วย
เยียนจือเก๋อมีโรงผลิตของตัวเอง ย่อมต้องใช้น้ำดอกไม้ น้ำดอกไม้สามารถใช้ทำแป้งหอม ทำแป้งสี ทั้งยังสามารถทำเป็นหนิงลู่[2]และเกาจือ[3]ได้ เพียงแต่ เมืองโหยวหลันเล็กเช่นนี้ ปริมาณน้ำดอกไม้ที่ต้องใช้จึงน้อย จะใช้ครั้งหนึ่งหลายร้อยถังได้อย่างไร
หยางเยี่ยนคิดจะปฏิเสธไปทันที แต่เพราะพลังอำนาจที่สัมผัสได้จากตัวคนผู้นั้นบีบคั้นเกินไป หยางเยี่ยนไม่กล้าล่วงเกินเขา ได้แต่ใช้กลยุทธ์ถ่วงเวลา บอกว่าขอพิจารณาดูก่อน ใครจะรู้ว่ายังผ่านไปไม่ถึงสองวัน คนผู้นั้นกลับมาอีกครั้ง
หยางเยี่ยนตกใจจนขาอ่อน แต่เพื่อเยียนจือเก๋อ เขายังคงปฏิเสธการร่วมงานกับบุรุษชุดดำไป คนผู้นี้น่าจะไม่กลับมาอีกแล้ว
ไม่มาอีกก็ดี
บุรุษชุดดำออกจากเยียนจือเก๋อ มาถึงข้างรถม้าที่ดูเรียบง่ายธรรมดาซึ่งจอดอยู่ตรงหัวมุมไม่ห่างนัก เขายังคงมีสีหน้าเย็นชา แต่วาจากลับเต็มไปด้วยความเคารพนอบน้อม “คุณชาย หยางเยี่ยนไม่ยอมร่วมงานกับเราขอรับ”
ไม่มีเสียงจากด้านใน ผ่านไปครู่ใหญ่จึงมีเสียงเรียบสงบดังขึ้น “ไปกัน”
เหมือนจะอยู่ในความคาดหมายอยู่แล้ว
บุรุษชุดดำตกใจเล็กน้อย “คุณชาย…” ท่านจะปล่อยหยางเยี่ยนไปเช่นนี้หรือ?
เสียงหนึ่งดังขึ้นจากภายในรถม้า “ในเมื่อหยางเยี่ยนไม่ตกลงร่วมงาน เจ้าคิดว่าเรายังมีความจำเป็นต้องเสียเวลากับเขาอีกหรือ? คิดหาวิธีขายของเหล่านั้นให้หมดถึงจะสำคัญที่สุด”
บุรุษชุดดำไม่กล่าวอะไรอีก ก้มหน้าไม่ส่งเสียงใดๆ จากนั้นจึงกระโดดขึ้นรถม้า ง้างแส้ตีม้า รถม้าเคลื่อนไปอย่างรวดเร็ว
สายลมพัดผ่าน โบกพัดม่านรถม้าสีขาวจนโบกพลิ้ว เผยให้เห็นใบหน้าด้านข้างขาวเนียน สันจมูกโด่ง ริมฝีปากบางเม้มอยู่ คิ้วเข้มขมวดจนมุ่น เป็นใบหน้าด้านข้าง เพราะเม้มปากอยู่ จึงเผยให้เห็นลักยิ้มที่เห็นได้ชัด
เข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว น้ำดอกไม้จะเก็บไว้เป็นเวลานานไม่ได้ หากไม่รีบขายออกไปโดยเร็ว น้ำดอกไม้ที่เขาทุ่มเงินทั้งหมดที่มีเพื่อซื้อมาก็จะทำให้เขาขาดทุนจนย่อยยับ
เดิมนึกว่า อาศัยน้ำดอกไม้หลายร้อยถังคงเพียงพอจะสั่งสมทรัพย์สินได้บ้าง เมื่อกลับไปยังบ้านนั้นอีกครั้ง ก็จะไม่โดนดูถูกเหยียดหยาม ไม่ต้องถูกคนดูแคลนอีก
ทว่า ความคิดมักจะดูดี ความจริงกลับโหดร้ายยิ่ง เขาไม่มีพรสวรรค์ด้านการค้าขายแม้แต่น้อยจริงหรือ?
เขาเป็นคนไร้ประโยชน์ที่สุด มิน่าล่ะ ถึงได้กลายเป็นคนที่โดนตระกูลทอดทิ้งโดยไม่คิดไตร่ตรองด้วยซ้ำ
—————————
เชิงอรรถ
[1] ลู่อันกวาเพี่ยน คือ ชาชนิดหนึ่งจากเมืองลู่อัน
[2] หนิงลู่ คือ เครื่องประทินโฉม ลักษณะคล้ายครีม แต่เหลวกว่าและเบาบางกว่า
[3] เกาจือ คือ เครื่องประทินโฉม ลักษณะคล้ายครีม