ตอนที่ 245 : การรวมตัว

หวังเย่าพยักหน้า อันตงจ๋าอธิบายชัดเจนอยู่แล้ว เขาเข้าใจเรื่องนี้แต่ก็ยังแปลกใจ เขาไม่คิดว่าสำนักลับนั้นจะมีนักรบระดับ SS และ S มากถึงขนาดนี้

ดูเหมือนว่ามังกรหลับใหลพวกนี้ไม่อาจจะดูถูกได้จริง ๆ

“ฉันเข้าใจแล้ว” หวังเย่าพยักหน้า อย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายก็เกิดมาพร้อมพรสวรรค์ที่สูงและได้รับการฝึกฝนจากผู้ฝึกตนที่มีประสบการณ์หลายสิบปี เป็นธรรมดาที่จะมาถึงจุดนี้ได้

“งั้นครั้งนี้มีแค่นายที่ลงมาจากเขางั้นหรือ ? ” หวังเย่าอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา หากมีคนเหมือนกับอันตงจ๋าอีกคน งั้นเขาก็กล้าให้อีกฝ่ายชวนศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนักมาทำงานด้วยกัน นี่คงเป็นอะไรที่วิเศษ

อันตงจ๋าส่ายหน้า “พวกเรายังเรียนไม่จบ หากเรียนจบแล้วก็คงมีจำนวนมาก โดยพื้นฐานพวกเราลงเขามาเพียงลำพัง ใครก็ตามที่ฝึกไปถึงส่วนที่ 5 ก็สามารถลงเขาได้ ฉันฝึกมาถึงส่วนที่ 5 เมื่อเดือนก่อน ส่วนศิษย์คนอื่น ๆ ยังฝึกไม่ถึงส่วนที่ 5 แต่ฉันรู้ว่ามีศิษย์พี่ 2 คนที่ลงจากเขามา คนแรกลงมาเมื่อปีก่อน อีกคนลงมาเมื่อครึ่งปีก่อน แต่ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหนฉันก็ไม่รู้”

“เข้าใจแล้ว แล้วนายรู้จักสำนักลับอื่น ๆ รึเปล่า ? ”

“เรื่องนี้…ที่ฉันรู้จักมีอยู่ 2 แห่ง สำนักมวยไท่เก๊กและสำนักกระบี่ไร้นาม มันอยู่ในป่ารอบเมืองหัวเซี่ย ฉันไม่เคยไปที่นั่นมาก่อน แต่ทุก ๆ 2-3 ปีสำนักทั้งสองแห่งนี้จะมาเยี่ยมเยียนเพื่อแลกเปลี่ยนและดูความก้าวหน้าของกันและกัน”

“อย่างนี้นี่เอง” หวังเย่าหัวเราะออกมา “ถ้าตอนนี้นายหาสัตว์อสูรที่เหมาะสมในการทำสัญญาไม่ได้ ฉันก็มีไข่ไทแรนโนซอรัสระดับสวรรค์ขั้นกลางอยู่ใบหนึ่ง มันมีพลังที่แข็งแกร่ง ถ้านายสนใจ นายสามารถทำสัญญากับมันได้ คิดว่าไง ? ”

เขาได้บอกกับสมาชิกคนอื่น ๆ ที่เพิ่งเข้าร่วมด้วย “พวกนายคงได้ยินเรื่องอื่น ๆ มาแล้วสินะ แต่ในเรื่องการทำสัญญากับสัตว์อสูรนั้น ฉันให้สัตว์อสูรดี ๆ กับพวกนายได้ แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกนายมีความสามารถพอในการทำสัญญารึเปล่า”

เหล่าสมาชิกใหม่ต่างก็พากันอึ้ง พวกเขารู้ว่าพวกที่เข้าร่วมกลุ่มก่อนหน้านี้ได้ทำสัญญากับสัตว์อสูรระดับสวรรค์ พวกเขาจึงพากันอิจฉา

และตอนนี้อันตงจ๋าพูดไม่กี่คำก็ได้รับความสนใจจากหวังเย่าและอาจจะได้สัตว์อสูรระดับสวรรค์มาทำสัญญาด้วย

อันตงจ๋าครุ่นคิดสักพักแล้วตอบกลับ “ ได้ ”

สัตว์อสูรระดับสวรรค์นั้นแข็งแกร่งอย่างมาก หากพึ่งความสามารถของตัวเองในการทำสัญญานั้นมันคงยากที่จะหาสัตว์อสูรดี ๆ แบบนี้ได้ นี่ไม่ต้องนับการหาสัตว์อสูรที่ดีกว่านี้เลย ยังไงซะผู้ตรวจสอบหลายคนก็ไม่ได้มีสัตว์อสูรที่ดีแบบนี้

สำหรับการทำสัญญาแล้วมันก็ขึ้นอยู่กับความสามารถ

ก่อนหน้านี้พวกเขาอยู่ในป่าและคอยล่าสัตว์อสูร พวกเขาไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารและเครื่องดื่ม แต่หลังจากที่เข้ามาในเมืองหัวเซี่ยแล้ว ที่นี่คือสังคมมนุษย์ อาหารและเครื่องดื่มต้องแลกมาด้วยเงิน เขาต้องหางาน การเข้าร่วมกลุ่มทหารรับจ้างโลกาและเป็นสมาชิกทั่วไปก็พอจะได้ค่าจ้างที่พอรับได้ แต่ต่อให้เป็นทหารรับจ้างอยู่หลายปี ถ้าหากไม่พบกับโชคเลย งั้นคงไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อไข่อสูรระดับสวรรค์ขั้นกลางในราคา 10 ล้านเครดิตได้ มันต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะซื้อมันได้ แม้แต่กลุ่มทหารรับจ้างอื่น ๆ ก็อาจจะต้องใช้เวลาเก็บเงินทั้งชีวิต

แม้ว่าอันตงจ๋าจะอยู่ระดับ B แต่การได้ไข่อสูรดี ๆ แบบนี้ในเวลาอันสั้นก็ถือว่าเป็นความใฝ่ฝันแล้ว

ดังนั้นเป็นธรรมดาที่เขาจะยอมเซ็นสัญญากับกลุ่มทหาร ตราบใดที่เงื่อนไขไม่เคร่งครัดเกินไป งั้นมันก็ไม่มีปัญหาอะไร

หลังจากพูดคุยกับสมาชิกใหม่จนพอรู้จักกันบ้าง หวังเย่าก็ได้กลับไปที่ห้องทำงาน ห้องที่มีไว้เพื่อให้เขาพักไม่ใช่ทำงาน

ฟ่านฉิงเหมยไปชงชาให้กับเขา ใบชานี้เก็บมาจากเปลือกต้นไม้จิต สีของมันเป็นสีเขียว หลังจากที่ต้มแล้วมันจะส่งกลิ่นหอมของชาตลบอบอวลออกมา มันถือว่าเป็นชาชั้นดีของเมืองหัวเซี่ย

หวังเย่าเปิดคอมเพื่อดูข่าวที่เกิดขึ้นในครึ่งเดือนมานี้

เขาจำได้ว่าเมื่อครึ่งเดือนก่อนมีข่าวว่าเกาะต่าง ๆ โดนโจมตีรวมถึงการประมูลประจำชาติที่จะจัดขึ้นในเมืองหัวเซี่ย

ด้วยเวลาที่ผ่านมาครึ่งเดือนนี้ไม่รู้ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นบ้าง

ในเวลาเดียวกันเขาก็ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสำนักลับต่าง ๆ ยังไงซะพระและนักพรตนั้นก็ได้เข้ามาในเมืองอย่างเปิดเผย แม้ว่าสื่อจะไม่เห็นพวกนั้นแต่ทหารและคนอื่น ๆ ที่ประตูเมืองก็ต้องพูดคุยถึงพวกเขาบ้าง

ทันทีที่เขาค้นหาข่าวที่กำลังมาแรง เขาก็อดไม่ได้ที่จะตาเป็นประกาย แน่นอนว่ามีเรื่องสำคัญเกิดขึ้นมากมายในช่วงนี้

อย่างแรกเลยก็คือเมืองหัวเซี่ยปฏิเสธที่จะส่งคนไปช่วยผู้รอดชีวิตบนเกาะที่ไปซ่อนตัวอยู่ในมิติลับ และปฏิเสธที่จะรับยอดฝีมือของพวกนั้นมาพักพิงที่หัวเซี่ย พวกเขายื่นข้อเสนอว่าให้พวกนั้นเดินทางไปที่ทางเหนือของหัวเซี่ย ที่นั่นมีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่ถูกทิ้งร้างไว้โดยสหภาพโซเวียต

ในเรื่องนี้หวังเย่าไม่ได้ใส่ใจ

สำหรับคำประณามที่ยอดฝีมือของเมืองทั้งสาม กล่าวว่าหัวเซี่ยนั้นช่างไร้มนุษยธรรม ? เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะออกมา ไร้มนุษยธรรมหรือ ? ไม่หรอก นี่สิมนุษยธรรม

เมื่อคิดถึงสิ่งที่พวกเขาเคยทำไว้ในอดีต หัวเซี่ยก็นับว่าใจดีมากแล้ว พวกเขาควรฆ่าพวกนั้นทิ้งซะด้วยซ้ำ ตอนนี้พวกเขาไม่ใส่ใจกับเรื่องราวแต่หนหลังและไม่ได้คิดจะรังแกตอนที่พวกนี้ลำบาก แค่นี้ยังไม่พออีกรึไง ?

ปล่อยให้พวกเขาดูแลตัวเอง จะรอดรึไม่ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของพวกเขา หากไม่รอดก็แสดงว่าพระเจ้าต้องการพวกเขา การที่คนหัวเซี่ยไม่ช่วยพวกนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ยอมรับได้

เรื่องที่สองคือสถานการณ์ในอีกด้านของประเทศที่หนักหนากว่าเดิม แม้ว่าจะจัดการพื้นที่ในป่าโดยรอบแล้ว แต่ไม่นานมานี้ก็ยังมีฝูงสัตว์อสูรแห่กันมาที่ชานเมือง จำนวนสัตว์อสูรมากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป มันอาจจะทำให้ฝูงสัตว์อสูรขนาดใหญ่เข้าโจมตีพวกเขาจนเกิดหายนะก็ได้

เพื่อรับมือกับเรื่องนี้ ทางหัวเซี่ยได้ทำการเลื่อนเวลาในการประมูลขึ้นมาเร็วกว่าเดิม แต่เดิมอยู่วันที่ 10 แต่ตอนนี้กลับเลื่อนขึ้นมาเป็นวันที่ 7 แทน

พวกกองกำลังและทหารรับจ้างในเมืองต่าง ๆ สามารถเข้าช่วยเหลือและฆ่าสัตว์อสูรเพื่อเอามาแลกกับของรางวัลจากทางรัฐบาลได้

เรื่องที่สามก็ยังเกี่ยวข้องกับการประมูล นั่นก็คือเมื่อการประมูลเริ่มขึ้น นอกจากผู้คนจากเมืองอื่น ๆ แล้วก็ยังมีกองกำลังอย่างสำนักลึกลับที่ปรากฏตัวออกมาให้ทุกคนได้เห็นด้วย

ไม่กี่วันมานี้มียอดฝีมือลึกลับมาที่เมืองหัวเซี่ยอย่างสำนักแปดหมัด, สำนักมวยไท่เก๊ก , สำนักกระบี่ไร้นามและยังมีนิกายสันโดษอื่น ๆ อยู่อีก อย่างนิกายเจิงอี, นิกายมวยสิงอี้, หอหย่งชุน, สำนักอู่ตัง, เขามังกรพยัคฆ์, วัดเส้าหลิน, สำนักฉวนเจิน, แตรทิเบตและอื่น ๆ อาจจะกล่าวได้ว่าเป็นการประชุมพยับเมฆระดับชาติเลยก็ว่าได้…