ถึงแม้จะมึนงง แต่จับตัวได้ย่อมเป็นเรื่องดี หลี่ซวีลังเลเพียงครู่เดียว ก่อนจะมัดตัวไว้อย่างแน่นหนา
จับมัดเสร็จย่อมต้องมากล่าวขอบคุณ พอเห็นว่าคนที่เตะหัวขโมยจนหมดสติเป็นหญิงครองเรือนอายุน้อยรูปร่างบอบบางผู้เลอโฉม ก็กล่าวด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ “ฮูหยินท่านนี้ เจ้าหัวขโมยนี่ ท่านเป็นคนเตะจนหมดสติจริงหรือ? ”
เซี่ยยวี่หลัวกล่าวอย่างเรียบสงบ “ใช่เจ้าค่ะ”
เหยาชิ่งกุ้ยอายุค่อนข้างมาก อายุสี่สิบกว่าปี เป็นหลี่ซวีของเมืองโยวหลันมายี่สิบกว่าปีแล้ว ชายหนุ่มอายุน้อยอีกคนที่ตามอยู่ข้างกายคือหลานชายของเขา เหยาต้าไห่ อายุยี่สิบกว่าปี
ทั้งสองคนวิ่งจนหายใจเหนื่อยหอบ แทบจะหายใจไม่ทัน
“ท่านช่วยพวกเราได้มากทีเดียว เจ้าหัวขโมยคนนี้ พวกเราตามจับมาสองเดือนกว่าแล้ว ไม่สามารถจับตัวขณะก่อเหตุได้เลย นึกว่าครั้งนี้จะปล่อยให้หนีรอดไปได้อีก ยังดีที่ได้ฮูหยินช่วยเหลือ ช่วยพวกเราจับเจ้าหัวขโมยไว้ได้” เหยาชิ่งกุ้ยดีใจจนกระโดดโลดเต้น แทบจะคุกเข่าให้เซี่ยยวี่หลัว
เซี่ยยวี่หลัว “ไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ ช่วยทางการรักษาความสงบของสังคมร่วมกัน เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบที่ประชาชนอย่างเราพึงกระทำ”
เหยาชิ่งกุ้ยได้ฟังดังนั้น ก็ชูนิ้วโป้งขึ้น “ฮูหยิน ท่านช่างมีความรับผิดชอบสูงจริง หากในเมืองโยวหลันของเรามีคนกล้าหาญเยี่ยงท่านมากกว่านี้ ที่นี่จะยังมีหัวขโมยได้อย่างไร! ”
ชาวบ้านที่มุงดูอยู่รอบข้างต่างก็ชูนิ้วโป้งให้เซี่ยยวี่หลัว “ฮูหยินเยี่ยมไปเลย”
“จริงด้วย คิดไม่ถึงว่าฮูหยินผู้นี้ดูอ่อนแอบอบบาง เตะเพียงครั้งเดียว จะมีพละกำลังมากถึงเพียงนี้”
หญิงชาวบ้านที่โดนขโมยเงินเห็นว่าได้ถุงเงินของตัวเองกลับคืนมาแล้ว ก็รู้สึกขอบคุณเซี่ยยวี่หลัวอย่างเหลือล้น ทั้งยังจะมอบเงินในถุงเงินให้เซี่ยยวี่หลัวเป็นการขอบคุณ เซี่ยยวี่หลัวไม่ได้รับไว้
หญิงชาวบ้านผู้นั้นกล่าวขอบคุณก่อนจากไป
เหยาชิ่งกุ้ยให้เหยาต้าไห่นำตัวหัวขโมยกลับไปส่งก่อน ส่วนเขาอยู่ต่อเพื่อสอบถามเรื่องบางอย่างจากเซี่ยยวี่หลัว “ขอทราบชื่อเสียงเรียงนามของฮูหยิน? ”
“อ่อ สามีของข้าแซ่เซียวเจ้าค่ะ” เซี่ยยวี่หลัวกล่าวอย่างเรียบง่าย จากนั้นจึงหันกลับไปหาเซียวยวี่
ใครจะคาดคิดว่าเซียวยวี่ยืนอยู่ข้างหลังนาง ทำให้เซี่ยยวี่หลัวตกใจสะดุ้ง “อ้อ นี่คือสามีของข้าเจ้าค่ะ”
เหยาชิ่งกุ้ยยังอยากถามอะไรบางอย่างอีก เซี่ยยวี่หลัวกลับดึงตัวเซียวยวี่ไปทันที
“เฮ้ ท่านบอกก่อนว่าท่านอาศัยอยู่ที่ใด…” เหยาชิ่งกุ้ยยังจะไล่ตามมา เซี่ยยวี่หลัววิ่งเร็วกว่าเขามาก ดึงเซียวยวี่เข้าไปหลบในตรอกเล็กข้างๆ หลบให้พ้นเหยาชิ่งกุ้ย
“เหตุใดเจ้าต้องหลบเขาด้วย? ” เซียวยวี่ขมวดคิ้วพร้อมเอ่ยถาม
เซี่ยยวี่หลัวเห็นเหยาชิ่งกุ้ยวิ่งไปไกลแล้ว จึงกล่าวอย่างเรียบสงบ “มีอะไรน่าพูดกัน”
ถือเป็นคนที่ไม่ให้ความสำคัญกับชื่อเสียงเงินทอง
เซียวยวี่ “เจ้ารู้หรือไม่ กฎหมายข้อหนึ่งของต้าเยว่บัญญัติไว้ ชาวบ้านทั่วไปที่มีคุณความดีช่วยเหลือทางการคลี่คลายคดี จะได้รับรางวัลจากทางการ เขาต้องการสอบถามเจ้า คาดว่าทำไปเพื่อช่วยขอรับรางวัลให้เจ้า”
เซี่ยยวี่หลัวโบกมืออย่างไม่สนใจแม้แต่น้อย “ไม่จำเป็น แค่จับหัวขโมยเท่านั้น ไม่ใช่ความดีความชอบใหญ่หลวงอะไรเสียหน่อย”
เซียวยวี่มองเซี่ยยวี่หลัวอย่างตั้งใจ พร้อมกัดริมฝีปากเบาๆ
เหยาชิ่งกุ้ยวิ่งผ่านถนนสองสายก็ยังหาไม่พบ ได้แต่กลับไปรายงานเหตุการณ์
ระหว่างทาง ทุกคนได้ยินว่าหัวขโมยในเมืองโยวหลันถูกจับตัวแล้ว ต่างก็มาสอบถาม
เหยาชิ่งกุ้ยหัวเราะพร้อมตอบไปตลอดทาง “จับได้แล้ว จับได้แล้ว ต่อไปทุกคนเดินบนท้องถนนอย่างวางใจได้ ไม่มีหัวขโมยอีกแล้ว”
“เหยาหลี่ซวี ท่านช่างเก่งกาจเสียจริง หัวขโมยที่เหลี่ยมจัดถึงเพียงนั้นยังถูกท่านจับได้ คราวนี้พวกเราก็วางใจแล้ว” ชาวบ้านรอบข้างชูนิ้วโป้งขึ้น
เหยาชิ่งกุ้ยหาใช่คนที่ชอบเอาหน้า จึงกล่าวตามตรง “ยังดีที่เมืองโยวหลันของเรามีคนจิตใจดีคนหนึ่ง วันนี้หากไม่ใช่เพราะเขา เกรงว่าคงจับหัวขโมยไม่ได้”
“บุรุษในเมืองโยวหลันของเราล้วนยอดเยี่ยม”
“ไม่ใช่บุรุษ เป็นฮูหยินท่านหนึ่ง อายุสิบห้าถึงสิบหกปี รูปร่างหน้าตางดงามราวเทพธิดา นางเพียงยกขาเตะไปทีเดียว แม่เจ้า เก่งกาจเสียจริง นางเตะขาได้สูงกว่าศีรษะเสียอีก เตะทีเดียวหัวขโมยนั่นก็หมดสติไปเลย ไม่อย่างนั้นพวกเราคงจับตัวไว้ไม่ได้”
“อัยยะ เป็นแม่นางท่านหนึ่งหรือนี่? แม่นางจากบ้านไหนในเมืองโยวหลันของเราที่เก่งกาจถึงเพียงนี้! ”
“กำลังจะสอบถามพวกท่านอยู่พอดี เคยได้ยินหรือไม่ว่าบ้านไหนที่แซ่เซียว แม่นางท่านนั้นเป็นภรรยาในบ้านนั้น สามีของนางรูปลักษณ์หล่อเหลาประหนึ่งพานอัน แม่นางน้อยก็รูปโฉมงดงามเยี่ยงเทพธิดา หากใครรู้ว่าครอบครัวนี้เป็นผู้ใด ก็ไปบอกข้าที่บ้านด้วย” เหยาชิ่งกุ้ยกล่าว
“ได้ได้ได้ ทำความดีไม่ทิ้งชื่อเสียด้วย ฮูหยินท่านนี้ยอดเยี่ยมเสียจริง เหยาหลี่ซวี ท่านวางใจได้ พวกเราต้องหาฮูหยินน้อยท่านนั้นให้พบ” ฝูงชนรอบข้างต่างเอ่ยชมไม่ขาดปาก บอกว่าจะช่วยเหยาชิ่งกุ้ยหาคน เหยาชิ่งกุ้ยจึงกลับไปรายงานอย่างสบายใจ
ผู้คนในเมืองโยวหลันก็มีวิถีชีวิตเรียบง่าย พอได้ยินว่าหัวขโมยในเมืองถูกจับตัวแล้ว คนผู้นั้นยังทำดีไม่ทิ้งชื่อ เพื่อขอบคุณผู้กล้า ต่างก็ระดมคนรอบตัว ค้นหาวีรสตรีทั่วเมือง
เวลานี้ ทั้งโรงน้ำชา และภัตตาคาร ขอเพียงเป็นสถานที่ที่มีคนอยู่มาก ผู้คนต่างกำลังค้นหาวีรสตรีแห่งครอบครัวตระกูลเซียวที่มีรูปโฉมงดงาม
“แซ่เซียว? ” ซ่งฝูกำลังยุ่งอยู่กับการต้อนรับลูกค้า ได้ยินลูกค้าแต่ละโต๊ะกล่าวถึงวีรสตรีในวันนี้ จึงเอ่ยถามตามเรื่องราว
“นางไม่ได้แซ่เซียว สามีของนางแซ่เซียว อายุยังน้อย รูปโฉมประหนึ่งเทพธิดา งดงามเสียยิ่งกว่าอะไร” ลูกค้าคนหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์กล่าวอย่างชื่นชม
ซ่งฝูผงะไป รูปโฉมงดงามประหนึ่งเทพธิดา สามีแซ่เซียว? หรือว่า วีรสตรีที่ทำความดีไม่ทิ้งชื่อจะเป็น…
“ฮูหยินผู้นั้นสูงประมาณนี้ใช่หรือไม่? ” ซ่งฝูรีบเอ่ยถาม
เซี่ยยวี่หลัวค่อนข้างสูง ในบรรดาสตรี ถือว่ารูปร่างสูง ทำให้จำได้ง่ายมาก
“ใช่แล้ว ตัวสูงมากทีเดียว พวกเจ้าไม่รู้ ตอนนั้นขาของนางราวกับจะก่อพายุได้อย่างไรอย่างนั้น เตะไปด้านบน สวรรค์ เตะขาสูงถึงเพียงนั้นได้อย่างไรกัน สูงกว่าศีรษะเสียอีก เตะหัวขโมยนั่นจนหมดสติไปทันที”
“เก่งกาจถึงเพียงนั้นเชียว คิดไม่ถึงเลยว่าสตรีที่บอบบางจะสามารถจับหัวขโมยได้ เก่งกาจ เก่งกาจเสียจริง! ”
“นี่ยังไม่เท่าไร นางทำความดีไม่ทิ้งชื่อเสียด้วย! ตอนนี้เหยาหลี่ซวีกำลังตามหานางไปทั่วเมือง หากพวกเจ้ารู้จัก ก็ไปบอกเหยาหลี่ซวีเสีย นางทำเรื่องดีถึงเพียงนี้ ควรจะได้รับรางวัล! ”
“ท่านซ่งน้อย ที่นี่มีคนไปมามากมาย ท่านต้องรู้จักคนจำนวนมากแน่นอน แม่นางท่านนั้น ท่านรู้จักหรือไม่? ”
ซ่งฝูทำหน้าราวกับเห็นภูตผีก็มิปาน “นางจับหัวขโมยเป็นด้วย? ”
ฟังจากวาจาของซ่งฝู มีคนเอ่ยถาม “ท่านซ่งน้อย ท่านรู้จักฮูหยินท่านนั้นหรือ? ”
ซ่งฝูหัวเราะอย่างเย็นชา “คนที่เก่งกาจถึงเพียงนั้น ข้าไม่รู้จัก! ”
“เร็วๆ รีบไปหยิบแป้งมาจากห้องเก็บของ จริงๆ เลย เก็บแป้งไว้ไกลถึงเพียงนั้น จะใช้ยังต้องวิ่งไปไกล ไม่สะดวกเอาเสียเลย เป็นความคิดของใครกัน! ” เสียงพ่อครัวก่นด่าดังขึ้นจากห้องครัว
ซ่งฝูส่งเสียงเย็นในลำคอทีหนึ่ง “ช่างเป็นคนชอบโอ้อวดเสียจริง แป้งหรือจะระเบิดได้ หากแป้งระเบิดได้ ข้าจะหักคอตัวเองลงมาเสีย”