เล่มที่ 10 บทที่ 271 ถ่ายเบาต่อหน้าเซียวยวี่

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

เซี่ยยวี่หลัวไม่ได้ถืออะไรเลย เดินตัวเบาตามอยู่ข้างหลังเซียวยวี่

เซียวยวี่หิ้วตะกร้าใบใหญ่ เดินนำอยู่ข้างหน้า ห่างจากเซี่ยยวี่หลัวเพียงสี่ถึงห้าก้าว

ระหว่างทาง ทั้งคู่ต่างไม่กล่าวอะไร เดินมุ่งหน้ากลับบ้านเช่นนี้

อาจเพราะตอนเช้าเซี่ยยวี่หลัวกินโจ๊กชามใหญ่ สตรีนั้นจะปวดถ่ายเบาได้ง่าย ไม่ได้เข้าห้องน้ำมาตลอดช่วงเช้า เซี่ยยวี่หลัวกลั้นไม่ไหวแล้ว

“คือ…” เซี่ยยวี่หลัวกลั้นมานาน แต่กลั้นจนเดินไม่ไหวแล้วจริงๆ จึงเอ่ยเรียกเซียวยวี่ที่อยู่ข้างหน้า

เซียวยวี่หยุดฝีเท้า หันกลับมา

เซี่ยยวี่หลัวสีหน้าขาวซีดเล็กน้อย รู้สึกเขินอาย ไม่ว่าอย่างไรนางก็เป็นสตรี ต้องบอกกับบุรุษว่าตัวเองอยากถ่ายเบา ช่างรู้สึกขัดเขินนัก

“คือ ข้าอยากถ่ายเบา…” เซี่ยยวี่หลัวกล่าวด้วยความเขินอายจนหน้าแดง

เซียวยวี่เข้าใจทันที เขาหันมองรอบข้าง บริเวณรอบข้างมีดงต้นไม้อยู่ไม่น้อย สามารถหาสถานที่ลับตาเพื่อปลดทุกข์ได้

เขาหาตำแหน่งที่มีต้นไม้ขึ้นหนาทึบ ชี้พร้อมกล่าว “ทางนี้”

กล่าวจบ ก็สาวเท้าก้าวเดินเข้าไปในดงต้นไม้

เซี่ยยวี่หลัวเห็นดังนั้น ก็ถึงกับตกใจสะดุ้ง

“คือ เจ้ารอข้าอยู่ตรงนี้เถอะ ข้าไปครู่หนึ่งก็จะกลับมา” เซี่ยยวี่หลัวกล่าวอย่างรีบร้อน

คงถ่ายเบาต่อหน้าท่านราชบัณฑิตน้อยไม่ได้กระมัง เขาไม่รังเกียจ แต่นางรังเกียจ!

เซียวยวี่หันกลับมา “ป่าผืนใหญ่ถึงเพียงนี้ ใบไม้ร่วงทับกันชั้นหนา เจ้าไม่กลัวว่าจะมีงูหรือ? ”

เซี่ยยวี่หลัวมองดูใบไม้ที่ร่วงทับกันชั้นหนา ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่งูออกมาเพ่นพ่าน หากเหยียบลงไป… ใครจะรู้ว่าจะรบกวนการพักผ่อนของงูหรือไม่!

“ได้ได้ได้! ” เซี่ยยวี่หลัวเกรงว่าเซียวยวี่จะคิดเปลี่ยนใจ จึงรีบกล่าวว่าได้ถึงสามครั้ง ท่าทางรีบร้อนนั่น ราวกับเกรงว่าเสี้ยววินาทีต่อไปเซียวยวี่จะคิดเปลี่ยนใจแล้วเดินจากไปอย่างไรอย่างนั้น

เซียวยวี่มองเซี่ยยวี่หลัวด้วยสีหน้าเรียบสงบแวบหนึ่ง ก่อนเดินไปโดยไม่หันกลับมามองอีก ในชั่วพริบตาที่หันไป ริมฝีปากของเซียวยวี่ที่เม้มปากแน่นอยู่ตลอดพลันตวัดขึ้นจนเผยให้เห็นเส้นโค้งดูดี แม้แต่แววตาที่เย็นเยียบ ก็อ่อนโยนขึ้นไม่น้อย

มีคนนำทางอยู่ข้างหน้า เซี่ยยวี่หลัวไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ตามอยู่ข้างหลังเซียวยวี่

จู่ๆ เซียวยวี่ก็หยุดฝีเท้า เซี่ยยวี่หลัวปวดถ่ายเบาจนไม่ทันสังเกต จึงชนเข้าใส่ คลำจมูกของตัวเองที่โดนชนจนเจ็บ เซี่ยยวี่หลัวไม่ค่อยเข้าใจนัก “เป็นอะไรไป? ”

เซียวยวี่ละสายตาจากสิ่งที่มองอยู่ รีบกล่าวว่าไม่มีอะไร จากนั้นจึงชี้ไปยังก้อนหินข้างๆ พร้อมกล่าว “ตรงนี้แล้วกัน”

ตรงนี้อยู่ห่างจากถนนเส้นใหญ่เล็กน้อย ทั้งยังมีหินก้อนหนึ่งพอดี ขนาดพอบังคนได้หนึ่งคน

เซี่ยยวี่หลัวก็คิดว่าสถานที่นี้ดีมาก ย่อตัวลงก็มองไม่เห็นแล้ว

เพียงแต่ ท่านราชบัณฑิตน้อย ท่านอย่ายืนทื่ออยู่ตรงนี้สิ ข้าจะถ่ายเบา!

เซียวยวี่ยืนอยู่ข้างกายเซี่ยยวี่หลัว อยู่ใกล้มาก ไม่มีเจตนาจะเดินจากไปเลยแม้แต่น้อย

เซี่ยยวี่หลัว “คือ… ข้าจะถ่ายเบา! ” หากไม่ถ่ายอีก ก็จะราดกางเกงแล้ว

เซียวยวี่ขานตอบทีหนึ่ง ไม่ขยับเขยื้อน

เซี่ยยวี่หลัวปวดจนแทบจะร้องไห้แล้ว “ข้า… ข้าจะถ่ายเบาแล้ว! ” เจ้ารีบไปสิ ไม่ไปข้าก็จะราดกางเกงแล้ว

เซียวยวี่ขานตอบ ยังคงไม่เคลื่อนไหว

เซี่ยยวี่หลัวปวดจนทนไม่ไหว “เจ้าหันไปได้หรือไม่? ข้าจะถ่ายเบาแล้ว” เจ้าอยู่ตรงนี้ ข้าจะถอดกระโปรงและกางเกงก็ไม่สะดวกนี่นา!

เซียวยวี่มองเซี่ยยวี่หลัวแวบหนึ่ง เห็นท่าทางที่นางปวดจนแทบร้องไห้ ก็รู้สึกทำตัวไม่ถูก “อ่อ”

จากนั้นจึงรีบหันตัวไป กลับหันไปโดยยืนอยู่ที่เดิม ไม่ได้เดินหลบไปแม้แต่น้อย

เซี่ยยวี่หลัวใช้มือข้างหนึ่งค้ำไว้บนก้อนหิน ปวดถ่ายเบาจนเริ่มอ่อนแรงแล้ว “เจ้าเดินไปอีกหน่อยได้หรือไม่? ” อยู่ใกล้ขนาดนี้ นางถ่ายเบาเขาย่อมได้ยินอย่างชัดเจน

ใครจะรู้ว่าเซียวยวี่ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย ยืนขวางอยู่ตรงนั้นราวกับกำแพงก็มิปาน “ข้าไม่ฟัง และจะไม่ดู” กล่าวจบ เขาวางตะกร้าในมือลง ใช้มือปิดหูไว้

เซี่ยยวี่หลัว “…” เจ้าจะทำอะไรกันแน่! สตรีจะถ่ายเบา เจ้าเป็นชายชาตรีกลับยืนทื่ออยู่ตรงนี้!

เกิดความรู้สึกปวดถ่ายเบาราวกับจะทะลักออกมาอีกครั้ง เซี่ยยวี่หลัวหนาวสั่น หากไม่ถ่ายเบาอีก ต้องราดกางเกงเป็นแน่ อย่างนั้นถึงจะน่าอับอายอย่างแท้จริง

เซี่ยยวี่หลัวไม่สนอะไรอีก เริ่มปลดกระโปรง พอปลดกระโปรงเสร็จ เซี่ยยวี่หลัวรีบย่อตัวลง

ระบายน้ำออกไปหมดอย่างยากลำบาก เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกสบายไปทั้งตัว

เซียวยวี่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย

เมื่อครู่เซี่ยยวี่หลัวพยายามกลั้นไว้ไม่ให้ตัวเองถ่ายเบาเสียงดังเกินไป เพ่งสมาธิกับการถ่ายเบาทั้งหมด ไม่ได้ยินเสียงเสียดสีที่ดังในตำแหน่งใกล้ๆ เลยแม้แต่น้อย

เซียวยวี่ยืนอยู่ข้างๆ ได้ยินอย่างชัดเจน และมองเห็นอย่างชัดเจน

งูที่มีขนาดลำตัวใหญ่เท่าแขนเด็กเล็กเลื้อยผ่านไปบนใบไม้ที่ร่วงหล่น น่าตกใจยิ่งนัก

ตอนมาเมื่อครู่ เซียวยวี่ก็เห็นงูตัวหนึ่งกำลังเลื้อยไป เซี่ยยวี่หลัวเดินตามข้างหลัง ไม่ทันเห็น

เซียวยวี่รู้ว่าเซี่ยยวี่หลัวกลัวงู ดังนั้นจึงไม่กล้าออกห่างจากนางแม้แต่ก้าวเดียว ถึงแม้นางจะถ่ายเบา เซียวยวี่ก็ไม่กล้าออกห่าง

หากนางเห็นงู จะรู้สึกกลัวเพียงใดกัน!

เซียวยวี่ยืนอยู่ข้างๆ บดบังทัศนวิสัยของเซี่ยยวี่หลัว ไม่ปล่อยให้นางเห็นงูอีกตัวหนึ่ง

ในผืนป่าแห่งนี้มีกิ่งไม้หักใบไม้ร่วงจำนวนมาก ตอนนี้เป็นช่วงเดือนห้า เป็นช่วงที่งูชนิดต่างๆ ออกมาเพ่นพ่าน หากไม่ระวังก็อาจเหยียบโดนงู

เซี่ยยวี่หลัวสวมใส่กระโปรงเสร็จ รู้สึกกระปรี้กระเปร่าไปทั้งตัว “ไปกันเถอะ”

เซียวยวี่พยักหน้า มองใบไม้ที่ร่วงโรยจนทับเป็นชั้นหนาทีหนึ่ง

เมื่อครู่นี้งูสองตัวล้วนเลื้อยออกมาจากกองใบไม้ อีกทั้งเมื่อครู่นี้เซี่ยยวี่หลัวกำลังปวดถ่ายเบา จึงไม่มีแก่ใจจะดู แต่คราวนี้…

เซียวยวี่ยื่นส่งตะกร้าให้เซี่ยยวี่หลัว “เจ้าถือไว้”

เซี่ยยวี่หลัวรับมา

จากนั้นจึงเห็นเซียวยวี่ย่อตัวลงเล็กน้อยตรงหน้านาง ทิ้งไว้เพียงแผ่นหลังให้นาง

เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกงุนงง “เจ้า…”

เซียวยวี่กล่าวอย่างเรียบสงบ “ขึ้นมา”

“…” ให้ข้าขึ้นไป ขึ้นไปทำไมเล่า? เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกไม่เข้าใจ “คือ ข้าเดินเองได้” ตอนนี้นางมีกำลังเหลือล้น จำเป็นต้องมีคนแบกที่ไหนกัน

เซียวยวี่จ้องมองเซี่ยยวี่หลัว กล่าวอีกครั้งด้วยสีหน้าจริงจัง “ขึ้นมา”

เซี่ยยวี่หลัว “…” อย่างน้อยเจ้าก็ควรบอกข้าว่าเหตุใดข้าถึงต้องขึ้นไปนี่นา “ข้าเดินเองได้จริงๆ”

เซียวยวี่ยังคงอยู่ในท่าย่อตัวเล็กน้อย หันกลับมามองเซี่ยยวี่หลัว กล่าวด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “ขึ้นมา! ”

ท่านราชบัณฑิตน้อยโมโหแล้ว แววตาช่างน่ากลัวนัก!

เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกหวั่นเกรงในใจ จึงขึ้นหลังเซียวยวี่อย่างว่าง่าย

เซียวยวี่เห็นนางว่าง่ายถึงเพียงนี้ จึงตวัดริมฝีปากแย้มรอยยิ้ม แบกเซี่ยยวี่หลัวเดินกลับตามเส้นทางเดิมที่เข้ามาเมื่อครู่

ถึงแม้เซี่ยยวี่หลัวจะถูกแบกอยู่ แต่ร่างกายแข็งเกร็ง รู้สึกไม่สบายตัวแม้แต่น้อย

ตะกร้าที่หิ้วไว้ในมือโยกไปมาอยู่ตรงหน้า เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกหงุดหงิดใจนัก มองดูเส้นทางออกจากผืนป่า คิดด้วยอารมณ์โมโห ทำไมทางสายนี้ถึงไกลนัก!