ตอนที่ 73 ทำให้คนคล้อยตาม
บางคราหยุนเชวี่ยก็รู้สึกว่าแม่นางเฉินน่าสงสารอย่างยิ่ง ทว่านิสัยปากมากของนางทำให้ผู้คนไม่อาจเห็นอกเห็นใจได้
“ท่านอาสะใภ้สาม ท่านแม่ของข้าจะเทียบกับท่านได้อย่างไรเจ้าคะ?” หยุนเชวี่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านแม่ของข้ากินข้าวเพียงมื้อเดียว แต่ดูความสบายของท่านสิ ต่อให้มัดท่านแม่สามคนรวมกันยังสู้ไม่ได้เลยเจ้าค่ะ!”
อีกด้านหนึ่ง หยุนเยี่ยนเม้มริมฝีปากแน่นจนเกิดรอยสีขาวขณะกลั้นหัวเราะจนไหล่สั่น
แม่นางเฉินผงะไปครู่หนึ่ง
เมื่อรู้ตัวว่าโดนด่าทางอ้อม แม่นางเฉินจึงเอามือเท้าเอวพร้อมตวาดเสียงดัง “นังเด็กเมื่อวานซืน!”
“อาสะใภ้สาม ข้าเพียงชื่นชมท่าน เหตุใดถึงด่าทอข้าเล่า?”
“หึ คิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าหลอกด่าข้าสินะ”
“ท่านอาสะใภ้สาม ข้าได้ยินหมอดูในเมืองบอกว่า…”
หยุนเชวี่ยแตะคางพร้อมขมวดคิ้วแน่น นางจ้องมองใบหน้าของแม่นางเฉินอย่างพินิจโดยไม่กะพริบตาพลางพึมพำออกมา
“จมูกกว้าง กรามเหลี่ยม ริมฝีปากอวบอิ่ม อาสะใภ้สาม ท่านมีเครื่องหน้าของเศรษฐี!”
แม่นางเฉินงุนงง
นางรู้สึกสับสนกับคำพูดของหลานสาวจึงกลอกตาสองครั้งพลางเอ่ยถามอย่างสงสัย “จริงหรือ…”
“ท่านคิดว่าข้าปดหรือ? โฉมหน้าของท่านเป็นโฉมหน้าของผู้มีโชคลาภชัด ๆ เลยเจ้าค่ะ” หยุนเชวี่ยยกนิ้วโป้งขึ้น
ไม่ว่าเรื่องนี้จะจริงหรือเท็จ ภายในหัวใจของแม่นางเฉินก็มีความสุขยิ่งนัก
นางยกมือสัมผัสใบหน้าของตนเองอย่างไม่รู้ตัว แต่ก่อนที่นางจะหลงระเริงไปกับคำพูด เสียงสาปแช่งของแม่เฒ่าจูก็ดังขึ้นเสียก่อน
“ลูกสะใภ้สาม ตอนนี้กี่โมงกี่ยามแล้ว! เหตุใดไม่นอนจนตะวันส่องก้นแล้วให้ข้าเอากับข้าวไปประเคนให้เล่า!”
แม่นางเฉินกลอกตาพลางพึมพำ “นางคงจะเรียกหาข้าทั้งวัน”
ผู้เฒ่าหยุนเผยสีหน้าบูดบึ้งพร้อมเหลือบมองหยุนเชวี่ยอย่างไม่พอใจ
หยุนเชวี่ยฉีกยิ้มกว้างเผยให้เห็นลักยิ้มอันน่าหลงใหลบนแก้มนวลทั้งสองข้าง
แม่นางเหลียนเอนกายพิงหัวเตียงก่อนกล่าวว่า “ฟังนะ ลูกสาวของท่านพูดจาไร้สาระอีกแล้ว ท่านเป็นพ่อต้องตักเตือนนางบ้าง…”
“ฮ่าฮ่า ลูกสาวของข้าฉลาดพูด ไม่ซื่อบื้อเหมือนข้า” หยุนลี่เต๋อตระหนักในความเขลาของตนเอง
“นางพูดจาโผงผางเกินไป ผ่าเหล่าผ่ากอไปเสียทุกสิ่ง ข้าจะทำอย่างไรดีหากในอนาคตไม่มีแม่สื่อคนไหนกล้ามาสู่ขอนาง?”
แม่นางเหลียนไม่เข้าใจว่าทั้งตัวนางและหยุนลี่เต๋อต่างอ่อนโยนและมีเมตตา แต่เหตุใดพวกเขาถึงให้กำเนิดหญิงสาวที่ร้ายกาจเช่นนี้
“ไม่หรอก เชวี่ยเอ๋อมีใบหน้าคล้ายคลึงกับเจ้า ทั้งงดงามทั้งมีน้ำใจ ข้าเกรงว่าคนที่จะมาสู่ขอนางในอีกสองปีข้างหน้าจะสามารถทำให้ชีวิตของครอบครัวเราดีขึ้นแน่…”
แม่นางเหลียนจ้องมองอย่างโกรธเคือง “ท่านเป็นพ่อประสาอะไร”
หยุนลี่เต๋อหยิบผ้านวมที่ทำด้วยผ้าฝ้ายผืนบางออกจากกล่องไม้ใบใหญ่พลางสะบัดและพับครึ่ง ก่อนบุไว้ด้านหลังเอวของแม่นางเหลียนอย่างระมัดระวัง
“รู้สึกดีขึ้นหรือไม่?”
แม่นางเหลียนพยักหน้าพลางเอื้อมมือไปผลักสามีเบา ๆ ขณะที่แก้มขาวผ่องเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ “ออกไปก่อนเถิด ตอนนี้กลางวันแสก ๆ”
ผิวของแม่นางเหลียนนุ่มนวลและผ่องใส ดวงตากระจ่างใสดุจแม่น้ำในฤดูใบไม้ร่วง เมื่อรู้สึกเอียงอาย ใบหน้าของนางจะงดงามเป็นพิเศษ…
หยุนลี่เต๋อสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงของหยุนเยี่ยนดังมาจากด้านนอก
“ท่านพ่อ ข้าวต้มพร้อมแล้วเจ้าค่ะ…”
เพียงหนึ่งเสียง การเคลื่อนไหวต่าง ๆ ภายในห้องก็หยุดลง
ภายนอก
หยุนเชวี่ยดึงหยุนเยี่ยนเข้ามาใกล้และทำความสะอาดอย่างเงียบ ๆ “พี่สาว อย่าตะโกน…”
หยุนเยี่ยนเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “มีอะไรหรือ?”
“อย่ารบกวนท่านพ่อกับท่านแม่…”
“หืม?”
เครื่องหมายคำถามปรากฏขึ้นบนหน้าผากของหยุนเยี่ยน ‘เรียกท่านพ่อไม่ได้หรือ? ถ้าอย่างนั้นจะบอกได้อย่างไรว่าโจ๊กสุกแล้ว?’
“เพียงแค่…” หยุนเชวี่ยเลิกคิ้วพลางเผยสีหน้าลึกซึ้ง
“เจ้าพูดถึงเรื่องอะไร?”
“แค่…” หยุนเชวี่ยโน้มตัวไปกระซิบ นางใช้เวลาครุ่นคิดหาคำที่มีความหมายแฝงอยู่เป็นเวลานาน “อ่อนโยน”
“……”
หยุนเยี่ยนนิ่งอึ้ง
ใบหน้า ลำคอ ไปจนถึงปลายหูของหยุนเยี่ยนเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ
หยุนเชวี่ยเงยหน้ามองท้องฟ้าอย่างเงียบ ๆ
พี่สาวอายุสิบสี่ปีแล้วควรจะมีความรักเช่นเด็กสาวคนอื่นสิ แต่เหตุใดจิตใจของนางยังบริสุทธิ์ราวกับเด็กทารก?
หยุนลี่เต๋อเดินออกมาจากปีกตะวันตกของบ้านก่อนตักโจ๊กและจัดแตงกวาใส่จานใบเล็ก
หลังจากเดินไปได้สองก้าว เขาก็หันมาถามลูกสาวว่า “เชวี่ยเอ๋อ น้ำตาลอยู่ตรงไหนหรือ?”
หยุนเชวี่ยชี้นิ้วออกไป “อยู่ในโถข้างเตียงเจ้าค่ะ”
“อ้อ พวกเจ้าสามคนกินข้าวก่อนเลยนะ ไม่ต้องรอพ่อ”
หยุนเชวี่ย…
เสี่ยวอู่…
หยุนเยี่ยน…
แม่นางเหลียนเติมน้ำตาลลงไปในโจ๊กสองช้อนโต๊ะ โจ๊กถ้วยนี้ไม่เพียงหวานแค่ในปาก ทว่าซึมซาบไปจนถึงจิตใจ
หยุนลี่เต๋อยืนอยู่ข้างเตียงมองภรรยากินข้าวจนเสร็จ หลังจากนั้นเขาจึงกินโจ๊กสองสามคำอย่างไม่ใส่ใจก่อนไปที่ทุ่งนาพร้อมอุปกรณ์ทำนา
ก่อนออกจากบ้าน เขาก็ไม่ลืมที่จะมอบหมายหน้าที่ให้ลูกสาวทั้งสอง
“เยี่ยนเอ๋อไปฆ่าไก่และตุ๋นมันเสีย ส่วนเชวี่ยเอ๋อไปนวดเอวและขาให้กับแม่ของเจ้า”
หยุนเชวี่ยรับรู้ถึงความตั้งใจของบิดาที่ต้องการดูแลมารดาของนาง
แม้รูปร่างของชายผู้นี้จะใหญ่โตและมีนิสัยหยาบกระด้าง ทว่าภายในจิตใจช่างบอบบางยิ่ง เขามักดูแลและทะนุถนอมภรรยาดั่งลูกแก้วบอบบางราวกับกลัวว่านางจะแตกสลาย
“ท่านแม่ ท่านพ่อใจดีกับท่านมาก” หยุนเชวี่ยกำหมัดพลางทุบลงไปบนขาของแม่นางเหลียนเบา ๆ
“อืม ข้าอยากไปเดินเล่นเร็ว ๆ เอวแม่แข็งไปหมดแล้ว”
“ท่านปู่กับท่านย่าคิดว่าท่านแม่ไม่สบาย เพราะฉะนั้นอย่าออกจากบ้านเลยเจ้าค่ะ”
หยุนเชวี่ยดึงม่านระหว่างเตียงทั้งสองลงเพื่อไม่ให้บุคคลภายนอกสามารถมองผ่านหน้าต่างบานเล็กเข้ามาในห้องได้
“เชวี่ยเอ๋อ เป็นอะไรไป? พวกเราต้องปิดบังพ่อของเจ้าด้วยหรือ?”
“เราจะเปิดเผยเรื่องนี้ไม่ได้…”
เหตุผลหลักคือหยุนลี่เต๋อจริงใจเกินไป หยุนเชวี่ยจึงวางแผนนี้เพื่อช่วยลดความสิ้นหวังของบิดา
เดิมทีนางคิดจะบอกความลับเรื่องนี้ให้บิดารู้ แต่เมื่อคิดอย่างถี่ถ้วนแล้วนางไม่สามารถปล่อยผ่านได้ ดังนั้นจึงต้องผูกมัดเขาด้วยอาการป่วยของแม่นางเหลียนต่อไป มิฉะนั้นจะเกิดอะไรขึ้นหากเขาใจอ่อนอีก?
หยุนเชวี่ยเล่าเรื่องทุกอย่างที่นางได้ยินตอนอยู่ในห้องชั้นบนให้แม่นางเหลียนฟัง
“พวกเขากล่าวโทษพ่อของเจ้าได้อย่างไร?” ดวงตาของแม่นางเหลียนแดงก่ำ “ตอนแยกครอบครัว พวกเรายากจนถึงขนาดไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อหม้อข้าว พวกเขาหยิบยื่นเงินยี่สิบตำลึงให้เราหรือไม่?”
“ท่านปู่ ท่านย่า ท่านลุง ท่านป้า และหยุนชิ่วเอ๋อหารือกันมาก่อนแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงร่วมใจกันบีบบังคับให้ท่านพ่อของข้าต้องชดใช้เงินก้อนนั้น!”
“เหตุใดถึงไร้หัวใจเช่นนี้?” แม่นางเหลียนถอนหายใจ “พ่อของเจ้าซื่อสัตย์และไม่เคยปริปากบ่น แม้ต้องทำงานหนักเพียงใด…”
“ท่านแม่ คราวนี้เราจะไม่ปล่อยให้ท่านพ่อใจอ่อนอีกแล้ว เมื่อใดที่ท่านพ่อตอบตกลงกับท่านย่า เมื่อนั้นเราจะสูญเสียที่ดินทำกินทันที…”
ที่ดินแปดไร่เก้าเฟินไม่ได้เป็นเพียงแหล่งอาหาร แต่ยังรวมไปถึงค่าอาหารและเสื้อผ้าของทั้งห้าคนในปีนี้ด้วย!
หากเราขายที่ดินไปสี่ไร่ อย่าว่าแต่สินสอดทองหมั้นของหยุนเยี่ยนและเงินที่ใช้จ่ายเพื่อการศึกษาเลย เงินประทังชีวิตในปีหน้าก็ยังไม่พอ…
ผ่านไปครู่หนึ่ง แม่นางเหลียนจึงพยักหน้าทั้งน้ำตา “ข้าจะบอกพ่อของเจ้า”
“ท่านแม่…” หยุนเชวี่ยคุกเข่าลงข้างเตียงพลางโน้มตัวเข้าไปกระซิบ “เมื่อท่านพ่อกลับมา ให้ท่านพูดอย่างนี้…”
ลานบ้าน
หยุนเยี่ยนกำลังฆ่าไก่เพื่อนำไปทำอาหาร
นางได้รับความขยันขันแข็งและความคล่องแคล่วมาจากแม่นางเหลียน หยุนเยี่ยนล้างทำความสะอาดไก่ก่อนต้มน้ำในหม้อใบใหญ่และถอนขนไก่ออกจนหมดจด
“พี่สาว ต้องการให้ข้าช่วยหรือไม่?” หยุนเชวี่ยเอ่ยถามขณะยืนอยู่ด้านข้าง
“ไม่เป็นไร เจ้าไม่ไปในเมืองหรือ?”
“ไม่ล่ะ ข้าต้องเฝ้าบ้าน…” หยุนเชวี่ยเงยหน้าขึ้นพลางชี้ไปที่ห้อง “ข้าบอกให้เหอยาโถวมาหาที่นี่น่ะ”