เซียนจวีโหลวก็สั่นสะเทือนอยู่ครู่หนึ่ง
เสียงระเบิดเมื่อครู่ดังเกินไป สั่นสะเทือนจนผู้คนทั้งหมดในเซียนจวีโหลวรู้สึกอกสั่นขวัญหายหัวใจเต้นแรง
ทุกคนต่างหันมองกันไป มองกันมา เสียงนี่ดังขึ้นจากตำแหน่งที่อยู่ห่างออกไป ถึงแม้จะห่าง แต่เสียงระเบิดรุนแรงก็ทำให้ทุกคนตกใจจนหัวใจแทบหล่นวูบ
“เหตุใดถึงมีเสียงดังขนาดนี้ เกิดอะไรขึ้น? ” ระหว่างที่คนในห้องครัวต่างกำลังคาดเดากันอยู่ ก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นจากถนนใหญ่ “ระเบิดแล้ว ระเบิดแล้ว ภัตตาคารเล็กด้านหน้าระเบิดแล้ว”
“ระเบิดได้อย่างไรกัน? เก็บดินประสิวไว้ในห้องครัวหรือ? ”
“อากาศร้อนขนาดนี้จะเก็บดินประสิวไว้ในห้องครัวทำไม? ” ลูกค้าที่กินอาหารอยู่ในภัตตาคารกล่าว
“ใครจะรู้ เมื่อครู่ข้ายืนอยู่ห่างมาก เพียงหันมองแวบหนึ่ง ห้องครัวเต็มไปด้วยไฟลุกท่วม ระเบิดจนแทบไม่เหลือซากแล้ว”
“เช่นนั้นยังจะรออะไรอีก รีบไปช่วยดับไฟสิ! ”
“รีบไปๆ บอกท่านซ่งด้วย ช่วยดับไฟเสร็จพวกเราจะกลับมากินต่อ” มีคนตะโกนเสียงดัง คนอื่นๆ ต่างก็เห็นพ้อง “ใช่ใช่ใช่ พวกเราช่วยดับไฟเสร็จแล้วจะกลับมา”
กล่าวจบ กลุ่มบุรุษวัยหนุ่มที่แข็งแรงมีกำลังส่วนหนึ่งวิ่งออกจากโถงใหญ่ไป
ซ่งฝูได้ยินว่าระเบิดจนเกิดไฟลุกไหม้ ก็รีบระดมกำลังคนส่วนใหญ่ในภัตตาคาร หยิบไม้กวาดและถังน้ำวิ่งไปยังสถานที่เกิดเหตุระเบิด
ซ่งฉางชิงได้ยินเสียง ก็ตามไปด้วยเช่นกัน พวกเขาพากันมาถึงหน้ากองเพลิงอย่างเอิกเกริก มีคนจำนวนไม่น้อยกำลังช่วยดับไฟ ต่างก็ไม่พูดคุยกัน หิ้วถังน้ำและไม้กวาดเริ่มดับไฟ
ประมาณสองเค่อให้หลัง ในที่สุดก็ดับไฟสำเร็จ
ยังดีที่ถึงแม้เสียงระเบิดจะดัง แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหนัก
หลังจากดับไฟแล้ว คนด้านในต่างก็ออกมา นอกจากเถ้าแก่ที่ถูกระเบิดจนใบหน้าบาดเจ็บ คนอื่นๆ ก็มีเพียงบาดแผลเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น
ปกติภัตตาคารเล็กแห่งนี้กิจการไม่ดีนัก วันนี้ไม่มีลูกค้ามากินอาหาร มีเพียงพ่อครัวคนหนึ่งที่ทำอาหารอยู่ในห้องครัว ไม่ทันระวังจึงเกิดเหตุระเบิด
พ่อครัวถูกนำตัวไปส่งยังโรงหมอแล้ว ลูกจ้างตกใจจนขาอ่อน
“ตกใจแทบตาย ตกใจแทบตาย” พอลูกจ้างออกมา ก็นั่งกองอยู่บนพื้น ดูตัวอ่อนปวกเปียก
“เกิดอะไรขึ้น เหตุใดอยู่ๆ ถึงระเบิดได้? ทั้งยังระเบิดดังถึงเพียงนี้? พวกเจ้าเก็บอะไรไว้ในห้องครัว? ” ชาวบ้านที่มุงดูไต่ถาม “หากพวกเรามาช้ากว่านี้ บ้านแถบนี้คงไหม้หมดแล้ว”
ลูกจ้างกล่าวอย่างไม่รู้ความ “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าระเบิดได้อย่างไร ห้องครัวของเราไม่ได้เก็บอะไรไว้เลย เพียงแค่วันนี้เถ้าแก่อยากทำอาหารกินเอง ใครจะรู้ว่าพอเขาทำอาหาร ก็ระเบิดเลย! ”
ทำอาหารระเบิดได้ด้วยหรือ?
วาจาประโยคนี้ ทำให้ทุกคนรู้สึกวิตกกังวลทันที “ตอนเที่ยงพวกเจ้าคิดจะกินอะไร? ”
จู่ๆ ซ่งฉางชิงก็นึกอะไรบางอย่างได้ จึงชิงถามก่อน “ตอนเที่ยงพวกเจ้าใช้แป้งใช่หรือไม่? ”
ลูกจ้างร่ำไห้พร้อมกล่าว “ท่านรู้ได้อย่างไร? ตอนเที่ยงเถ้าแก่ของข้าอยากกินเกอต่า พ่อครัวจึงไปทำเกอต่า ต้มน้ำด้านในเตรียมต้มเกอต่า ด้านนอกผัดอาหาร ข้าเห็นแต่ไกลว่าเทแป้งใส่ถาดที่อยู่บนเตาปรุงอาหาร จากนั้นก็ระเบิดเลย”
“แป้งจะระเบิดได้อย่างไร เจ้าคงไม่ได้หลอกพวกเราใช่หรือไม่? ”
“ข้าจะหลอกพวกท่านไปทำไม ข้าเพียงเห็นว่าแป้งถูกเทออกมา จากนั้นก็ระเบิดดังตู้ม เรื่องอื่นข้าก็ไม่รู้แล้ว” ลูกจ้างกล่าวอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ
ตอนนั้นเขาถูกแรงระเบิดจนมึนงง ยังดีที่อยู่ห่าง มิเช่นนั้นคนที่ได้รับบาดเจ็บคงเป็นเขา
ซ่งฉางชิงขมวดคิ้วไม่กล่าวอะไร ซ่งฝูตกใจอ้าปากค้างจนแทบใส่ไข่ไก่ได้หนึ่งฟอง
แป้งนั่น ระเบิดแล้วจริงๆ !
ซ่งฝูไม่รู้ว่าตัวเองกลับมาได้อย่างไร ซ่งฉางชิงขมวดคิ้วมุ่น ภายในใจรู้สึกหวั่นวิตก
แป้งระเบิดได้จริงๆ
วันนี้มีภัตตาคารเกิดเหตุระเบิด ยังดีที่ในห้องครัวมีพ่อครัวคนเดียว อาการบาดเจ็บก็ค่อนข้างเบา
ซ่งฝูตกใจจนขาสั่น “คุณชาย แป้งนั่น ระเบิดได้จริงๆ ขอรับ! ”
เขากลัว กลัวถึงขีดสุด
ก่อนหน้านี้เขาไม่เชื่อว่าแป้งจะระเบิดได้
แต่ตอนนี้ ระเบิดแล้วจริงๆ หากพวกเขาเก็บแป้งไว้ในห้องครัวตลอด เมื่อโดนประกายไฟ ที่ที่จะโดนระเบิดจนราบเป็นหน้ากลอง คือเซียนจวีโหลวของพวกเขา
“คุณชาย…” ซ่งฝูรู้สึกอยากร้องไห้
ตอนนี้เขาแทบอยากคุกเข่าต่อหน้าเซี่ยยวี่หลัว ก่อนหน้านี้เขาไม่เชื่อ คิดว่าเซี่ยยวี่หลัวทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่มาตลอด ทำให้เขาต้องยุ่งยาก ตอนนี้เขาจะกล้าคิดเช่นนั้นอีกได้อย่างไร แทบอยากเรียกเซี่ยยวี่หลัวว่าท่านย่า
ภายในใจซ่งฉางชิงก็รู้สึกสับสนวุ่นวายมาก
เหตุใดสิ่งที่นางกล่าว ล้วนเป็นความจริง?
ซ่งฉางชิงไม่เคยรู้มาก่อนว่าแป้งโดนประกายไฟแล้วจะระเบิด แต่เซี่ยยวี่หลัวรู้ นางรู้มาจากไหนว่าแป้งระเบิดได้?
ซ่งฉางชิงไม่มีแก่ใจจะสนทนากับซ่งฝู ภายในใจสับสนวุ่นวายอยู่ตลอด ยังมีมารดาสูงวัยที่อยู่ในบ้าน เรือนตระกูลซ่งอยู่ไม่ห่างจากภัตตาคารนั่นเท่าไร ระเบิดจนเกิดเสียงดังถึงเพียงนี้ ท่านแม่ต้องตกใจมากเป็นแน่
“เจ้ารีบกลับไปบอกกล่าวเรื่องนี้กับฮูหยินเฒ่า บอกนางว่าไม่ต้องกลัว” ซ่งฉางชิงหางานให้ซ่งฝูทำ
ซ่งฝูรีบกล่าวว่าได้ จากนั้นจึงออกไปด้วยฝีเท้าเบาหวิว
ซ่งฉางชิงมองดูซีโหยวจี้ที่วางคว่ำไว้บนโต๊ะ อ่านไปกว่าครึ่งเล่มแล้ว ยังเหลืออีกไม่ถึงครึ่ง ซ่งฉางชิงไม่คิดจะพลิกเปิดตำรา จัดเสื้อผ้าทีหนึ่ง สูดลมหายใจเข้าลึกสองครั้ง ออกจากห้องไป มาถึงโต๊ะคิดเงินชั้นล่าง พยายามทำสิ่งที่นายบัญชีควรทำ
ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างกำลังพูดคุยถึงเหตุระเบิดครั้งนี้ แป้งโดนประกายไฟจะระเบิด เรื่องนี้ทำให้ทุกคนตกใจเป็นอย่างยิ่ง
“แป้งในบ้านข้าก็เก็บไว้ในห้องครัว ใครจะรู้ว่าแป้งระเบิดได้ ปกติมีบ้านไหนบ้างที่ไม่นวดแป้งหน้าเตาปรุงอาหาร! ” มีคนกล่าวด้วยความหวั่นวิตก “ยังดีที่ตลอดหลายปีที่ผ่านมาไม่เคยระเบิด”
“จริงด้วย บ้านข้าก็เหมือนกัน ไม่ได้ กลับไปข้าต้องบอกภรรยาของข้า ว่าจะเก็บแป้งไว้ในห้องครัวไม่ได้เป็นอันขาด”
“ใช่ใช่ใช่ น่าตกใจเกินไปแล้ว เหมือนดินประสิวระเบิดเลย”
“ข้าคิดว่าแรงระเบิดรุนแรงกว่าดินประสิวเสียอีก” มีคนกล่าว “เสียงระเบิดนั่น เกรงว่าคงได้ยินกันทั้งเมืองโยวหลันแล้ว”
“ช่างน่าตกใจนัก”
“เถ้าแก่ซ่ง ภัตตาคารของท่านเป็นภัตตาคารใหญ่ ต้องมีแป้งเยอะแน่ อย่าได้เก็บแป้งไว้ในห้องครัวเป็นอันขาด” มีคนเห็นซ่งฉางชิงมา จึงรีบตะโกนบอก
ซ่งฉางชิงยืนอยู่หลังโต๊ะคิดเงิน เพียงพยักหน้า
แป้งร้านเขาเดิมทีก็ไม่ได้เก็บไว้ในห้องครัวอยู่แล้ว
ก่อนหน้านี้เป็นเพราะซ่งฉางชิงเชื่อวาจาของเซี่ยยวี่หลัว นั่นเป็นเพราะเขายินยอมที่จะเชื่อเซี่ยยวี่หลัว แต่แป้งจะระเบิดจริงหรือไม่ เขาไม่สนใจ และไม่เคยไปทำความเข้าใจ
เขาเพียงแค่เชื่อเซี่ยยวี่หลัว!
แต่เหตุการณ์ในวันนี้ จู่ๆ ก็ทำให้ซ่งฉางชิงเข้าใจเรื่องหนึ่ง เซี่ยยวี่หลัวผู้นี้ ไม่อาจดูแคลนได้เลย
ถึงแม้จะเป็นสตรีผู้บอบบาง แต่กลับมีความรู้ลึกซึ้ง วิสัยทัศน์แตกต่างจากผู้อื่น มีประสบการณ์เปี่ยมล้น รู้หลักการและเหตุผลต่างๆ มากกว่าเขาที่ร่ำเรียนตำราปราชญ์มาสิบกว่าปีด้วยซ้ำ
สตรีผู้หนึ่ง มีความรู้กว้างขวางเช่นนี้ ต้องมองนางต่างจากเดิมเสียแล้ว