ตอนที่ 152 เจ้าห่วงใยข้า

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

“ได้ยินมาว่าแม่นางโดนผึ้งปีศาจต่อยเข้าให้ จึงตั้งใจจะเอายามาช่วยรักษา หวังว่ายานี้จะพอช่วยนางได้บ้าง”

ซวนหยวนหลี่เทียนมองบุรุษตรงหน้าด้วยดวงตาเบิกกว้าง “อิ๋นเจี้ยน เจ้า!”

“เหอะ! เจ้าช่างใจจืดใจดำนัก ทนมองสตรีผู้เป็นที่รักเจ็บปวดเช่นนี้อยู่ได้อย่างไร ?”

“มานี่เถอะแม่นาง ข้าจะป้อนยาให้เจ้าเอง”

“อึก… อึก…”

สมกับที่เป็นสำนักจินติ่งจริง ๆ ยาที่อิ๋นเจี้ยนนำมานั้นได้ผลเป็นอย่างดี มู่หรูอวิ๋นดื่มยาเข้าไปเพียงไม่นาน ใบหน้าและร่างกายบวมเป่งค่อย ๆ ทุเลาลง

อิ๋นเจี้ยนกล่าวติดตลก “มิน่าล่ะผู้นำตระกูลมู่ถึงได้ถอนหมั้นหมายยกเลิกงานแต่งกับท่าน บุรุษที่ปกป้องสตรีผู้เป็นที่รักไม่ได้เช่นนี้จะมีไปทำไมกัน ? หากท่านมิอาจปกป้องสตรีผู้นี้ได้ ก็ส่งต่อให้ข้าเป็นอย่างไร ?”

“ไสหัวไป!” ซวนหยวนหลี่เทียนทั้งโกรธทั้งอับอายขายหน้าจนสั่นไปทั่วทั้งร่าง เขาแผ่กลิ่นอายแห่งการสังหารออกมาอย่างไม่ปกปิด

“เจ้าคิดว่าอวิ๋นเอ๋อร์จะชายตามองบุรุษชุดคลุมทองน่ารังเกียจอย่างเจ้ารึ ?”

อิ๋นเจี้ยนเผยรอยยิ้มขี้เล่น เขากล่าวว่า “ฮ่า ๆ ๆ มันก็ไม่แน่ บางทีการที่ข้าช่วยนางเอาไว้ในวันนี้ พรุ่งนี้นางอาจเห็นความดีของข้าและเป็นฝ่ายต้องการขึ้นเตียงกับข้าก็ได้” กล่าวจบอิ๋นเจี้ยนก้าวเท้าเดินจากไปทันที

มู่เฉียนซียิ้มเยาะ กล่าววาจาหยอกเย้า “อิ๋นเจี้ยนเอายามาให้มู่หรูอวิ๋นรึ ? หึ! เขาพยายามดึงดูดความสนใจจากมู่หรูอวิ๋น ขุดหลุมพรางให้ซวนหยวนหลี่เทียนตกลงไป ข้าว่างานนี้ต้องมีเรื่องสนุก ๆ ให้ดูเป็นแน่แท้”

เยวี่ยเจ๋อ “พี่ใหญ่ นี่ไม่ใช่เวลามาดูเรื่องสนุก ๆ  ข้าได้ยินข่าวมาว่าสำนักศึกษาทั้งเจ็ดกำลังรวมหัวกันแก้แค้นสำนักศึกษาแคว้นจื่อเยี่ยเรา การแข่งขันเป็นกลุ่มพวกเขาพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถ ข้ามั่นใจเต็มสิบส่วนว่าพวกเขาต้องกลับมาเอาคืนแน่ ๆ”

“เจ้าวางใจเถอะ การแข่งขันเป็นกลุ่มพวกมันพ่ายแพ้อย่างอนาถ การแข่งขันตัวต่อตัวพวกมันจะต้องอนาถยิ่งกว่านี้ ต่อให้ระดับความแข็งแกร่งของข้าจะต่ำกว่า มองผิวเผินไม่อาจกวาดล้างมันได้ แต่เราก็ยังมีชิงอวิ๋นอยู่มิใช่รึ ?”

เยวี่ยเจ๋อขมวดคิ้วถามอย่างฉงนสงสัย “ชิงอวิ๋นรึ ? พี่ใหญ่ ท่านกับซวนหยวนชิงอวิ๋นสนิทสนมกันตั้งแต่เมื่อไหร่หรือ ?”

“ตอนไปที่เกาะฝึกประสบการณ์ แม้ชิงอวิ๋นจะเป็นบุรุษเย็นชาไม่สนใจผู้อื่น เขาก็เป็นคนมีคุณธรรม” มู่เฉียนซีกล่าวตอบสบาย ๆ

เยวี่ยเจ๋อสะดุ้งตกใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นที่เกาะฝึกประสบการณ์โดยที่เขาไม่รู้

มู่เฉียนซีกล่าวต่อ “ข้าได้ยินมาว่าการแข่งขันของสำนักศึกษาทั้งแปดครั้งนี้ มีการพนันกันอยู่เบื้องหลัง เจ้าไปลงพนันว่าสำนักศึกษาของเราเป็นผู้ชนะ มาเยือนแคว้นชิงทั้งทีก็ต้องหาเอากำไรติดไม้ติดมือกลับแคว้น”

เยวี่ยเจ๋อพยักหน้าตอบรับอย่างแข็งขัน “ขอรับพี่ใหญ่”

และแล้ว การแข่งขันตัวต่อตัวทั้งแปดสำนักศึกษาก็กำลังจะเริ่มขึ้น ตัวแทนของแต่ละสำนักศึกษาเริ่มพากันไปรวมตัวที่สนามการแข่งขัน และการแข่งขันครานี้ มีผู้เข้ามาร่วมชมไม่น้อยเลยทีเดียว

อาจารย์ใหญ่เวินกล่าวขึ้น “บัดนี้ได้เวลาแข่งขันประเภทตัวต่อตัว ตัวแทนของแต่ละสำนักศึกษามาจับสลากได้เลย เราจะได้แบ่งเป็นสี่กลุ่ม  เอาล่ะ ลำดับต่อไปเป็นการจับสลาก  เริ่มจับสลากได้”

และแล้ว สำนักศึกษาแคว้นชิงจับสลากได้คู่ปรับเก่านั่นก็คือ สำนักศึกษาแคว้นจื่อเยี่ย

จางจวินจ้องมองมู่เฉียนซีด้วยแววตาดุร้าย เขากล่าวว่า “การแข่งขันเป็นกลุ่ม พวกเจ้าใช้กลอุบายเอาชนะไปได้ ครานี้ต่อหน้าผู้คนมากมาย ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะต้องตายอย่างไร”

สำนักศึกษาอื่น ๆ ในเวลานี้ ก็ได้จับสลากคู่ต่อสู้เรียบร้อยแล้วเช่นกัน

อาจารย์เวินกล่าว “ผู้ที่จับสลากได้คือผู้ควบคุมเวทีการประลอง อีกฝ่ายจะเป็นผู้ท้าประลอง คนสุดท้ายที่ได้ควบคุมการประลองจะเป็นผู้ชนะ”

ฝ่ายผู้ท้าประลองคู่แรกเป็นฝ่ายของมู่เฉียนซี

“เวทีการประลองแรก เป็นของสำนักศึกษาแคว้นชิง”

“เวทีการประลองที่สอง…”

“เวที…”

จางจวินกวาดสายตามองสหายในกลุ่มทั้งเก้าคน จากนั้นกล่าวว่า “ลู่กุ้ย เจ้าอ่อนแอที่สุดในทีม เจ้าขึ้นเวทีประลองคนแรก”

เมื่อสหายในกลุ่มได้ยินที่จางจวินกล่าว ต่างพากันหัวร่อต่อกระซิกยกใหญ่ “ฮ่า ๆ ๆ พี่ใหญ่ แม้ลู่กุ้ยจะอ่อนแอที่สุดในกลุ่มเรา แต่เขาก็เป็นถึงจอมยุทธ์ระดับสาม  เขาต้องกวาดล้างศิษย์เศษสวะของสำนักศึกษาแคว้นจื่อเยี่ยได้หมดเป็นแน่ ถึงตอนนั้น พวกเราคงไม่มีโอกาสประลองกับจื่อเยี่ยแล้ว”

ลู่กุ้ยหัวเราะชอบใจก่อนจะกล่าวด้วยความมั่นใจ “เหล่าสหาย พวกเจ้าวางใจเถอะ ข้าจะเป็นคนคิดบัญชีพวกมันให้สาสมแทนพวกเจ้าเอง”

“เฮ้อ…”

รองอาจารย์ใหญ่ถอนหายใจอย่างเป็นกังวล ถึงแม้พวกเขาจะเอาชนะแบบเป็นกลุ่มมาได้ แต่การประลองตัวต่อตัวเช่นนี้ โอกาสชนะช่างยากเย็นยิ่งนัก  เขากล่าว “การที่สำนักศึกษาพาทุกคนมาร่วมประลองในครั้งนี้ ก็เพื่อให้พวกเจ้าเก็บประสบการณ์ หากทำเต็มที่แล้วไม่สามารถสู้คู่ต่อสู้ได้ ก็จงยอมรับความพ่ายแพ้ ห้ามฝืนตัวเองเป็นอันขาด”

“ศิษย์คนใดจะขึ้นประลองเป็นคนแรก ?” รองอาจารย์ใหญ่ถาม

“ข้าก่อนก็แล้วกัน แม้จะสู้พวกมันไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ทำให้พวกมันอ่อนแรงลงได้” ซวนหยวนหลี่เทียนกล่าวขณะที่เขายืนขึ้น

“เป็นแค่ผู้บำเพ็ญภูตระดับหกกลับกล้าท้าชิงข้า ช่างกล้ายิ่งนัก” ดวงตาลู่กุ้ยเปล่งประกายราวกับสัตว์ดุร้ายที่พร้อมโจมตีซวนหยวนหลี่เทียนด้วยพลังอันแข็งแกร่ง

รองอาจารย์ใหญ่แสดงสีหน้าเป็นกังวล พลังของทั้งสองห่างกันค่อนข้างมาก เขาตะโกนบอกไปไม่ลังเล “ยอมแพ้เสียเถอะซวนหยวนหลี่เทียน”

ซวนหยวนหลี่เทียนกำกระบี่ในมือแน่น สายตาเขามองมู่เฉียนซีพลันตะโกนว่า “ข้าจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด!”

เขาไม่อยากให้มู่เฉียนซีผิดหวังในตัวเขา จึงรวบรวมสมาธิ เล็งกระบี่ไปที่ร่างลู่กุ้ยและพุ่งเข้าหาลู่กุ้ยทันที

— ปัง! —

กระบี่ของซวนหยวนหลี่เทียนยังไม่ทันถึงร่างลู่กุ้ย ก็โดนพลังของลู่กุ้ยทำลายจนหักเป็นสองท่อนเสียแล้ว

— ตุบ!  ตุบ! —

สองฝ่ามืออันทรงพลังของลู่กุ้ยตบพลังเข้าที่หน้าอกซวนหยวนหลี่เทียนอย่างรุนแรงจนร่างเขากระเด็นลอยออกไป

“พรวด!” ซวนหยวนหลี่เทียนกระอักเลือดกบปาก เห็นได้ชัดว่าเขาบาดเจ็บภายในอย่างแสนสาหัส

สีหน้ามู่หรูอวิ๋นซีดขาวราวกระดาษ นางตะโกนร้องร่ำไห้ “ท่านพี่หลี่เทียนรีบยอมแพ้เร็วเข้าเถอะ”

“ท่านพี่หลี่เทียน!”

ซวนหยวนหลี่เทียนพยายามลุกขึ้นยืนพลางเหลือบมองมู่เฉียนซี แต่เขากลับต้องผงะไป นางดูไม่สนใจความเป็นความตายของเขาในตอนนี้เลย

มู่หรูอวิ๋นเห็นสายตาที่เขาจ้องมองมู่เฉียนซี หัวใจนางพลันรู้สึกเย็นชา นางรีบวิ่งเข้าไปหามู่เฉียนซี ก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้ามู่เฉียนซี “ผู้นำตระกูลมู่ ข้าขอร้องล่ะ รีบบอกให้ท่านพี่หลี่เทียนยอมแพ้เร็วเข้าเถอะ ได้โปรด…”

มู่เฉียนซีกล่าว ท่าทีนางเฉยเมยอย่างที่สุด “มู่หรูอวิ๋น คำพูดนี้ของเจ้าช่างน่าขันนัก ซวนหยวนหลี่เทียนเป็นคนของเจ้า เหตุใดถึงต้องให้ข้าเป็นคนบอกด้วย ?”

“ฮือ ๆ ๆ ท่านพี่หลี่เทียนเขา… ฮือ ๆ ๆ แค่ผู้นำตระกูลมู่เอ่ยปากห้าม ท่านพี่หลี่เทียนก็คงจะไม่พยายามสู้ต่อแล้ว ได้โปรดเถอะนะ…” มู่หรูวิ๋นกล่าวทั้งน้ำตา

— ตูม! —

บนเวทีการประลอง เวลานี้ลู่กุ้ยโจมตีซวนหยวนหลี่เทียนอย่างรุนแรง เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการแก้แค้นให้สะใจ ส่วนผู้ตัดสินของสำนักศึกษาแคว้นชิงเพิกเฉยต่อการต่อสู้ที่โหดร้ายนี้อย่างสิ้นเชิง ไม่มีท่าทีจะเรียกร้องให้หยุดแต่อย่างใด  สำนักศึกษาแคว้นจื่อเยี่ยหยิ่งผยองนักมิใช่รึ ? เช่นนั้นก็ทนเจ็บอีกสักหน่อยจะเป็นไรไป

ซวนหยวนชิงอวิ๋นมองซวนหยวนหลี่เทียนที่อยู่บนเวทีประลอง เขาใช้วิธีนี้เพื่อดึงดูดความสงสารเห็นใจจากมู่เฉียนซี  ช่างเป็นวิธีที่โง่เขลาจริง ๆ!

รองอาจารย์ใหญ่สุดแสนจะร้อนรน หากองค์รัชทายาทซวนหยวนหลี่เทียนต้องมาสิ้นพระชนม์บนเวทีการประลองแคว้นชิงแห่งนี้ มีหวังหัวเขาต้องขาดเป็นแน่แท้

“มู่เฉียนซี อาจารย์สั่งให้เจ้าเป็นหัวหน้ากลุ่มในการแข่งขันการประลองครั้งนี้ เจ้ารีบสั่งหลี่อ๋องให้หยุดเถอะ”

เมื่อรองอาจารย์ใหญ่กล่าวเช่นนี้ มู่เฉียนซีจึงจำใจ นางตะโกนออกไป “ซวนหยวนหลี่เทียน ยอมแพ้ซะ”

ซวนหยวนหลี่เทียนมองมู่เฉียนซี  กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ซีเอ๋อร์ ข้าคิดไว้อยู่แล้วว่าเจ้าต้องไม่ยอมให้ข้าเป็นอะไรไป”

รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุขนี้ทิ่มแทงดวงตามู่หรูอวิ๋นเต็ม ๆ  นางกำหมัดแน่น คุกรุ่นอารมณ์โกรธพลันคิดน้อยเนื้อต่ำใจ ‘ท่านพี่หลี่เทียน ท่านยอมเสียสละชีวิตได้ถึงเพียงนี้เพียงเพื่อดึงดูดความสนใจจากนางบ้ามู่เฉียนซี ท่าน…’

นางใจสลาย หัวใจของนางเจ็บปวดราวคมมีดกรีดแทงใจ

“ข้ายอมแพ้…” ซวนหยวนหลี่เทียนกล่าวยอมแพ้ด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง เขาไม่สามารถควบคุมร่างของตัวเองได้อีกต่อไป ร่างของเขาล้มลงไปกับพื้น

ลู่กุ้ยยิ้มเยาะเย้ย กล่าวดูถูกเหยียดหยามทันที “ฮ่า! นี่หรือคือความแข็งแกร่งของศิษย์สำนักศึกษาแคว้นจื่อเยี่ย  อ่อนแอยิ่งนัก  เหอะ! ลำดับต่อไปผู้ใดจะขึ้นมา ?  อ้อ… แต่ผู้ใดจะขึ้นมาก็ไม่ต่างกัน พวกเจ้าเปรียบเหมือนมดตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น”

รองอาจารย์ใหญ่กล่าวอย่างละเหี่ยใจ “มู่เฉียนซี เจ้าเลือกดูสิ…”

มู่เฉียนซีกวาดตามองสหายในกลุ่มสามสี่คน สุดท้ายกล่าวออกมา “พวกเจ้ารักษาชีวิตเอาไว้เถอะ ผู้ที่มีพลังไม่ถึงจอมภูตย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกมัน ครานี้เป็นคราของเจ้า  มู่หรูเหยียน  เจ้าไป”

.