ซ่งฝูกลับเรือนตระกูลซ่งด้วยอาการขาสั่น เมื่อพบฮูหยินเฒ่ากู้ ขาก็อ่อนแรงทันที ล้มกองลงบนพื้นราวกับโคลนอ่อนปวกเปียก ลุกไม่ขึ้นอีก
เมื่อฮูหยินเฒ่ากู้เห็นเข้า นึกว่าเกิดเรื่องอะไรกับซ่งฉางชิง ถึงกับตกใจสะดุ้ง “ซ่งฝู เจ้าเป็นอะไรไป? รีบลุกขึ้นมาเร็ว”
ซ่งฝูสีหน้าขาวซีดประหนึ่งแผ่นกระดาษก็มิปาน ปากยังไม่สามารถกล่าวอย่างคล่องแคล่ว “ฮูหยินเฒ่า ท่านอย่าสนใจข้าน้อยเลยขอรับ ปล่อยให้ข้าน้อยนั่งเช่นนี้เถอะ ข้าน้อยไม่เหลือเรี่ยวแรงแม้แต่น้อยแล้ว ลุกไม่ขึ้นขอรับ”
ยิ่งซ่งฝูเป็นเช่นนี้ ฮูหยินเฒ่ากู้ก็ยิ่งกลัว รู้สึกเป็นห่วงซ่งฉางชิงยิ่งขึ้น “ซ่งฝู เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดเจ้าถึงมีสภาพเช่นนี้? คุณชายของเจ้าเล่า เกิดอะไรขึ้นกับคุณชายของเจ้าใช่หรือไม่? ”
เมื่อเห็นฮูหยินเฒ่ากู้คิดไปไกล ซ่งฝูจึงส่ายหน้า รีบอธิบาย “ฮูหยินเฒ่ากู้ ท่านอย่าได้กังวลขอรับ คุณชายสบายดี เซียนจวีโหลวก็ไม่เป็นอะไรขอรับ”
ฮูหยินเฒ่ากู้ได้ยินว่าซ่งฉางชิงไม่เป็นอะไร จึงวางใจลง ตบอกพร้อมกล่าว “แล้วเจ้าเป็นอะไรเล่า? เรื่องอะไรกันที่ทำให้เจ้าตกใจเช่นนี้ เจ้าทำให้ยายแก่อย่างข้าตกใจแทบตาย”
ซ่งฝูแทบอยากร้องไห้ “ฮูหยินเฒ่า ข้าน้อยก็ตกใจแทบตายเช่นกันขอรับ”
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่! ” ฮูหยินเฒ่ากู้รู้สึกสงสัย
ท่านป้ากุ้ยที่อยู่ข้างๆ กล่าวตำหนิ “เจ้าเด็กบ้ามีอะไรก็รีบพูดมา อย่าได้ทำให้ฮูหยินเฒ่าตกใจ”
ซ่งฝูเช็ดคราบเหงื่อบนหน้าผาก เอ่ยถามอย่างอ่อนแรง “ฮูหยินเฒ่า เมื่อครู่ท่านได้ยินเสียงดังสนั่นหรือไม่ขอรับ? ”
ฮูหยินเฒ่ากู้พยักหน้า “ได้ยิน ทำไมหรือ? ”
เสียงนั่นน่าตกใจริงๆ
เหมือนมีอะไรบางอย่างระเบิด แต่ที่เกิดเรื่องไม่ใช่บ้านตัวเอง เหตุใดถึงทำให้เจ้าหนุ่มนี่ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อเช่นนี้
ซ่งฝูกล่าวด้วยสีหน้าขมขื่น “ฮูหยินเฒ่า เสียงดังสนั่นเมื่อครู่ เป็นห้องครัวของภัตตาคารแห่งหนึ่งระเบิดขอรับ”
“ระเบิดหรือ? ” ฮูหยินเฒ่ากู้เอ่ยถามด้วยความสงสัย “ระเบิดได้อย่างไรกัน? ”
ห้องครัวของภัตตาคารไม่ใช่สถานที่ผลิตดอกไม้ไฟหรือประทัดเสียหน่อย ในนั้นคงไม่มีดินประสิว เหตุใดอยู่ๆ ห้องครัวถึงระเบิดได้เล่า?
ซ่งฝูบอกเล่าสาเหตุการระเบิดของห้องครัวในภัตตาคารเล็กให้ฮูหยินเฒ่าฟังโดยละเอียด ฮูหยินเฒ่ากู้รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก “แป้งระเบิดได้จริงหรือ? ”
“ได้ขอรับ ห้องครัวของภัตตาคารเล็กแห่งนั้นระเบิดจนไม่เหลือชิ้นดี ยังดีที่ทุกคนช่วยกันดับไฟได้ทันเวลา มิเช่นนั้นเกรงว่าภัตตาคารและบ้านเรือนที่อยู่ข้างเคียงคงไหม้ทั้งหมด” พอซ่งฝูคิดถึงเรื่องนี้ก็รู้สึกอกสั่นขวัญหาย
ก่อนหน้านี้เซียนจวีโหลวซื้อแป้งมายี่สิบกระสอบ หากวางไว้ในห้องครัวทั้งหมด ต่อให้เกิดการระเบิดเล็กๆ แต่หากประกายไฟไปติดแป้งที่เหลืออยู่ข้างๆ เช่นนั้นแรงระเบิด…
คงไม่ได้มีแค่ห้องครัวที่ระเบิดเหมือนภัตตาคารเล็ก
ฮูหยินเฒ่ากู้ถือเป็นคนที่เคยผ่านประสบการณ์มามาก จึงรีบกล่าว “เช่นนั้นคุณชายเปลี่ยนที่เก็บแป้งหรือยัง? อย่าได้เก็บไว้ในห้องครัวเป็นอันขาด”
ซ่งฝูเงยหน้าขึ้นมองฮูหยินเฒ่ากู้ กล่าวตามจริง “คุณชายเก็บแป้งไว้ในห้องเก็บของอื่นนานแล้วขอรับ ไม่ได้เก็บไว้ในห้องครัว”
“ไม่ได้เก็บก็ดี ไม่ได้เก็บก็ดี” ฮูหยินเฒ่ากู้ตบอกเบาๆ สีหน้าบ่งบอกว่าขวัญเสียเช่นกัน
ท่านป้ากุ้ยที่อยู่ข้างๆ ยิ้มพร้อมกล่าว “คุณชายของเราช่างมองการณ์ไกลเสียจริง สามารถเตรียมการล่วงหน้า ราวกับคาดการณ์ไว้แล้วว่าแป้งจะเกิดปัญหาได้อย่างไรอย่างนั้น”
แป้งของเซียนจวีโหลวเก็บในห้องครัวมาตลอด นับตั้งแต่ตอนนายท่านของบ้านตระกูลซ่งยังอยู่ ก็ไม่เคยเปลี่ยนที่เก็บมาก่อน
ซ่งฝูไม่คิดปิดบัง “คุณชายรู้ว่าแป้งอาจเกิดปัญหา ดังนั้นจึงจงใจหาห้องแยก นำแป้งไปเก็บไว้ในห้องที่อยู่ห่างห้องครัวขอรับ”
ฮูหยินเฒ่ากู้รู้สึกตกใจเล็กน้อย “อะไรนะ? ฉางชิงรู้ว่าแป้งจะเกิดปัญหา? เขารู้ได้อย่างไรว่าแป้งจะเกิดปัญหาได้? ”
ซ่งฝูสีหน้าเปลี่ยนไปอีกครั้ง ไม่ได้มีความดูหมิ่นเหยียดหยามเหมือนก่อนหน้านี้ “ฮูหยินเฒ่า ท่านยังจำฮูหยินที่มาขายสูตรหมูต้มจิ้มน้ำจิ้มที่เซียนจวีโหลวได้หรือไม่ขอรับ? ”
“ฮูหยินเซียวผู้นั้นหรือ? ” ฮูหยินเฒ่ากู้เอ่ยถาม “ย่อมต้องจำได้ วันนั้นหากไม่ได้นาง ยายแก่อย่างข้าคงล้มลงไปแล้ว”
ซ่งฝูพยักหน้า “ฮูหยินเซียวผู้นั้นล่ะขอรับ ตอนเซียนจวีโหลวซื้อแป้ง ฮูหยินเซียวก็อยู่ด้วยพอดี นางบอกคุณชายว่า จะวางแป้งไว้ในห้องครัวไม่ได้ บอกว่าหากโดนประกายไฟแล้วจะระเบิด ตอนนั้นข้าน้อยยังไม่เชื่อ…”
ยังดีที่คุณชายเชื่อ หากไม่เชื่อ ถ้าพวกเขาไม่ระวัง แป้งเหล่านั้นคงระเบิดไปแล้ว
“อ้อ ฮูหยินเซียวผู้นั้นรู้เรื่องนี้ด้วยหรือ” ฮูหยินเฒ่ากู้เอ่ยชมไม่ขาดปาก กล่าวกับท่านป้ากุ้ยที่อยู่ข้างๆ “เจ้าไม่เคยพบฮูหยินเซียวผู้นั้น อายุยังน้อย การวางตัวและปฏิบัติต่อผู้อื่นเหมือนเป็นคนจากตระกูลใหญ่ ยังมีรูปโฉมนั่นอีก ถือว่ารูปโฉมเป็นอันดับหนึ่งในเมืองโยวหลันเลยทีเดียว คิดไม่ถึง ว่านอกจากจะทำการค้ากับพวกเรา ยังช่วยเหลือพวกเราไว้ด้วย นับเป็นดาวนำโชคของครอบครัวตระกูลซ่งจริงๆ ! ”
ท่านป้ากุ้ยก็เอ่ยชมเช่นกัน “ได้ยินฮูหยินเฒ่าเอ่ยชมเช่นนี้ บ่าวก็รู้สึกอยากพบฮูหยินผู้นั้นแล้วเจ้าค่ะ”
ฮูหยินเฒ่ากู้ยิ้ม “แม่หนูนั่นแค่ได้เห็นก็รู้สึกชอบแล้ว”
ซ่งฝูเห็นว่าฮูหยินเฒ่ากู้ไม่เป็นอะไร จึงวางใจ พอได้มาและบอกกล่าวความกลัวในใจออกมา แขนขาก็ไม่ได้อ่อนแรงเหมือนเมื่อครู่แล้ว จึงลุกขึ้นเอง กำลังจะกลับเซียนจวีโหลว
ฮูหยินเฒ่ากู้ไม่ได้รั้งเขาไว้ “ไปเถอะ เป็นช่วงที่ยุ่งที่สุดพอดี”
ซ่งฝูประสานมืออำลา ฮูหยินเฒ่ากู้มองส่งแผ่นหลังของเขาที่เดินจากไป จู่ๆ แววตาก็ฉายประกายเคร่งเครียด
ท่านป้ากุ้ยไม่ได้กล่าวอะไร เมื่อหันมองไปทางประตูใหญ่ตามสายตาของฮูหยินเฒ่ากู้ที่มองอยู่ ชายกระโปรงสีเหลืองนวลหายวับไปตรงประตูอย่างรวดเร็ว
ท่านป้ากุ้ยรู้สึกตกใจทันที หันมองฮูหยินเฒ่ากู้ด้วยความตกตะลึง “ฮูหยินเฒ่า…”
ฮูหยินเฒ่ากู้ลุกขึ้นยืน ตบมือของท่านป้ากุ้ยเบาๆ ถอนหายใจทีหนึ่ง “พยุงข้ากลับไปพักผ่อน”
ท่านป้ากุ้ยรีบพยุงฮูหยินเฒ่ากู้กลับห้อง หลังจากกลับไปนางยังรู้สึกหวั่นใจ คุณหนูแอบฟังฮูหยินเฒ่ากู้หรือนี่
เดิมทีคำพูดเหล่านั้นไม่ใช่ความลับอะไร คุณหนูสามารถเข้ามาฟังอย่างเปิดเผยได้ ทว่า… นางกลับยืนแอบฟังอยู่ด้านนอก
นี่หาใช่เรื่องที่หญิงสาวใสซื่อบริสุทธิ์จะทำได้!
กู้ซินเยว่แอบฟังจริงๆ
พอได้ยินคนของตัวเองรายงานว่าซ่งฝูกลับเรือน กู้ซินเยว่ก็ออกจากห้องของตัวเองมายังโถงหน้าอย่างอดรนทนไม่ไหว เดิมทีคิดจะเข้าไป แต่ใครจะรู้ ว่าซ่งฝูจะกล่าวถึงฮูหยินเซียว
ฮูหยินเซียวคือผู้ใด กู้ซินเยว่ย่อมรู้ดี
คือสตรีที่ขายสูตรอาหารให้เซียนจวีโหลว
หน้าตาเหมือนนางจิ้งจอก ยังรู้เรื่องที่แป้งจะระเบิดเสียด้วย?
พอเกิดเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่ญาติผู้พี่ แม้แต่ท่านป้าก็มองสตรีผู้นั้นต่างจากเดิม กล่าวว่านางมีอิริยาบถและการวางตัวเหมือนคนจากตระกูลใหญ่ ทั้งยังเป็นดาวนำโชคของครอบครัวตระกูลซ่ง ก็แค่สตรีที่แต่งงานแล้ว ทำไมท่านป้าถึงประเมินนางสูงถึงเพียงนั้น!
ท่านป้ายังบอกอีกว่าแค่ได้พบก็รู้สึกชอบ ชอบนางตรงไหน? นางเป็นสตรีที่แต่งงานแล้ว ท่านป้าชอบนางตรงไหนกัน?
หรือว่าหากนางยังไม่แต่งงาน ท่านป้ายังมีความคิดเป็นอื่นอีก!
กู้ซินเยว่ยิ่งคิดยิ่งฟุ้งซ่าน ยิ่งฟุ้งซ่านก็ยิ่งเคร่งเครียด “เจ้าว่าญาติผู้พี่จะมีใจคิดเป็นอื่นกับสตรีผู้นั้นหรือไม่? ”
น่าจะคิดเป็นอื่นจริง ครั้งก่อนพวกเขาอยู่ในห้องครัวกันสองคน ตอนนางเข้าไป เห็นอย่างชัดเจนว่าสายตาของญาติผู้พี่มองทอดไปที่สตรีผู้นั้น แววตาอ่อนโยน เห็นแล้วนางก็รู้สึกริษยายิ่งนัก
ทำไมญาติผู้พี่ต้องมองสตรีที่แต่งงานแล้วด้วยแววตาอ่อนโยนเช่นนั้นด้วย
จื่อเยียนรู้สึกประหลาดใจ “คุณหนู ท่านหมายถึง…” ใครหรือ? สตรีผู้นั้น? ข้างกายคุณชายไม่เคยมีสตรีอื่นเลยนี่นา!
กู้ซินเยว่กล่าวด้วยท่าทางดุร้าย “ยังจะมีใครอีก ก็นางจิ้งจอกที่ขายสูตรอาหารให้ญาติผู้พี่คนนั้น หน้าตาเหมือนนางจิ้งจอก แต่งงานแล้วยังจะออกมาให้ท่าบุรุษอื่นไปทั่ว”
กู้ซินเยว่เรียกนางจิ้งจอกบ้าง กล่าวว่าให้ท่าบุรุษอื่นบ้าง จื่อเยียนได้ฟังแล้วรู้สึกตกใจเป็นอย่างยิ่ง
“คุณหนู ท่านเบาเสียงหน่อยเจ้าค่ะ อย่า…”
“อย่าอะไรกัน คำพูดข้าไปทำให้ใครไม่พอใจ ต่อไปที่นี่ก็เป็นบ้านข้า ข้าเป็นนายหญิงของบ้านตระกูลซ่ง ข้าพูดอยู่ในบ้านข้า ใครจะไม่พอใจอะไร? ” กู้ซินเยว่ว่ากล่าวเสียงดัง
จื่อเยียนกลัวว่าคนของเรือนตระกูลซ่งจะได้ยิน จึงรีบวิ่งไปปิดประตูหน้าต่างอย่างมิดชิด
“ข้าทุ่มเทปรนนิบัติท่านป้า นางกลับบอกว่าสตรีคนอื่นเป็นดาวนำโชคของครอบครัวตระกูลซ่ง ทั้งยังบอกว่าแค่ได้พบสตรีผู้นั้นก็รู้สึกชื่นชอบ หากนางจิ้งจอกนั่นยังไม่แต่งงาน หรือว่าท่านป้าจะให้นางครองคู่กับญาติผู้พี่? ข้าดีต่อนางถึงเพียงนั้น ปรนนิบัติเหมือนมารดาของข้าก็มิปาน นางเห็นข้าอยู่ในสายตาบ้างหรือไม่” กู้ซินเยว่ยิ่งกล่าวยิ่งโมโห ปัดข้าวของบนโต๊ะลงบนพื้นทั้งหมด ก่อให้เกิดเสียงแตกดังเพล้ง
ถาดฉานซือหมาเหน่า [1] ชั้นดีแตกกระจายเต็มพื้น ผลไม้สดใหม่ที่วางอยู่ในถาดก็หล่นกลิ้งไปทั่ว
ตอนนี้คุณหนูโมโหมาก
จื่อเยียนตกใจจนคุกเข่าดังตุ้บ
กู้ซินเยว่ยังคงไม่หายโมโห ก่นด่าเสียงดังไม่หยุด จื่อเยียนไม่กล้ากล่าวอะไรแม้แต่ประโยคเดียว และไม่กล้าเงยหน้า ปล่อยให้กู้ซินเยว่ด่าเรื่องนั้นที ด่าเรื่องนี้ที เหมือนจะคุ้นชินกับเรื่องเช่นนี้เพราะเกิดขึ้นเป็นประจำอย่างไรอย่างนั้น
บ่าวรับใช้ข้างนอกถูกไล่ไปที่อื่นนานแล้ว ภายในลานว่างเปล่า มีเพียงด้านในที่มีเสียงก่นด่าของกู้ซินเยว่ดังออกมา แต่ก็ไม่มีผู้ใดได้ยิน
ซ่งฝูออกจากประตูใหญ่เรือนตระกูลซ่ง เดิมทีจะมุ่งหน้าไปยังเซียนจวีโหลว หลังจากเดินไปหลายก้าวกลับหยุดชะงัก หันขวับเดินไปยังทิศตรงกันข้าม
เหยาหลี่ซวีอาศัยอยู่ทางนี้ เขามีธุระเล็กน้อย ต้องการไปหาเหยาหลี่ซวี
————————-
เชิงอรรถ
[1] ฉานซือหมาเหน่า คือ ซาร์โดนิกซ์ เป็นอัญมณีที่มีแถบสีน้ำตาลแดงขนานกัน บางครั้งมีลายสีขาวแทรกสลับ