หลงฉางหรี่ตาลง ก่อนจะหัวเราะเสียงเบาออกมา “ข้าจะไปบูรพาสวรรค์และอุดรสวรรค์พบท่านมหาเทพทั้งสองก่อน ข้าคิดว่าพวกเขาทั้งสองคงจะยินดีจัดการเรื่องนี้”
อวิ๋นเจี่ยวผงะ ก่อนจะเข้าใจจุดประสงค์ของอีกฝ่าย ท่านมหาเทพทักษิณสวรรค์ดับสูญ ทำให้สวรรค์ทั้งสี่ทิศเสียสมดุล พวกเขาคงจะแย่งชิงพื้นที่ไร้เจ้าของอย่างทักษิณสวรรค์กันอย่างลับๆ อาจารย์อาหลงคิดจะมอบจุดอ่อนของประจิมสวรรค์ให้แก่สวรรค์ที่เหลือทั้งสอง เมื่อถึงเวลาหากท่านมหาเทพประจิมสวรรค์คิดจะแก้ต่าง อีกสองสวรรค์ที่เหลือคงจะไม่ยอมปล่อย อีกทั้งมีความเป็นไปได้ว่าจะทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่
“ถึงลูกศิษย์ในเมืองหมิ่นเฟินมีน้อย แต่ใช่ว่าทุกคนจะรังแกได้” หลงฉางหยิบผ้าเช็ดโต๊ะสีขาวออกมาหนึ่งผืน พลางเช็ดโต๊ะตรงหน้าอย่างแรงพลางตอบ “กล้าคิดไม่ดีกับเมืองหมิ่นเฟินของข้า พวกเขาคงลืมไปแล้วว่าพวกข้ารับมือกับอะไร!”
“อาจารย์อาจะไปโลกสวรรค์เลยหรือ”
“อืม” เขาพยักหน้า “ข้าจากเมืองหมิ่นเฟินมาครานี้ก็เพื่อเดินทางไปโลกสวรรค์ เพียงแค่ผ่านมาบอกเจ้าก่อน”
“ไปคนเดียว?”
“ข้าบอกศิษย์น้องคนอื่นไว้แล้ว”
“อ่อ เช่นนั้นอาจารย์อา…จะออกเดินทางเมื่อใด”
“ตอนนี้!”
“อาจารย์อาระวังตัว หากต้องการความช่วยเหลือ ท่านบอกข้าผ่านทางยันต์ส่งสาร”
“รู้แล้ว”
“นอกจากนี้ อาจารย์อา…”
“ทำไมเจ้าพูดมากเช่นนี้”
“ยังมีอีกหนึ่งประโยค…” อวิ๋นเจี่ยวชี้ไปยังโต๊ะ “หากท่านเช็ดต่ออีก โต๊ะตัวนี้คงจะทะลุแล้ว” โต๊ะก็ต้องใช้เงินนะ
มือที่กำลังเช็ดโต๊ะของหลงฉางชะงักไป สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะชี้ไปยังรอยไหม้สีดำบนโต๊ะ “ข้าไม่ได้ตำหนิเจ้านะศิษย์หลาน แต่ห้องตำราของเจ้านอกจากยุ่งเหยิงแล้ว โต๊ะยังสกปรกเช่นนี้ ด้านบนดำ…”
“รอยนั้นเกิดจากอาจารย์ปู่วางมันเผา” ยังไม่รอเขาพูดจบ อวิ๋นเจี่ยวก็พูดแทรกขึ้น
หลงฉางชะงักไป สีหน้าที่เดิมทียังเต็มไปด้วยความตำหนินั้นแปรเปลี่ยนเป็นชื่นชมอย่างรวดเร็ว “ข้าก็ว่ารอยดำนี้พิเศษเสียจริง! สมกับที่เป็นอาจารย์ แม้แต่รอยไหม้ยังไม่ธรรมดา! ศิษย์หลาน โต๊ะตัวนี้เจ้ายังเอาหรือไม่ หรือให้อาจารย์อาเถอะ” เขาจะเก็บสะสม
“ได้!” อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้าอย่างไม่ลังเล พร้อมกับยื่นมือออกไป “ห้าร้อยตำลึง ขอบคุณ!”
หลงฉาง “…”
-_-|||
…
หลงฉางออกเดินทางในเช้าวันที่สอง เขาใช้เวลากว่าหนึ่งวันเต็มในการทำความสะอาดห้องตำราของอวิ๋นเจี่ยว หลังจากที่เขาเช็ดจนทั้งห้องสะอาดราวกับกระจกแล้วถึงได้จากไปอย่างพึงพอใจ
อวิ๋นเจี่ยวเพิ่งเคยเห็นห้องที่สะอาดเช่นนี้เป็นครั้งแรก แม้แต่ชายแก่ที่มาหานางก็เกือบลื่นล้มเมื่อเดินเข้าห้อง
หลงฉางจากไปเป็นระยะเวลาห้าวันแล้ว อวิ๋นเจี่ยวไม่ได้เป็นห่วงมากเท่าใด เพราะพลังของอาจารย์อาหลง ท่านมหาเทพอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
ในขณะที่การประลองรอบสองของโรงเรียนเสวียนเหมินกำลังจะเริ่มขึ้น นางจึงกลับมาทุ่มเทในการจัดเตรียมของรางวัลอันดับหนึ่งอีกครั้ง ครั้งนี้นางวางแผนว่าจะออกข้อสอบเสวียนเหมินฉบับสอง
ในเวลานี้กระจกพันลี้สว่างขึ้นมา เจ้าสำนักสวีและเหล่าผู้อาวุโสต่างปรากฏขึ้นด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“อาจารย์อวิ๋น อาวุธสวรรค์ชุดแรกผลิตสำเร็จแล้ว!”
“อาวุธสวรรค์?” อวิ๋นเจี่ยวผงะ ก่อนจะนึกขึ้นได้ หนึ่งปีที่แล้ววัตถุดิบที่กองเป็นภูเขาจากทักษิณสวรรค์นั้น เจ้าสำนักสวีเคยบอกว่าจะนำมาหลอมเป็นอาวุธสวรรค์ แต่นางไม่ได้ศึกษาเกี่ยวกับการหลอมอาวุธ ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจมาก ไม่คิดว่าในระยะเวลาหนึ่งปี พวกเขาจะผลิตอาวุธสวรรค์ออกมาได้
“ใช่แล้ว อาจารย์อวิ๋น!” สีหน้าของเจ้าสำนักสวียิ่งตื่นเต้นมากขึ้น เขาหยิบดาบสวรรค์ออกมาเล่มหนึ่ง “ท่านดู ดาบนี้ พวกข้าทดสอบแล้ว เหมือนกับรางวัลที่อาจารย์ไป๋ให้มาตอนนั้นอย่างมาก เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่อาจรู้ระดับของมันได้ ต้องรบกวนอาจารย์อวิ๋นมาดูด้วยตนเอง”
“ได้ ข้าไปเดี๋ยวนี้” อวิ๋นเจี่ยวไม่ลังเล นางเก็บกระจกพันลี้ลง ก่อนจะเดินออกจากประตู อีกทั้งยังลากชายแก่ไปด้วย
ทันทีที่ทั้งสองคนเดินทางมาถึงสำนักเทียนซือ พวกนางก็มุ่งหน้าไปยังเขาหลอมอาวุธ ยอดเขาบริเวณด้านหลังของสำนักเทียนซือล้วนมาจากร่างของท่านเทพของทักษิณสวรรค์ในตอนนั้น ยอดเขาแห่งนั้นเป็นร่างของท่านเทพธาตุไฟ เน่ยตันของเขากลายเป็นลาวาเหมาะสำหรับหลอมอาวุธอย่างยิ่ง
เมื่อพวกเขาเดินทางมาถึง ก็เห็นเจ้าสำนักสวีและเหล่าผู้อาวุโสรอคอยอยู่บริเวณนั้นแล้ว แต่ละคนล้วนมีท่าทางดีใจ ทันทีที่เห็นพวกนางสองคนก็เดินเข้ามาต้อนรับ
“อาจารย์ทั้งสองมาแล้ว”
“อาวุธสวรรค์ล่ะ” อวิ๋นเจี่ยวมองดูมือของเจ้าสำนักสวี นางไม่เห็นอาวุธสวรรค์ที่เขาถืออยู่บนมือก่อนหน้านี้แล้ว ไหนบอกว่าให้พวกนางมาดู
เจ้าสำนักสวียิ้มกว้างขึ้น เขาชี้ไปยังถ้ำหินบริเวณด้านหน้า “อยู่ด้านใน! ผู้อาวุโสจี๋หมิงและหัวหน้าห้องเจียวกำลังตีเหล็กเผื่ออานุภาพจะยิ่งใหญ่มากขึ้น”
อวิ๋นเจี่ยวผงะ จี๋หมิงคือผู้อาวุโสที่เชียวชาญด้านการหลอมอาวุธของสำนักเทียนซือ แต่หัวหน้าห้องเจียวเชี่ยวชาญด้านข่ายพลัง เขาจะเข้าไปทำไม อวิ๋นเจี่ยวไม่ได้คิดอะไรมาก นางเดินตามคนทั้งหลายเข้าไป
เมื่อพวกนางย่างเท้าเข้ามา กลิ่นอายความร้อนระอุพัดผ่านหน้า บริเวณรอบด้านกลายเป็นสีแดง ราวกลับก้าวเท้าเข้าไปในปากภูเขาไฟ นางเข้าใจสาเหตุที่สำนักเทียนซือเลือกยอดเขาแห่งนี้ในการหลอมอาวุธแล้ว ความร้อนตามธรรมชาตินี้เหมาะสมสำหรับการหลอมอาวุธอย่างมาก
ยิ่งพวกนางเดินลึกเข้าไป บริเวณรอบด้านก็ยิ่งร้อนมากขึ้น นางและชายแก่หยิบยันต์คลายความร้อนออกมาแปะไว้บนตัว ก่อนจะเดินตามทางคดเคี้ยวไปยังพื้นที่หลอมอาวุธ
ระหว่างทางยังพบลูกศิษย์ในโรงเรียนจำนวนไม่น้อย พวกเขาต่างโค้งคำนับให้ สิ่งที่น่าแปลกคือ ไม่เพียงลูกศิษย์ของห้องหลอมอาวุธ ลูกศิษย์ของห้องเรียนอื่นล้วนอยู่กันพร้อมหน้า
พวกนางเดินมาเพียงชั่วครู่ก็มาถึงบริเวณใจกลางของยอดหลอมอาวุธ เห็นเพียงแต่แท่นหลอมอาวุธที่อยู่ห่างออกไปมีร่างที่คุ้นเคยสองร่าง จี๋หมิงและหัวหน้าห้องเจียวในมือถือดาบสวรรค์อยู่เล่มหนึ่ง พวกเขาทั้งสองกำลังถกเถียงอะไรบางอย่างอยู่
“อาจารย์อวิ๋น อาจารย์ไป๋!” เมื่อเห็นพวกนางมา คนทั้งสองต่างหันมามองด้วยตาลุกวาว
ทั้งสองคนทักทาย ก่อนจะมองไปยังอาวุธที่อยู่บนมือของคนทั้งสอง ชายแก่เดินขึ้นหน้าด้วยความสงสัย เขามองดาบยาวเล่มนั้นอย่างละเอียด “นี่คืออาวุธสวรรค์ที่พวกท่านหลอมออกมาครั้งแรก?” ถึงจะเทียบกับของอาจารย์อาเหวินชิงไม่ได้ แต่ไม่ได้แตกต่างจากอาวุธที่เหล่าเทพทำร่วงหล่นลงมามากเท่าใดนัก
“ไม่ๆๆ ! เล่มนี้พวกข้าเพิ่งปรับเปลี่ยน” จี๋หมิงส่ายหัว ก่อนจะชี้ไปด้านข้าง “ทางนี้คือชุดแรกที่หลอมออกมา”
พูดจบ เขาก็เดินหลบออกไปด้านข้าง ก่อนจะออกแรงดึงประตูไม้ออก ทันใดนั้นได้ยินเพียงเสียงวัตถุหล่นลงมา เห็นเพียงแต่ดาบสวรรค์กองเท่าภูเขาหล่นลงมาจากด้านหลังราวกับหิมะถล่ม
อวิ๋นเจี่ยว “…”
ชายแก่ “…”
( ̄△ ̄;)
พวกนางอยู่ในโรงงานอาวุธ?