โลกมารเชื่อมต่อกับโลกมนุษย์ การเปลี่ยนแปลงของเสวียนเหมินในปัจจุบัน ทำให้มีมารจำนวนไม่น้อยต่างสนใจ มีมารจำนวนมากเดินทางมายังโลกมนุษย์ ตอนแรกพวกมันมักมาอย่างเงียบๆ ทำให้ประชาชนทั่วไปตกใจไม่น้อย
ต่อมาสำนักเทียนซือหารือกับราชามาร พวกเขาตกลงให้มีการเปิดใช้บัตรผ่านสำหรับท่องเที่ยวในประตูเสวียนเหมินบางเมือง ผู้ที่ถือบัตรนั้นสามารถเดินทางอยู่ภายในพื้นที่ที่กำหนด ส่วนการสอบบัตรนั้นเคร่งครัดอย่างมาก ทำให้โรงเรียนเสวียนเหมินมีเพื่อนฝึกเผ่ามารเพิ่มขึ้นจำนวนมาก
โลกสวรรค์ในช่วงนี้เงียบสงบเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาไม่ได้ก่อเรื่องอะไรขึ้น อวิ๋นเจี่ยวเองก็ไม่รีบ แผนการสิบปีของเธอดำเนินไปอย่างมีชัย ตอนนี้โลกสวรรค์ยิ่งสงบยิ่งมีผลดีต่อเสวียนเหมิน เมื่อรอจนโลกบนนึกขึ้นได้ เสวียนเหมินในตอนนั้นคงมีกำลังการต่อสู้แล้ว
อวิ๋นเจี่ยวกำลังวุ่นวายกับการสอบปลายภาคของปีสอง ในเวลานี้กลับมีคนที่คาดไม่ถึงมาหา
“อาจารย์อาหลง?” อวิ๋นเจี่ยวผงะไปเมื่อเห็นคนที่ปรากฏตัวในห้องตำรา จากนั้นเธอจึงเทน้ำชาแก้วหนึ่งส่งไปให้ “ท่านมาได้อย่างไร” ดูท่าทางอาจารย์ปู่ไม่ได้ปิดกั้นการรับรู้ตำแหน่งของชิงหยางต่ออาจารย์อาหลง แต่เมื่อคิดดูแล้ว อีกฝ่ายเฝ้าระวังปีศาจอยู่ในยมโลกอันตรายเกินไป หากเกิดเรื่องขึ้นมาอีกฝ่ายคงขอความช่วยเหลือไม่ได้
“เดี๋ยวก่อน!” แก้วชาในมือของอวิ๋นเจี่ยวยังไม่ทันยื่นออกไป หลงฉางพูดห้ามเสียงดัง พร้อมกับมองแก้วในมือเธอด้วยสีหน้าจริงจัง “เจ้าวางลงก่อน!”
“…” อวิ๋นเจี่ยวผงะ เกิดอะไรขึ้น เธอจึงทำได้เพียงวางแก้วชาลงบนโต๊ะ
คิ้วของหลงฉางขมวดมากขึ้น ก่อนจะหยิบผ้าสีขาวออกมาห่อแก้วชานั้นไว้ จากนั้นเทน้ำชาในแก้วทิ้ง พร้อมกับเช็ดแก้วใบนั้นรอบแล้วรอบเล่า จนกระทั่งผิวแก้วสะท้อนแสง จากนั้นจึงหยิบอีกใบขึ้นมา เช็ดจนกระทั่งสะท้อนแสง ถึงจะจัดวางไว้ด้านหน้าของตนเองอย่างพึงพอใจ พร้อมทั้งเทน้ำชาให้ตนเองสองแก้ว
“เอ่อ…” บ้าไปแล้ว อาการของท่านหนักแค่ไหนกัน
อวิ๋นเจี่ยวเดินกลับเข้าไปนั่งหน้าโต๊ะ เพื่อออกข้อสอบของเธอต่อไป “อาจารย์อามาครั้งนี้เพื่อเรื่องของครั้งก่อน? ได้เรื่องแล้ว?”
“อืม พอจะรู้เล็กน้อยแล้ว” หลงฉางพยักหน้า ก่อนจะหันไปมองตำราที่กองเท่าภูเขา ซ้ายเล่มหนึ่งขวาเล่มหนึ่ง กองเต็มไปทั้งโต๊ะและพื้น คิ้วของเขาขมวดมุ่นในทันที เขาเก็บขึ้นมาทีละเล่มอย่างควบคุมไม่ได้ จากนั้นเก็บเข้าไปในชั้นวางด้านข้าง พลางวางพลางตอบ “ที่เจ้าพูดไว้ไม่มีผิด เป็นฝีมือของพวกเทพบนโลกสวรรค์”
“อาจารย์อาสืบหาท่านเทพที่ชื่อหวาซูในประจิมสวรรค์แล้ว?”
“ยัง!” เขาพลางเก็บพลางคลี่มุมกระดาษที่ถูกพับไว้ออก “ศิษย์น้องสองก็กำลังสืบคนคนนั้น แต่อีกฝ่ายหลบซ่อนตัวอย่างดี พวกข้ายังไม่พบว่าเขามีความเกี่ยวข้องกับทักษิณสวรรค์ก่อนหน้านี้หรือไม่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องของลั่วคายหยวน เพียงแต่ระยะก่อนข้าไปยังหนองน้ำที่เจ้าบอกว่ามีมักกรน้ำเลี้ยงเส้นชีพจร และข้าพบบางอย่าง”
“อะไร” อวิ๋นเจี่ยวชะงักพู่กันลง หันหน้ามองมอง
หลงฉางจัดวางตำรากองใหญ่บนชั้นวางเสร็จ เมื่อมือของเขาว่างข้างหนึ่งจึงโยนสิ่งหนึ่งออกมา
อวิ๋นเจี่ยวรับมาดู พบว่ามันคือป้ายไม้ที่ธรรมดาอย่างมาก อีกทั้งยังแตกหักออกเป็นสองท่อน เพียงแต่ด้านบนมีชื่อของลั่วคาบหยวนอยู่ “นี่คือ…ป้ายผ่านทางของ…ลั่วคายหยวน!” วิญญาณที่ขึ้นมาประลองจากยมโลกล้วนต้องไปรับป้ายไม้ที่สลักชื่อของตนเองที่ตำหนักยมราชก่อน “อาจารย์อาหาสิ่งนี้เจอในหนองน้ำ!” ทำไมถึงอยู่ที่นั่น
“ใช่ ยังมีอย่างอื่น” เขาเสกคาถา ทันใดนั้นภาพของต้นหญ้าต้นหนึ่งปรากฏขึ้น ต้นหญ้านั้นมีสีแดงทั้งต้น บริเวณก้านของมันคดเคี้ยวยาวขึ้นไปด้านบน มองจากระยะไกลเหมือนมังกรสีแดงขนาดเล็ก
“หญ้ามังกร!” อวิ๋นเจี่ยวเทียบหญ้าต้นนี้กับหญ้าที่อยู่บนตำราทันที สีหน้าของเธอเคร่งเครียดขึ้นมาเล็กน้อย “หญ้ามังกรจะปรากฏอยู่ในพื้นที่ที่มีมังกรที่แท้จริงเท่านั้นไม่ใช่หรือ” ตามหลักแล้ว มังกรน้ำที่ดูแลเส้นชีพจรเทพนั้นยังไม่ถือเป็นเผ่าพันธุ์มังกร
ภายในเผ่าพันธุ์มังกรมีการแบ่งระดับ อย่างเฟิงเสี่ยวหวงที่เป็นมังกรหินมาจากเผ่าพันธุ์อื่น ถึงจะเรียกว่ามังกร แต่ก็ยังคงมีความแตกต่างจากมังกรที่แท้จริงอย่างมาก มีเพียงมังกรที่กำเนิดจากเผ่าพันธุ์มังกรถึงจะเรียกได้ว่ามังกรที่แท้จริง ตำแหน่งและพลังล้วนแตกต่างจากมังกรอื่นๆ ร่างเดิมของท่านมหาเทพทั้งสี่ก็คือมังกรเสวียน ซึ่งเป็นมังกรที่แท้จริง
“ใช่ หญ้ามังกรจะเติบโตในสถานที่ที่มีมังกรที่แท้จริงอาศัยอยู่เท่านั้น” หลงฉางยังคงจัดชั้นวางหนังสือ เขาเรียงตำราจากสูงไปต่ำ พลางวางพลางตอบ “อย่างสวรรค์ทั้งสี่ทิศล้วนเต็มไปด้วยหญ้ามังกร แต่ในโลกมนุษย์เป็นไปไม่ได้ที่จะมี”
“ท่านบอกว่า…มีมังกรที่แท้จริงไปที่นั่น” อวิ๋นเจี่ยวผงะ “ท่านมหาเทพทักษิณสวรรค์?” ตอนนั้นเขามายังสำนักเทียนซือเพื่อตามหาลูกแก้วกำเนิดวิญญาณ หากไปตรวจสอบที่หนองน้ำก่อนก็มีความเป็นไปได้
“ไม่ใช่!” หลงฉางปฏิเสธ “จากอายุของหญ้ามังกรต้นนี้ อย่างน้อยก็มีพันปีแล้ว ลักษณะของมันไม่เหมือนเพิ่งเติบโตขึ้นมา อีกทั้งลักษณะของมัน…” เขาวางตำราทั้งหมดไว้บนชั้นวาง ก่อนจะเสกคาถาขึ้นอีกครั้ง
ภาพหญ้ามังกรในห้องหายไป ปรากฏเป็นภาพหนองน้ำภายใต้หุบเขาด้านล่างลึกที่มังกรน้ำเคยอาศัยอยู่ ร่างของมังกรน้ำยังอยู่บนพื้น เพียงแต่ถูกยกขึ้นครึ่งหนึ่ง เผยให้เห็นพื้นดินที่ถูกทับอยู่ด้านล่าง อาจเป็นเพราะพื้นดินบริเวณนั้นถูกทับ ครั้งก่อนพวกเขาจึงมองไม่เห็นหญ้ามังกรที่อยู่ตรงกลาง หญ้ามังกรถูกทับลงบนพื้น แต่แผ่ขยายออกไปบริเวณรอบข้างราวกับหลีกเลี่ยงอะไรบางอย่าง บริเวณตรงกลางยุบลงไป เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เกิดจากร่องรอยการทับของมังกรน้ำ
“ตรงนี้เคยมีบางอย่างวางเอาไว้?!” อวิ๋นเจี่ยวมองดูภาพตรงหน้า จากลักษณะแล้วสิ่งที่เคยวางมีลักษณะเป็นทรงกลม
“ไข่มังกร!” หลงฉางเก็บตำราต่อ เขารีดมุมตำราให้เรียบ ก่อนจะพูดด้วยสีหน้ามั่นใจ “ไข่มังกรของมังกรที่แท้จริง!”
อวิ๋นเจี่ยวพูดขึ้น “มีคนเคยเลี้ยงลูก! ไม่ใช่…ฝักไข่ที่นี่!”
“ใช่” หลงฉางพยักหน้า “การกำเนิดของมังกรเสวียนต้องใช้พลังเทพจำนวนมากในการเพาะเลี้ยง ทั่วไปต้องบิดามารดาต้องสูญสิ้นพลังจำนวนมากถึงจะกำเนิดลูกออกมาได้อย่างปลอดภัย นี่คงจะเป็นสาเหตุที่พวกเขาเพาะเลี้ยงเส้นชีพจรเทพ ท่านมหาเทพประจิมสรรค์ไม่อยากสูญสิ้นพลังเทพของตนเองในช่วยเวลาการแย่งชิงบัลลังก์ที่สำคัญนี้ จึงออกกลอุบายเพาะเลี้ยงเส้นชีพจรเทพในการฝักไข่มังกร”
“เหตุใดอาจารย์อาจึงมั่นในว่าไข่มังกรเป็นของท่านมหาเทพประจิมสวรรค์” อวิ๋นเจี่ยวผงะ หากเป็นไข่มังกรของมังกรที่แท้จริง ท่านมหาเทพองค์อื่นก็เป็นไปได้
“ไม่เห็นต้องคิด!” หลงฉางกรอกตาใส่เธอ “มีเพียงท่านมหาเทพประจิมสวรรค์เป็นมังกรตัวเมีย! นอกจากนางยังมีใครออกไข่มังกรได้อีก” อีกทั้งด้านในยังเป็นมังกร
“…” พูดได้มีเหตุผล เธอไม่มีคำพูดจะตอบโต้
เธอไม่รู้ว่าท่านมหาเทพทั้งสี่มีผู้หญิงด้วย อีกทั้งเรื่องของสวรรค์โลกบน เธอก็รู้ไม่มาก ก่อนหน้านี้เคยได้ยินอาจารย์อาทั้งสองเอ่ยถึงเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีตอนที่เฟิงเสี่ยวหวงเอาเรื่องของสวรรค์ออกมาพูดเพื่อยกยออิ้งหลุน
“อาจารย์อาคิดจะทำอย่างไร”