เล่มที่ 10 บทที่ 279 นางเป็นดาวนำโชคของครอบครัวตระกูลซ่ง

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

ซ่งฝูกลับเรือนตระกูลซ่งด้วยอาการขาสั่น เมื่อพบฮูหยินเฒ่ากู้ ขาก็อ่อนแรงทันที ล้มกองลงบนพื้นราวกับโคลนอ่อนปวกเปียก ลุกไม่ขึ้นอีก

เมื่อฮูหยินเฒ่ากู้เห็นเข้า นึกว่าเกิดเรื่องอะไรกับซ่งฉางชิง ถึงกับตกใจสะดุ้ง “ซ่งฝู เจ้าเป็นอะไรไป? รีบลุกขึ้นมาเร็ว”

ซ่งฝูสีหน้าขาวซีดประหนึ่งแผ่นกระดาษก็มิปาน ปากยังไม่สามารถกล่าวอย่างคล่องแคล่ว “ฮูหยินเฒ่า ท่านอย่าสนใจข้าน้อยเลยขอรับ ปล่อยให้ข้าน้อยนั่งเช่นนี้เถอะ ข้าน้อยไม่เหลือเรี่ยวแรงแม้แต่น้อยแล้ว ลุกไม่ขึ้นขอรับ”

ยิ่งซ่งฝูเป็นเช่นนี้ ฮูหยินเฒ่ากู้ก็ยิ่งกลัว รู้สึกเป็นห่วงซ่งฉางชิงยิ่งขึ้น “ซ่งฝู เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดเจ้าถึงมีสภาพเช่นนี้? คุณชายของเจ้าเล่า เกิดอะไรขึ้นกับคุณชายของเจ้าใช่หรือไม่? ”

เมื่อเห็นฮูหยินเฒ่ากู้คิดไปไกล ซ่งฝูจึงส่ายหน้า รีบอธิบาย “ฮูหยินเฒ่ากู้ ท่านอย่าได้กังวลขอรับ คุณชายสบายดี เซียนจวีโหลวก็ไม่เป็นอะไรขอรับ”

ฮูหยินเฒ่ากู้ได้ยินว่าซ่งฉางชิงไม่เป็นอะไร จึงวางใจลง ตบอกพร้อมกล่าว “แล้วเจ้าเป็นอะไรเล่า? เรื่องอะไรกันที่ทำให้เจ้าตกใจเช่นนี้ เจ้าทำให้ยายแก่อย่างข้าตกใจแทบตาย”

ซ่งฝูแทบอยากร้องไห้ “ฮูหยินเฒ่า ข้าน้อยก็ตกใจแทบตายเช่นกันขอรับ”

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่! ” ฮูหยินเฒ่ากู้รู้สึกสงสัย

ท่านป้ากุ้ยที่อยู่ข้างๆ กล่าวตำหนิ “เจ้าเด็กบ้ามีอะไรก็รีบพูดมา อย่าได้ทำให้ฮูหยินเฒ่าตกใจ”

ซ่งฝูเช็ดคราบเหงื่อบนหน้าผาก เอ่ยถามอย่างอ่อนแรง “ฮูหยินเฒ่า เมื่อครู่ท่านได้ยินเสียงดังสนั่นหรือไม่ขอรับ? ”

ฮูหยินเฒ่ากู้พยักหน้า “ได้ยิน ทำไมหรือ? ”

เสียงนั่นน่าตกใจริงๆ

เหมือนมีอะไรบางอย่างระเบิด แต่ที่เกิดเรื่องไม่ใช่บ้านตัวเอง เหตุใดถึงทำให้เจ้าหนุ่มนี่ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อเช่นนี้

ซ่งฝูกล่าวด้วยสีหน้าขมขื่น “ฮูหยินเฒ่า เสียงดังสนั่นเมื่อครู่ เป็นห้องครัวของภัตตาคารแห่งหนึ่งระเบิดขอรับ”

“ระเบิดหรือ? ” ฮูหยินเฒ่ากู้เอ่ยถามด้วยความสงสัย “ระเบิดได้อย่างไรกัน? ”

ห้องครัวของภัตตาคารไม่ใช่สถานที่ผลิตดอกไม้ไฟหรือประทัดเสียหน่อย ในนั้นคงไม่มีดินประสิว เหตุใดอยู่ๆ ห้องครัวถึงระเบิดได้เล่า?

ซ่งฝูบอกเล่าสาเหตุการระเบิดของห้องครัวในภัตตาคารเล็กให้ฮูหยินเฒ่าฟังโดยละเอียด ฮูหยินเฒ่ากู้รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก “แป้งระเบิดได้จริงหรือ? ”

“ได้ขอรับ ห้องครัวของภัตตาคารเล็กแห่งนั้นระเบิดจนไม่เหลือชิ้นดี ยังดีที่ทุกคนช่วยกันดับไฟได้ทันเวลา มิเช่นนั้นเกรงว่าภัตตาคารและบ้านเรือนที่อยู่ข้างเคียงคงไหม้ทั้งหมด” พอซ่งฝูคิดถึงเรื่องนี้ก็รู้สึกอกสั่นขวัญหาย

ก่อนหน้านี้เซียนจวีโหลวซื้อแป้งมายี่สิบกระสอบ หากวางไว้ในห้องครัวทั้งหมด ต่อให้เกิดการระเบิดเล็กๆ แต่หากประกายไฟไปติดแป้งที่เหลืออยู่ข้างๆ เช่นนั้นแรงระเบิด…

คงไม่ได้มีแค่ห้องครัวที่ระเบิดเหมือนภัตตาคารเล็ก

ฮูหยินเฒ่ากู้ถือเป็นคนที่เคยผ่านประสบการณ์มามาก จึงรีบกล่าว “เช่นนั้นคุณชายเปลี่ยนที่เก็บแป้งหรือยัง? อย่าได้เก็บไว้ในห้องครัวเป็นอันขาด”

ซ่งฝูเงยหน้าขึ้นมองฮูหยินเฒ่ากู้ กล่าวตามจริง “คุณชายเก็บแป้งไว้ในห้องเก็บของอื่นนานแล้วขอรับ ไม่ได้เก็บไว้ในห้องครัว”

“ไม่ได้เก็บก็ดี ไม่ได้เก็บก็ดี” ฮูหยินเฒ่ากู้ตบอกเบาๆ สีหน้าบ่งบอกว่าขวัญเสียเช่นกัน

ท่านป้ากุ้ยที่อยู่ข้างๆ ยิ้มพร้อมกล่าว “คุณชายของเราช่างมองการณ์ไกลเสียจริง สามารถเตรียมการล่วงหน้า ราวกับคาดการณ์ไว้แล้วว่าแป้งจะเกิดปัญหาได้อย่างไรอย่างนั้น”

แป้งของเซียนจวีโหลวเก็บในห้องครัวมาตลอด นับตั้งแต่ตอนนายท่านของบ้านตระกูลซ่งยังอยู่ ก็ไม่เคยเปลี่ยนที่เก็บมาก่อน

ซ่งฝูไม่คิดปิดบัง “คุณชายรู้ว่าแป้งอาจเกิดปัญหา ดังนั้นจึงจงใจหาห้องแยก นำแป้งไปเก็บไว้ในห้องที่อยู่ห่างห้องครัวขอรับ”

ฮูหยินเฒ่ากู้รู้สึกตกใจเล็กน้อย “อะไรนะ? ฉางชิงรู้ว่าแป้งจะเกิดปัญหา? เขารู้ได้อย่างไรว่าแป้งจะเกิดปัญหาได้? ”

ซ่งฝูสีหน้าเปลี่ยนไปอีกครั้ง ไม่ได้มีความดูหมิ่นเหยียดหยามเหมือนก่อนหน้านี้ “ฮูหยินเฒ่า ท่านยังจำฮูหยินที่มาขายสูตรหมูต้มจิ้มน้ำจิ้มที่เซียนจวีโหลวได้หรือไม่ขอรับ? ”

“ฮูหยินเซียวผู้นั้นหรือ? ” ฮูหยินเฒ่ากู้เอ่ยถาม “ย่อมต้องจำได้ วันนั้นหากไม่ได้นาง ยายแก่อย่างข้าคงล้มลงไปแล้ว”

ซ่งฝูพยักหน้า “ฮูหยินเซียวผู้นั้นล่ะขอรับ ตอนเซียนจวีโหลวซื้อแป้ง ฮูหยินเซียวก็อยู่ด้วยพอดี นางบอกคุณชายว่า จะวางแป้งไว้ในห้องครัวไม่ได้ บอกว่าหากโดนประกายไฟแล้วจะระเบิด ตอนนั้นข้าน้อยยังไม่เชื่อ…”

ยังดีที่คุณชายเชื่อ หากไม่เชื่อ ถ้าพวกเขาไม่ระวัง แป้งเหล่านั้นคงระเบิดไปแล้ว

“อ้อ ฮูหยินเซียวผู้นั้นรู้เรื่องนี้ด้วยหรือ” ฮูหยินเฒ่ากู้เอ่ยชมไม่ขาดปาก กล่าวกับท่านป้ากุ้ยที่อยู่ข้างๆ “เจ้าไม่เคยพบฮูหยินเซียวผู้นั้น อายุยังน้อย การวางตัวและปฏิบัติต่อผู้อื่นเหมือนเป็นคนจากตระกูลใหญ่ ยังมีรูปโฉมนั่นอีก ถือว่ารูปโฉมเป็นอันดับหนึ่งในเมืองโยวหลันเลยทีเดียว คิดไม่ถึง ว่านอกจากจะทำการค้ากับพวกเรา ยังช่วยเหลือพวกเราไว้ด้วย นับเป็นดาวนำโชคของครอบครัวตระกูลซ่งจริงๆ ! ”

ท่านป้ากุ้ยก็เอ่ยชมเช่นกัน “ได้ยินฮูหยินเฒ่าเอ่ยชมเช่นนี้ บ่าวก็รู้สึกอยากพบฮูหยินผู้นั้นแล้วเจ้าค่ะ”

ฮูหยินเฒ่ากู้ยิ้ม “แม่หนูนั่นแค่ได้เห็นก็รู้สึกชอบแล้ว”

ซ่งฝูเห็นว่าฮูหยินเฒ่ากู้ไม่เป็นอะไร จึงวางใจ พอได้มาและบอกกล่าวความกลัวในใจออกมา แขนขาก็ไม่ได้อ่อนแรงเหมือนเมื่อครู่แล้ว จึงลุกขึ้นเอง กำลังจะกลับเซียนจวีโหลว

ฮูหยินเฒ่ากู้ไม่ได้รั้งเขาไว้ “ไปเถอะ เป็นช่วงที่ยุ่งที่สุดพอดี”

ซ่งฝูประสานมืออำลา ฮูหยินเฒ่ากู้มองส่งแผ่นหลังของเขาที่เดินจากไป จู่ๆ แววตาก็ฉายประกายเคร่งเครียด

ท่านป้ากุ้ยไม่ได้กล่าวอะไร เมื่อหันมองไปทางประตูใหญ่ตามสายตาของฮูหยินเฒ่ากู้ที่มองอยู่ ชายกระโปรงสีเหลืองนวลหายวับไปตรงประตูอย่างรวดเร็ว

ท่านป้ากุ้ยรู้สึกตกใจทันที หันมองฮูหยินเฒ่ากู้ด้วยความตกตะลึง “ฮูหยินเฒ่า…”

ฮูหยินเฒ่ากู้ลุกขึ้นยืน ตบมือของท่านป้ากุ้ยเบาๆ ถอนหายใจทีหนึ่ง “พยุงข้ากลับไปพักผ่อน”

ท่านป้ากุ้ยรีบพยุงฮูหยินเฒ่ากู้กลับห้อง หลังจากกลับไปนางยังรู้สึกหวั่นใจ คุณหนูแอบฟังฮูหยินเฒ่ากู้หรือนี่

เดิมทีคำพูดเหล่านั้นไม่ใช่ความลับอะไร คุณหนูสามารถเข้ามาฟังอย่างเปิดเผยได้ ทว่า… นางกลับยืนแอบฟังอยู่ด้านนอก

นี่หาใช่เรื่องที่หญิงสาวใสซื่อบริสุทธิ์จะทำได้!

กู้ซินเยว่แอบฟังจริงๆ

พอได้ยินคนของตัวเองรายงานว่าซ่งฝูกลับเรือน กู้ซินเยว่ก็ออกจากห้องของตัวเองมายังโถงหน้าอย่างอดรนทนไม่ไหว เดิมทีคิดจะเข้าไป แต่ใครจะรู้ ว่าซ่งฝูจะกล่าวถึงฮูหยินเซียว

ฮูหยินเซียวคือผู้ใด กู้ซินเยว่ย่อมรู้ดี

คือสตรีที่ขายสูตรอาหารให้เซียนจวีโหลว

หน้าตาเหมือนนางจิ้งจอก ยังรู้เรื่องที่แป้งจะระเบิดเสียด้วย?

พอเกิดเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่ญาติผู้พี่ แม้แต่ท่านป้าก็มองสตรีผู้นั้นต่างจากเดิม กล่าวว่านางมีอิริยาบถและการวางตัวเหมือนคนจากตระกูลใหญ่ ทั้งยังเป็นดาวนำโชคของครอบครัวตระกูลซ่ง ก็แค่สตรีที่แต่งงานแล้ว ทำไมท่านป้าถึงประเมินนางสูงถึงเพียงนั้น!

ท่านป้ายังบอกอีกว่าแค่ได้พบก็รู้สึกชอบ ชอบนางตรงไหน? นางเป็นสตรีที่แต่งงานแล้ว ท่านป้าชอบนางตรงไหนกัน?

หรือว่าหากนางยังไม่แต่งงาน ท่านป้ายังมีความคิดเป็นอื่นอีก!

กู้ซินเยว่ยิ่งคิดยิ่งฟุ้งซ่าน ยิ่งฟุ้งซ่านก็ยิ่งเคร่งเครียด “เจ้าว่าญาติผู้พี่จะมีใจคิดเป็นอื่นกับสตรีผู้นั้นหรือไม่? ”

น่าจะคิดเป็นอื่นจริง ครั้งก่อนพวกเขาอยู่ในห้องครัวกันสองคน ตอนนางเข้าไป เห็นอย่างชัดเจนว่าสายตาของญาติผู้พี่มองทอดไปที่สตรีผู้นั้น แววตาอ่อนโยน เห็นแล้วนางก็รู้สึกริษยายิ่งนัก

ทำไมญาติผู้พี่ต้องมองสตรีที่แต่งงานแล้วด้วยแววตาอ่อนโยนเช่นนั้นด้วย

จื่อเยียนรู้สึกประหลาดใจ “คุณหนู ท่านหมายถึง…” ใครหรือ? สตรีผู้นั้น? ข้างกายคุณชายไม่เคยมีสตรีอื่นเลยนี่นา!

กู้ซินเยว่กล่าวด้วยท่าทางดุร้าย “ยังจะมีใครอีก ก็นางจิ้งจอกที่ขายสูตรอาหารให้ญาติผู้พี่คนนั้น หน้าตาเหมือนนางจิ้งจอก แต่งงานแล้วยังจะออกมาให้ท่าบุรุษอื่นไปทั่ว”

กู้ซินเยว่เรียกนางจิ้งจอกบ้าง กล่าวว่าให้ท่าบุรุษอื่นบ้าง จื่อเยียนได้ฟังแล้วรู้สึกตกใจเป็นอย่างยิ่ง

“คุณหนู ท่านเบาเสียงหน่อยเจ้าค่ะ อย่า…”

“อย่าอะไรกัน คำพูดข้าไปทำให้ใครไม่พอใจ ต่อไปที่นี่ก็เป็นบ้านข้า ข้าเป็นนายหญิงของบ้านตระกูลซ่ง ข้าพูดอยู่ในบ้านข้า ใครจะไม่พอใจอะไร? ” กู้ซินเยว่ว่ากล่าวเสียงดัง

จื่อเยียนกลัวว่าคนของเรือนตระกูลซ่งจะได้ยิน จึงรีบวิ่งไปปิดประตูหน้าต่างอย่างมิดชิด

“ข้าทุ่มเทปรนนิบัติท่านป้า นางกลับบอกว่าสตรีคนอื่นเป็นดาวนำโชคของครอบครัวตระกูลซ่ง ทั้งยังบอกว่าแค่ได้พบสตรีผู้นั้นก็รู้สึกชื่นชอบ หากนางจิ้งจอกนั่นยังไม่แต่งงาน หรือว่าท่านป้าจะให้นางครองคู่กับญาติผู้พี่? ข้าดีต่อนางถึงเพียงนั้น ปรนนิบัติเหมือนมารดาของข้าก็มิปาน นางเห็นข้าอยู่ในสายตาบ้างหรือไม่” กู้ซินเยว่ยิ่งกล่าวยิ่งโมโห ปัดข้าวของบนโต๊ะลงบนพื้นทั้งหมด ก่อให้เกิดเสียงแตกดังเพล้ง

ถาดฉานซือหมาเหน่า [1] ชั้นดีแตกกระจายเต็มพื้น ผลไม้สดใหม่ที่วางอยู่ในถาดก็หล่นกลิ้งไปทั่ว

ตอนนี้คุณหนูโมโหมาก

จื่อเยียนตกใจจนคุกเข่าดังตุ้บ

กู้ซินเยว่ยังคงไม่หายโมโห ก่นด่าเสียงดังไม่หยุด จื่อเยียนไม่กล้ากล่าวอะไรแม้แต่ประโยคเดียว และไม่กล้าเงยหน้า ปล่อยให้กู้ซินเยว่ด่าเรื่องนั้นที ด่าเรื่องนี้ที เหมือนจะคุ้นชินกับเรื่องเช่นนี้เพราะเกิดขึ้นเป็นประจำอย่างไรอย่างนั้น

บ่าวรับใช้ข้างนอกถูกไล่ไปที่อื่นนานแล้ว ภายในลานว่างเปล่า มีเพียงด้านในที่มีเสียงก่นด่าของกู้ซินเยว่ดังออกมา แต่ก็ไม่มีผู้ใดได้ยิน

ซ่งฝูออกจากประตูใหญ่เรือนตระกูลซ่ง เดิมทีจะมุ่งหน้าไปยังเซียนจวีโหลว หลังจากเดินไปหลายก้าวกลับหยุดชะงัก หันขวับเดินไปยังทิศตรงกันข้าม

เหยาหลี่ซวีอาศัยอยู่ทางนี้ เขามีธุระเล็กน้อย ต้องการไปหาเหยาหลี่ซวี

————————-

เชิงอรรถ

[1] ฉานซือหมาเหน่า คือ ซาร์โดนิกซ์ เป็นอัญมณีที่มีแถบสีน้ำตาลแดงขนานกัน บางครั้งมีลายสีขาวแทรกสลับ