เด็กสองคนจะตามเซี่ยยวี่หลัวไปในที่นา เซี่ยยวี่หลัวจะไปเก็บถั่ว
ตอนนี้ถั่วเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว ภายในเปลือกสีเขียวอวบอิ่ม ห่อหุ้มเมล็ดถั่วสีเขียวสองหรือสามเม็ดไว้ เซี่ยยวี่หลัวถอนต้นถั่วออกมาทั้งรากสองกำมือ
เซียวจื่อเซวียนรู้สึกเสียดาย “พี่สะใภ้ใหญ่ ถั่วยังไม่สุกเลยขอรับ”
ถั่วสีเขียวยังไม่สามารถกินได้ ต้องรอให้กลายเป็นสีเหลือง จึงจะขายให้คนทำเต้าหู้ คนทำเต้าหู้ถึงจะนำไปบดเพื่อทำเต้าหู้ได้
เซี่ยยวี่หลัวยิ้ม “ไม่เป็นอะไร กลับไปพี่สะใภ้ใหญ่จะทำของอร่อยให้พวกเจ้ากิน! ”
“ใช้ถั่วนี่หรือขอรับ? ” เซียวจื่อเซวียนได้ฟังว่าจะมีของอร่อยอีก ดวงตาพลันลุกวาว
เซี่ยยวี่หลัว “อืม ใช้ถั่วนี่แหละ กลับไปจะทำถั่วแระต้มให้พวกเจ้ากิน”
ในภพก่อน ถั่วแระต้มเป็นหนึ่งในอาหารยอดนิยมของร้านขายอาหารยามค่ำคืนเลยทีเดียว
กุ้งมังกร หอยขม ถั่วแระย่าง ถั่วแระสดกินกับน้ำแกงเข้มข้น อร่อยเสียยิ่งกว่าอะไร
พอเซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งได้ยินว่ามีของอร่อย ย่อมรู้สึกดีใจ
ระหว่างทางกลับ เซียวจื่อเซวียนขอออกไปเล่น เซี่ยยวี่หลัวตอบตกลง
เซียวจื่อเมิ่งที่อยู่ข้างๆ ก็กล่าวด้วยท่าทางออดอ้อน “พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าก็อยากออกไปเล่นกับพี่รองเจ้าค่ะ”
“ได้ เช่นนั้นจื่อเซวียนดูน้องสาวดีๆ อย่าเล่นจนสายเกินไป รีบกลับบ้านมากินข้าว”
เซียวจื่อเซวียนรีบขานรับ จูงมือเซียวจื่อเมิ่ง ทั้งสองคนกระโดดโลดเต้นไปเล่นแล้ว
เซี่ยยวี่หลัวรู้ว่าตอนนี้เซียวจื่อเซวียนมีเพื่อนเล่นในหมู่บ้านไม่น้อย เซียวจื่อเมิ่งก็มีเพื่อนสองถึงสามคน ทั้งคู่ออกไปเล่นเป็นครั้งคราว เซี่ยยวี่หลัวย่อมไม่ให้เด็กอยู่แต่ในบ้าน ได้แต่จ้องกันไปจ้องกันมา
ดังนั้นหากเด็กๆ อยากออกไปเล่น เซี่ยยวี่หลัวย่อมตอบตกลง
เมื่อเห็นเด็กสองคนเดินไปไกลแล้ว เซี่ยยวี่หลัวจึงหันตัวกลับบ้านไป กลับถึงบ้าน เซี่ยยวี่หลัวไปเก็บผักจำนวนหนึ่งจากสวนหลังบ้าน จากนั้นจึงเด็ดถั่วแระออกมาทีละฝัก ใช้กรรไกรตัดปลายสองด้าน ต้นถั่วสองต้น ได้ถั่วแระหนึ่งกระด้งใหญ่
ถั่วแระแต่ละฝักล้วนอวบอิ่มสมบูรณ์ มีฝักที่แบนน้อยมาก ปีนี้น้ำฝนเพียงพอ แสงแดดก็มากพอ สภาพอากาศเอื้ออำนวย เป็นปีที่มีผลเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์!
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกตื่นเต้น
นางคิดไว้แล้วว่าจะขายสูตรอาหารอะไรให้เซียนจวีโหลว ถั่วแระต้ม ไม่เพียงแค่สามารถทานเป็นอาหารค่ำ ทั้งยังสามารถกินเป็นกับแกล้มได้ด้วย
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกดีใจยิ่งนัก ล้างถั่วแระจนสะอาด จากนั้นจึงเริ่มทำถั่วแระต้ม
ถั่วแระนั้นใช่ว่ายิ่งต้มนานจะยิ่งอร่อย แต่แช่ในน้ำแกงเป็นเวลาสองเค่อขึ้นไป รสสัมผัสจะดียิ่งขึ้น เซี่ยยวี่หลัวเติมน้ำเพื่อต้มถั่วแระ ต้มเสร็จแล้วตักขึ้นมา จากนั้นจึงหั่นหัวหอม ขิง และกระเทียม เจียวจนหอมก่อนเทลงไปในถั่วแระที่ต้มไปหนึ่งหนแล้วเพื่อผัด เติมเกลือและซีอิ๊ว ผัดจนได้ที่แล้ว จึงเติมน้ำให้ท่วมถั่วแระ ต้มด้วยไฟแรงจนเดือด จากนั้นจึงเคี่ยวต่อด้วยไฟอ่อนเพื่อให้น้ำแกงเข้มข้น ถั่วแระผ่านการต้มมาหนึ่งรอบแล้ว ครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องต้มนานเกินไป พอได้ที่แล้วจึงตักขึ้นมา วางไว้ข้างๆ
ถั่วแระผ่านการแช่ในน้ำแกง ถึงเวลารสชาติจะแทรกซึมเข้าไปในตัวถั่ว กัดหนึ่งคำ ก็จะมีน้ำแกงเข้มข้น บวกกับถั่วที่อวบอิ่ม เซี่ยยวี่หลัวลองกินหนึ่งฝัก อร่อยจนแทบกัดลิ้น กินต่ออีกสองสามฝัก ก่อนจะวางลงอย่างเสียดาย
รอให้ถึงเวลามื้อเที่ยงทุกคนกินด้วยกัน กินด้วยกันถึงจะอร่อย!
เซี่ยยวี่หลัวทำอาหารอร่อยอย่างหนึ่งเสร็จ ทั้งยังคิดได้แล้วว่าจะหาเงินด้วยสูตรอาหารใด ย่อมรู้สึกยินดี หุงข้าว ผัดอาหาร ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี ไม่ทันรู้ตัวเลยว่า เซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งเล่นถึงเวลานี้แล้วยังไม่กลับมา
ระหว่างทำน้ำแกงไข่เป็นอย่างสุดท้าย เซียวจื่อเซวียนจึงกลับมา แทบจะพุ่งพรวดเข้ามาในบ้าน
“พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่…” น้ำเสียงแฝงเร้นด้วยความร้อนรนและตื่นตระหนก
เซี่ยยวี่หลัวกำลังใส่ฟืนในเตาไฟ เห็นท่าทางตื่นตระหนกของเซียวจื่อเซวียน จึงรีบเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ? ”
“พี่สะใภ้ใหญ่ จื่อเมิ่งกลับมาหรือยังขอรับ? ” เซียวจื่อเซวียนวิ่งจนเหงื่อโชก หายใจเหนื่อยหอบ พบเซี่ยยวี่หลัวก็รีบถามหาเซียวจื่อเมิ่ง
เซี่ยยวี่หลัวผงะไป ไม่รอให้เซียวจื่อเซวียนกล่าวอะไรก็พุ่งพรวดออกไป เอ่ยเรียกเซียวจื่อเมิ่งเสียงดัง เซียวจื่อเมิ่งเป็นเด็กรู้ความ หากได้ยินผู้ใหญ่เรียก นางต้องขานตอบแน่ ทว่า เซี่ยยวี่หลัวและเซียวจื่อเซวียนเอ่ยเรียกอยู่นาน ก็ไม่มีผู้ใดขานตอบ
เซียวยวี่ได้ยินเสียง จึงวิ่งออกมาด้วยสีหน้าวิตกกังวลเช่นกัน “เกิดอะไรขึ้น? ”
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกเย็นสันหลังวาบ บรรยากาศรอบข้างเงียบสงบผิดปกติ
เซียวจื่อเซวียนล้มนั่งลงบนพื้น ร้องไห้เสียงดังไม่หยุด “ข้าทำจื่อเมิ่งหายขอรับ! ”
ที่แท้ภายหลังเซียวจื่อเซวียนพาเซียวจื่อเมิ่งออกไปเล่น ทั้งสองคนก็แยกกันเป็นสองกลุ่ม เซียวจื่อเซวียนเล่นกับเพื่อนของเขา เซียวจื่อเมิ่งเล่นกับเด็กผู้หญิง ถึงแม้จะเล่นอยู่ที่เดียวกัน แต่เพราะเล่นอย่างสนุกสนานเกินไป เซียวจื่อเซวียนไม่ทันสังเกตเลยว่าน้องสาวของตัวเองกำลังทำอะไร
ไม่รู้ว่าเล่นนานเพียงใด เซียวจื่อเซวียนเห็นว่าสายแล้ว ต้องกลับบ้าน จึงไปหาเซียวจื่อเมิ่ง หาไปหามา ก็ยังหาเซียวจื่อเมิ่งไม่พบ ลองถามเด็กผู้หญิงสองคนที่เล่นด้วยกัน ก็ตอบว่าทุกคนกลับบ้านแล้ว เซียวจื่อเซวียนจึงวิ่งกลับมา
พอได้ยินว่าเซียวจื่อเมิ่งไม่อยู่ในบ้าน เซี่ยยวี่หลัวก็รู้สึกตื่นตระหนกเช่นกัน ทว่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะร้อนรน นางสงบสติอารมณ์ กล่าวกับเซียวจื่อเซวียน “อย่าเพิ่งกังวล อย่าร้องไห้ บางทีจื่อเมิ่งอาจไปเล่นที่อื่นก็เป็นได้ ตอนนี้พวกเราลองไปถามเด็กผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เล่นด้วยกัน ดูว่าจื่อเมิ่งไปบ้านพวกนางหรือไม่”
เซี่ยยวี่หลัวสงบจิตใจ ดึงเซียวจื่อเซวียนขึ้น
เซียวจื่อเซวียนไม่ร้องไห้แล้ว วิ่งตามเซี่ยยวี่หลัวออกไป เซียวยวี่ก็ตามอยู่ข้างหลัง ตื่นตระหนกจนฝีก้าวโซเซเล็กน้อย
เด็กผู้หญิงที่เล่นด้วยกันตอนนั้น รวมเซียวจื่อเมิ่งด้วยมีทั้งหมดหกคน ก่อนหน้านี้เซียวจื่อเซวียนถามสองคนแล้ว เหลืออีกสามคน ทั้งสามคนแยกกันไปหา ไปคนละบ้าน
บ้านที่เซี่ยยวี่หลัวไปหาเป็นบ้านของหลัวไห่ฮวา
ตอนนั้นเสี่ยวฮวาก็เล่นอยู่ด้วยกัน
ขาของหลัวไห่ฮวายังไม่หายดี ได้แต่ใช้ไม้เท้ากับขาอีกข้างหนึ่ง กระโดดไปทางนั้นทีทางนี้ที ตอนนี้กำลังใส่ฟืนอยู่ในห้องครัว เซียวไฉซุ่นกลับมาทำอาหาร สองสามีภรรยาไม่กล่าวอะไรแม้แต่คำเดียว
เซี่ยยวี่หลัวไปเคาะประตูพร้อมตะโกนเรียก
พอได้ยินเสียงของเซี่ยยวี่หลัว หลัวไห่ฮวาทำสีหน้าบึ้งตึงทันที “นางคนหน้าไม่อาย นางจะมาทำไม! ”
เซียวไฉซุ่นมองภรรยาของตัวเองด้วยสายตาเย็นเยียบ “นางไม่ได้ทำผิดต่อเจ้ากระมัง? ”
กล่าวจบ ไม่สนใจสีหน้าของหลัวไห่ฮวาที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน รีบวิ่งไปเปิดประตู
เซี่ยยวี่หลัวเอ่ยเรียกพี่เซียวไฉซุ่น ก่อนถามอย่างเร่งรีบ “เสี่ยวฮวาบ้านท่านอยู่บ้านหรือไม่? ”
เซียวไฉซุ่น “ไม่อยู่ นางออกไปเล่นกับพี่ชายของนางแล้ว”
“เช่นนั้นต้าจ้วงกลับมาหรือยัง? ” เซี่ยยวี่หลัวเอ่ยถามอีกครั้ง
“ต้าจ้วง ต้าจ้วง! ” เซียวไฉซุ่นตะโกนเรียกสองครั้ง เซียวต้าจ้วงเดินออกมาจากห้องของตัวเอง “ท่านพ่อ…”
“น้องสาวของเจ้าเล่า? ” เซียวไฉซุ่นเอ่ยถาม
เซียวต้าจ้วงหาวทีหนึ่ง ร่างกายอวบอ้วนพิงอยู่ตรงวงกบประตู กล่าวด้วยท่าทางเกียจคร้าน “ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่านางไปเล่นที่ไหน! บางทีอาจเล่นจนไม่รู้จักกลับบ้านก็เป็นได้”