บทที่ 247

ร่างเงาของถังหยินทำการโจมตีอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ทางฝั่งของหยวนยู่ก็ไม่มีปัญหาอะไรเช่นกัน และเมื่อเขาพุ่งไปที่ค่ายของกองทัพหนิง พลังทำลายล้างที่เขาแสดงออกมามันก็ยิ่งใหญ่กว่าร่างเงาของถังหยินเสียอีก !

หลังจากปล่อยมันออกมาอีก 2 ครั้งติด ทหารหนิงโดยรอบก็พากันล้มตายลง ทำให้เขากลายเป็นเพียงคนเดียว ที่สามารถเปิดช่องโหว่ขนาดใหญ่ในพวกหนิงได้ !

ร่างเงาและหยวนยู่ทำให้กองทัพหนิงต้องหยุดชะงัก ก่อนที่ไม่นานต่อจากนั้นพวกเขาจะพากันพุ่งทะยานไปหาจ้านอู่ฉาง ด้วยถ้ากำจัดอีกฝ่ายได้ งั้นแล้วมันก็ถือได้ว่าศึกครั้งนี้พวกเขาประสบความสำเร็จ !

กองทัพหนิงส่วนกลางถูกกองทหารข้าศึกซุ่มโจมตี แต่ทว่าถึงจะเห็น หากแต่บรรดาแม่ทัพนายกองที่เห็นก็ไม่อาจเข้าไปช่วยได้ เนื่องจากเวลานี้การต่อสู้ใกล้ถึงจุดสิ้นสุดแล้ว มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะหันหลังกลับไปช่วย เพราะถ้าทำเช่นนั้น ไม่เพียงแต่ความพยายามทั้งหมดของพวกเขาที่ผ่านมาจะล้มเหลว หากแต่พวกเขายังจะถูกไล่ล่าโดยศัตรู ซึ่งมันก็หมายความว่าพวกเขาจะต้องสูญเสียครั้งใหญ่ !!!

เนื่องด้วยความกังวลต่าง ๆ พวกนี้นี่เอง ที่ทำให้กองทัพหนิงไม่กล้าถอยกลับไป ได้แต่ส่งกำลังพลกว่าหมื่นนายไปช่วยสนับสนุน ในขณะที่ทางด้านของจ้านอู่ตี้เอง เขาก็กำลังติดพันกับคู่ต่อสู้อยู่เช่นกัน หากแต่เมื่อเห็นผู้เป็นพี่กำลังพบเจอปัญหา เขาก็เลือกที่จะยอมแพ้และตัดสินใจกลับไปช่วยพี่ใหญ่ในทันที !

เขาต้องการที่จะออกไป หากแต่กู่เยว่และคนอื่น ๆ ที่ต่อสู้กับจ้านอู่ตี้มาเป็นเวลานานก็ได้พยายามที่จะเข้ามาขัดขวางอย่างเต็มที่ ด้วยพวกเขาไม่คิดยอมปล่อยให้ล่าถอยไปได้ง่าย ๆ

เมื่อถูกพวกเขารบกวน หัวใจที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวลก็ทำให้จ้านอู่ตี้ต้องกู่ร้องคำรามครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่าเขาก็ไม่สามารถทำอะไรกู่เยว่และแม่ทัพคนอื่น ๆ ของพวกเทียนหยวนได้เลย

เมื่อได้ยินเสียงตะโกนด้วยความโกรธของจ้านอู่ตี้ดังขึ้น แม่ทัพนายกอง และรองแม่ทัพของเขาก็รีบวิ่งไปข้างหน้า พากันเข้าเสี่ยงชีวิต เพื่อขัดขวางกู่เยว่กับคนอื่น ๆ ไม่ให้เข้าถึงตัวจ้านอู่ตี้ได้โดยง่าย !

หลังจ้องมองอย่างดุร้ายไปที่กู่เยว่และคนอื่น ๆ เขาก็ตะโกนออกไปว่า “เชิญพวกเจ้าหลงระเริงกันไปก่อนเถอะ คราวหน้าเป็นตาพวกเจ้าที่จะหัวหลุด !” เมื่อพูดจบ จ้านอู่ตี้ก็ไม่กล้ารอช้าอีกต่อไป รีบหันหลังควบขี่ม้าวิ่งกลับไปที่ค่ายของตัวเองในทันที !

การจากไปของเขา ทำให้พวกหนิงรับแรงกดดันเพิ่มขึ้นในพริบตา ด้วยก่อนหน้านี้ได้จ้านอู่ตี้ช่วยต้านไว้จึงยังไม่หนักหนา แต่เมื่อเขาไปแล้ว พวกกู่เยว่กับคนอื่น ๆ ก็หันมาสนใจพวกหนิงที่อยู่รอบ ๆ แทน !

ต่อหน้าทหารของพวกหนิง กู่เยว่และคนอื่น ๆ ไม่จำเป็นที่จะต้องออมมือใด ๆ ทั้งสิ้น พวกเขาใช้พลังปราณทั้งหมดออกมา ทำให้พวกหนิงพากันล้มลงกับพื้นและกระอักเลือดออกมาเป็นระยะ ๆ

แม่ทัพของพวกเขาไปแล้ว ส่วนพวกเฟิงก็เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ ! แล้วแบบนี้จะเอาอะไรมาต้านไหวกัน !!!

ทหารปิงหยวนตะโกนก้อง ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าอย่างเป็นระเบียบ แล้วจึงใช้หอกในมือแทงไปข้างหน้าอย่างไร้ความปรานี ทำให้พวกหนิงที่ตื่นตระหนกล้มตายราวกับใบไม้ร่วง

หลังจากที่ศัตรูล้มลงกับพื้นแล้ว ทหารของกองทัพปิงหยวนก็ก้าวไปข้างหน้าอีกก้าว จนฝ่าเท้าของพวกเขาเหยียบย่ำศพของศัตรู ก่อนทำการรุกอย่างต่อเนื่องราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

พวกหนิงหลายคนที่ได้รับบาดเจ็บไม่มีโอกาสแม้แต่จะคลานหนีกลับไป ด้วยพวกเขาถูกเหยียบโดยกองทัพปิงหยวนที่กำลังผ่านไป ส่วนผู้ที่โชคดี พวกเขาก็คือคนที่โดนหอกแทงทีเดียวแล้วตายเลย ! เพราะไม่ต้องเจ็บปวดจากการถูกเหยียบอีกซ้ำสอง !

ในสนามรบ การสังหารเป็นดั่งเรื่องปกติ ไม่มีใครแสดงความเมตตาต่อศัตรู ไม่ว่าพวกเขาจะสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปแล้วก็ตาม ด้วยหากเกิดความผิดพลาดแม้เพียงนิด มันก็อาจทำให้เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้นได้ !

พวกหนิงไม่สามารถฝืนต้านทานได้อีก พวกเขากำลังถูกบังคับให้ถอยกลับ และเมื่อแนวหน้าถอย มันก็ส่งผลกระทบกับแนวรบด้านข้างในทันที ทำให้พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่กว่าเดิมเข้าไปอีก

กลับมาทางด้านของร่างเงากับหยวนยู่ มาตอนนี้ทั้งสองก็ได้มาอยู่ตรงหน้าจ้านอู่ฉางแล้ว !

หยวนยู่โบกแขนของเขา ยกดาบในมือขึ้น จากนั้นก็ตะโกนดัง ๆ ไปยังพวกหนิงที่อยู่ตรงหน้า “ข้าคือหยวนยู่ ใครไม่เกี่ยวจงถอยไปซะ ! เพราะวันนี้เป็นวันตายของเจ้า จ้านอู่ฉาง !” ในขณะที่พูด เขาก็กระตุ้นให้ม้าศึกพุ่งเข้าหาทหารหนิงจำนวนมากที่อยู่ตรงหน้าไปด้วย !

ทหารองครักษ์ของจ้านอู่ฉางต่างพุ่งเข้ามาขัดขวางหยวนยู่ และด้วยพวกเขานั้นภักดีต่อจ้านอู่ฉางที่สุด ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะรู้ดีว่าไม่สามารถเอาชนะหยวนยู่ได้ หากทว่าพวกเขาก็เลือกที่จะไม่ถอยแม้แต่คนเดียว ต่างพากันเข้าต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่ง เลือกจะเข้าเดิมพันชีวิตของตัวเองเพื่อให้ผู้เป็นนายมีโอกาสรอด !

หยวนยู่โบกดาบในมือ ทำให้เกิดแสงเย็นวาบในสนามรบ ก่อนที่ทหารหนิงหลายคนจะถูกตัดศีรษะออกในฉับพลัน !

ทว่าถึงจะเป็นเช่นนั้น หากแต่พวกหนิงที่ยืนอยู่ข้างหลังก็ยังคงพุ่งไปข้างหน้าโดยไม่กะพริบตา พากันใช้เลือดและเนื้อเพื่อต้านทานการโจมตีของหยวนยู่

ในอีกด้านหนึ่ง แม้ว่าร่างเงาจะไม่ได้ขี่ม้า แต่ความเร็วของมันก็ไม่ช้าเช่นกัน ออกจะเร็วกว่าหยวนยู่ที่ขี่ม้าด้วยซ้ำไป !

ร่างเงาพุ่งออกมาจากฝูงชนอย่างรวดเร็ว เล็งไปที่จ้านอู่ฉางซึ่งเป็นเป้าหมายหลักในครั้งนี้ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงตะโกนดังลั่น พร้อมกันกับที่ดาบทั้งสองของร่างเงาฟันเข้าที่คอและเอวของศัตรู

ถังหยินคิดว่าจ้านอู่ตี้เป็นแม่ทัพที่แข็งแกร่ง ส่วนจ้านอู่ฉางนั้นเป็นเพียงคนฉลาดที่ไม่ได้เก่งในการรบ จึงต้องอาศัยทหารในการปกป้อง !

หากแต่ในเวลาเดียวกับที่ดาบทั้งสองของเขาฟาดฟันออกไป ไม่เพียงแต่จ้านอู่ฉางจะไม่ตื่นตระหนก เขายังดึงหอกสีเงินอันสดใสออกมา และโดยไม่รีรอ เขาก็พลันเรียกใช้เกราะและอาวุธปราณอย่างรวดเร็ว !

แคร้ง !

หลังจากเสียงดังกึกก้อง ร่างเงาของถังหยินก็พลิกไปข้างหลังกลางอากาศ ซึ่งมันก็ดูเหมือนว่าถังหยินจะได้เปรียบ แต่ในความเป็นจริงทั้งสองนั้นสูสีกัน ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบแต่อย่างใด

หลังจากกลับมายืนบนพื้น ถังหยินก็ถอยหลังไปครึ่งก้าว เพื่อให้ร่างกายของเขาสามารถทรงตัวได้ จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองจ้านอู่ฉางที่อยู่ตรงหน้า ใช้ดวงตาที่เผยถึงความประหลาดใจจ้องมอง !

ชายหนุ่มคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าจ้านอู่ฉางจะทรงพลังเช่นนี้ ! ในความเป็นจริง ไม่ต้องพูดถึงเขาเลย เพราะแม้แต่พวกแม่ทัพหนิงเองก็ไม่เคยเห็นจ้านอู่ฉางต่อสู้มาก่อน !!!

ทว่าเมื่อพวกเขาเห็นเหตุการณ์ที่จ้านอู่ฉางรับการโจมตีจากร่างเงาด้วยพลังของตัวเอง มันก็ทำให้พวกรองแม่ทัพหนิงที่อยู่รอบ ๆ ตกตะลึง

“ถังหยินสินะ ?” จ้านอู่ฉางยืดร่างกายของเขาให้ตรง แล้วจึงร้องถามออกมาเสียงดัง

“ถามอีกทำไม ถ้ารู้ว่าเป็นข้า” ร่างเงาหัวเราะ ริมฝีปากดูแปลกประหลาด เพราะมันแยกออกเป็นรอยยิ้มที่น่ากลัว

สำหรับศึกใหญ่ที่ต้องใช้กำลังนับแสนนาย มันถือเป็นเรื่องยากมากที่แม่ทัพใหญ่ของทั้งสองฝั่งจะสามารถยืนเผชิญหน้ากันได้ ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่านี่คือช่วงเวลาแห่งประวัติการณ์ของสงครามเลยก็ว่าได้ !

เมื่อสายตาของเขามองลงไปที่แขนของถังหยินที่กลายเป็นใบมีด นัยน์ของจ้านอู่ฉางก็ดูจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะพูดอย่างเย็นชา “นี่เป็นแค่ร่างเงา ส่วนร่างที่แท้จริงก็ซ่อนตัวอยู่ข้างนอก ช่างเป็นคนที่น่ารังเกียจซะจริง ๆ!”

“คนน่ารังเกียจอย่างนั้นเหรอ ฮ่าฮ่า ?” ร่างโคลนเงยหน้าขึ้นและหัวเราะ “ไม่มีความแตกต่างระหว่างวีรบุรุษและวายร้ายในสนามรบหรอก มันจะมีก็เพียงผู้ชนะและผู้แพ้เท่านั้น !” ในขณะที่พูด ร่างเงาก็มองไปรอบ ๆ จนกระทั่งพบเข้ากับทหารม้าของตัวเองที่กำลังไล่ตามพวกหนิงที่กำลังแตกพ่าย

รอยยิ้มของชายหนุ่มกว้างขึ้นทันทีที่เห็นภาพนั้น และด้วยอดใจไม่ไหว เขาจึงพูดอย่างมั่นใจออกไปว่า “และวันนี้ เจ้าจะเป็นผู้แพ้ !”

“ยังเร็วเกินไปที่จะพูดแบบนั้น ตราบใดที่ข้ายังอยู่ในสนามรบ กองทัพหนิงจะไม่แพ้ !” ว่าจบจ้านอู่ฉางก็พลันพุ่งไปที่ร่างเงาของถังหยิน ก่อนที่เขาจะสะบัดมือ ส่งหอกปราณออกไปจนเกิดประกายแสงสีเงิน 3 สายที่เหมือนอสรพิษแทงทะลุไปที่ร่างกายส่วนบนกลางและล่างของเป้าหมาย

“ดูสิว่าถ้าไม่มีร่างเงา แล้วเจ้าจะทำหน้ายังไง !”

“ฮึ !” ร่างเงาหัวเราะอย่างเยือกเย็น สวนทางกับร่างกายของเขาที่ในตอนนี้บิดเบี้ยว ท่อนบนกับท่อนล่างไม่ได้ติดกัน และเมื่อหลบปลายหอกที่พึ่งเข้ามาพ้น ชายหนุ่มก็หันไปทางด้านข้างของจ้านอู่ฉาง ก่อนจะส่งใบมีดทั้งสองข้างพุ่งออกมาโดยมีเป้าหมายเป็นซี่โครงของอีกฝ่าย

“เร็วมาก !” จ้านอู่ฉางตกใจกับการเคลื่อนไหวที่ว่องไวของร่างเงา กับดาบที่ว่องไวเหมือนสายฟ้า และด้วยไม่กล้าที่จะประมาท เขาจึงรีบดึงหอกกลับมาเพื่อป้องกันตัวเอง จนทำให้เกิดเสียงดังลั่นเมื่อใบมีดเด้งกลับเพราะปะทะเข้ากับหอกปราณอย่างจัง

หลังจากนั้นจ้านอู่ฉางก็ไม่รอช้า ใช้หอกของเขาต่างไม้เท้า ทำการทุบลงไปที่ศีรษะของร่างเงานั่นทันที

โพ๊ละ !

ด้ามหอกที่กำลังทุบร่างเงาแตกเป็นชิ้นเพราะกระทบเข้ากับพื้นอย่างจัง ! และในขณะที่จ้านอู่ฉางกำลังงุนงง เขาก็พลันรู้สึกได้ถึงลมเย็นเยียบอยู่ข้างหลังตัวเอง !

‘วิชาสลับเงา !’ ปฏิกิริยาของจ้านอู่ฉางรวดเร็วมาก ทันทีที่เขาตระหนักได้ถึงอันตราย ก็รีบหลบพร้อมกับใช้หอกแทงไปที่ด้านหลังจากใต้รักแร้ในทันทีโดยไม่แม้แต่จะเสียเวลาคิด !

“หึ !” หลังสิ้นเสียงเยาะเย้ย ศีรษะของร่างเงาก็หลบหอกที่สวนกลับมาได้อย่างง่ายดาย ก่อนที่เขาจะยกขาขึ้นเตะก้นของจ้านอู่ฉางอย่างแรง

จ้านอู่ฉางไม่เพียงแต่ไม่ได้คาดเดาว่าคู่ต่อสู้ของเขาหลบการเคลื่อนไหวแปลก ๆ ของเขาได้ แต่เขายังคิดไม่ถึงด้วยอีกฝ่ายจะยังสามารถโต้กลับได้อีกด้วย จึงทำให้ร่างของเขาเซและก้าวไปข้างหน้า 2-3 ก้าว แทบจะหลบการเตะของถังหยินไม่ได้

ยังไม่ทันที่จ้านอู่ฉางจะได้ตั้งตัวดี สายตาของเขาก็เห็นเข้ากับคนขี่ม้ามาตรงมาทางตน อีกฝ่ายสวมชุดเกราะปราณสีขาวที่ถูกย้อมเป็นสีแดง เช่นเดียวกับหยาดโลหิตที่ยังคงหยดจากใบดาบของอีกฝ่าย

ทหารเกราะผู้ควบขี่ม้าเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกันกับที่เขาตะโกนใส่จ้านอู่ฉาง “จ้านอู่ฉาง ข้าหยวนยู่มาแล้ว !!” ขณะที่เขาพูด หยวนยู่ก็มาถึงหน้าจ้านอู่ฉางแล้ว !!!

ในเสี่ยววินาทีนั้น ทุกอย่างดูช้าลงไปหมด เมื่อดาบปราณสะท้อนกับแสงอาทิตย์จนเกิดแสงเย็นเยียบ ก่อนก่อตัวเป็นเส้นยาวในอากาศ กวาดไปที่ศีรษะของจ้านอู่ฉาง !!