พวกค้ามนุษย์!
พอได้ยินเซี่ยยวี่หลัวกล่าวคำว่าพวกค้ามนุษย์ สีหน้าของทุกคนล้วนเปลี่ยนไป คนที่พาเด็กมาด้วยต่างก็กอดเด็กไว้แน่น
“จะมีพวกค้ามนุษย์ได้อย่างไร หมู่บ้านของพวกเราไม่เคยมีมาก่อน! ” มีคนส่งเสียงโวยวาย
“เมื่อก่อนไม่มี ไม่ได้หมายความว่าตอนนี้จะไม่มี” ยามเซี่ยยวี่หลัวเอื้อนเอ่ยวาจา มีพลังอำนาจที่ทำให้ผู้อื่นไม่อาจโต้แย้งได้ ดวงหน้าของนางงดงาม เวลานี้เปรียบเสมือนดอกล่าเหมยที่เต็มไปด้วยเกล็ดน้ำค้างแข็งในฤดูหนาว “ข้าก็ไม่หวังให้มี แต่หากมีจริง มีความเป็นไปได้สูงที่จื่อเมิ่งและเสี่ยวฮวาโดนพวกมันจับตัวไป ดังนั้น พี่เซียว จะรอช้าไม่ได้ พวกเรารีบไปในตัวเมือง หาไปตามทาง”
เซียวไฉซุ่นมองเซี่ยยวี่หลัว ภายในใจเกิดความเชื่ออย่างไม่มีที่มาที่ไป “ได้ ข้าจะไปเตรียมรถม้า พวกเราไปในตัวเมือง! ”
ผู้คนในหมู่บ้านต่างสามัคคี ไม่นานก็แบ่งเป็นสองกลุ่ม หญิงชาวบ้านและคนสูงวัยกลุ่มหนึ่งอยู่บ้านคอยหาตามบ้านแต่ละหลัง และมีบางส่วนไปหาตามริมแม่น้ำ อีกกลุ่มหนึ่งที่เป็นบุรุษวัยหนุ่มร่างกายแข็งแรงมีพละกำลัง ต่างก็ตามเซี่ยยวี่หลัวและเซียวไฉซุ่นไป ทยอยกันเตรียมรถม้ามุ่งหน้าไปยังตัวเมือง
ตอนเซียวยวี่เข้ามาในหมู่บ้าน กลางหมู่บ้านมีผู้คนรวมตัวอยู่ไม่น้อย เห็นเซียวยวี่มา ต่างก็กล่าว “เซียวยวี่ ภรรยาของเจ้ากับไฉซุ่นไปหาในตัวเมืองแล้ว”
เซียวยวี่มาจากริมแม่น้ำ
เดินตามแม่น้ำมาตลอดทางก็ยังไม่พบ จึงรีบกลับมา จื่อเซวียนก็กลับมาพร้อมคนอื่น พอเห็นเซียวยวี่ก็ส่งเสียงร้องไห้โฮ “ฮือๆๆ พี่ใหญ่ ข้าหาจื่อเมิ่งไม่พบขอรับ! ”
เซียวยวี่รู้สึกเหมือนหัวใจหล่นวูบ หล่นไปยังก้นเหว
ร่างกายของเขากำลังสั่นเทิ้ม
จื่อเมิ่งหายไปแล้ว หายไปแล้ว
“เด็กเป็นอะไรไปกันแน่? คนตัวใหญ่ถึงเพียงนี้ เหตุใดอยู่ๆ ถึงหายไปได้เล่า? เซี่ยยวี่หลัวทำอะไรกัน แม้แต่เด็กคนหนึ่งยังดูแลไม่ได้” มีคนกล่าวตำหนิอยู่ข้างๆ
เซียวจื่อเซวียนร้องไห้สะอึกสะอื้น จู่ๆ ก็ร้องไห้เสียงดัง “ต้องโทษข้า ต้องโทษข้า ข้าไม่ได้ดูแลน้องสาวดีๆ ! ”
ยิ่งเขาร้องไห้เสียงดัง ภายในใจเซียวยวี่ยิ่งกระวนกระวาย “อย่าร้อง ไปหาอีกครั้ง”
สองพี่น้องเริ่มออกตามหาอีกครั้ง
ผู้คนในหมู่บ้านเห็นเงาแผ่นหลังของสองพี่น้อง ต่างก็ส่ายหน้าด้วยความอ่อนใจ “บาปกรรมเสียจริง เด็กคนเดียวยังดูแลไม่ได้”
“ไม่รู้ว่าเซี่ยยวี่หลัวทำอะไรกัน แค่เด็กคนเดียวยังดูแลไม่ได้! ”
“เอ๋ เมื่อครู่จื่อเซวียนบอกว่าเขาไม่ได้ดูแลน้องสาวดีๆไม่ใช่หรือ? เรื่องนี้น่าจะไม่เกี่ยวกับเซี่ยยวี่หลัวกระมัง? ”
“จะไม่เกี่ยวกับเซี่ยยวี่หลัวได้อย่างไร เจ้าไม่เห็นหรือ วันๆ จื่อเมิ่งตามเซี่ยยวี่หลัวอยู่ตลอด? ไปถึงไหนก็ตามถึงนั่น เซียวจื่อเซวียนต้องกลัวว่าพวกเขาสองสามีภรรยาจะทะเลาะกัน จึงออกรับความผิดทั้งหมดไว้เองเป็นแน่”
ผู้คนรอบข้างกล่าวกันคนละประโยคสองประโยค โยนความผิดไปให้เซี่ยยวี่หลัวทั้งหมด เซียวหมิงจูที่รีบมาได้ยินคำพูดเหล่านั้นทั้งหมด
“จื่อเมิ่งหายไปหรือ? จื่อเมิ่งหายไปได้อย่างไร? เซี่ยยวี่หลัวดูแลเด็กอย่างไรกัน? ” เซียวหมิงจูรู้สึกไม่ดีเลย
“ใครจะรู้ เด็กหายไปแล้ว เฮ้อ บาปกรรมเสียจริง! เด็กคนเดียวยังดูแลไม่ได้” คนข้างๆ กล่าวอย่างหน่ายใจ
“แล้วเซี่ยยวี่หลัวเล่า? นางไปตามหาเด็กหรือไม่? ”
“พาคนไปหาในตัวเมืองแล้ว เจ้าคิดดู เด็กหายไปในหมู่บ้านของเรา จะไปในตัวเมืองได้อย่างไร? ”
“พวกเจ้าว่า เซี่ยยวี่หลัวคงไม่ฉวยโอกาสตอนเข้าไปในตัวเมือง หนีไปกระมัง? หากหาจื่อเมิ่งไม่พบ เซียวยวี่ต้องถลกหนังนางเป็นแน่! ”
“ข้าคิดว่ามีความเป็นไปได้ แต่ไฉซุ่นพาคนไปด้วย ต่อให้นางคิดหนี ก็ต้องหาโอกาส”
เซียวหมิงจูยืนอยู่ในกลุ่มผู้คน ทั้งรู้สึกเป็นห่วง ทั้งรู้สึกตื่นเต้นดีใจขณะฟังบทสนทนาของกลุ่มชาวบ้าน
จื่อเมิ่งหายไปนางเป็นห่วง แต่หากจื่อเมิ่งหายไปจริง…
พี่อายวี่ให้ความสำคัญกับจื่อเมิ่งถึงเพียงนั้น หากจื่อเมิ่งหายไป เขาต้องโทษเซี่ยยวี่หลัวแน่ ถึงเวลาเซี่ยยวี่หลัวก็จะหายไปจากหมู่บ้านสกุลเซียวตลอดกาล
ถึงเวลานั้นพี่อายวี่ก็จะเป็นของนาง!
เซียวหมิงจูยิ่งคิดยิ่งดีใจ ถึงกับเผยรอยยิ้มบางบนใบหน้า
จริงด้วย นางจะเป็นห่วงไปทำไม ตลอดเวลาที่ผ่านมา นางหวังอยากให้พี่อายวี่มองนางมากขึ้นไม่ใช่หรือ? หากจื่อเมิ่งหายไป เซี่ยยวี่หลัวก็จะไม่มีที่ยืนในบ้านนั้นอีก
เซียวหมิงจูที่เมื่อครู่ยังวิตกกังวลและโมโหเกรี้ยวกราด ตอนนี้กลับสงบใจได้
แต่เพียงครู่เดียว นางก็เดินไปพลางกล่าวไปพลาง “ข้าไปตามหาจื่อเมิ่งก่อน”
ชาวบ้านที่อยู่ด้านหลังกล่าว “หมิงจูดีถึงเพียงนี้ เจ้าว่าหากตอนนั้นเซียวยวี่แต่งกับหมิงจู จะมีเรื่องราวมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร! ”
ฝีเท้าของเซียวหมิงจูเร็วขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังได้ยินเสียงพูดคุยด้านหลัง
นางตวัดมุมปากเล็กน้อย เผยรอยยิ้มมั่นอกมั่นใจว่าต้องทำสำเร็จแน่
ถึงจะบอกว่าไปตามหา แต่นางเพียงแค่เดินตามสถานที่ที่คนอื่นเคยหาแล้วอีกรอบหนึ่ง
หากหาพบ เซียวยวี่ก็ต้องรู้สึกขอบคุณนาง หากหาไม่พบ…
หลังจากออกห่างจากกลุ่มชาวบ้าน ใบหน้าของเซียวหมิงจูที่ก่อนหน้านี้ยังเต็มไปด้วยความวิตกกังวลกลับดูผ่อนคลาย พร้อมเผยรอยยิ้มที่ยากจะบรรยายได้
หากหายไปจริง เช่นนั้นก็ไม่เลว
ทางเซี่ยยวี่หลัวเร่งเดินทางเป็นเวลากึ่งถ้วยชา เส้นทางกันดารปราศจากผู้คน แม้แต่เงารถม้าก็ไม่มีแม้แต่คันเดียว
คนที่ตามมาด้วยจำนวนไม่น้อยต่างโวยวาย “เข้าใจผิดหรือเปล่า จะมีพวกค้ามนุษย์ได้อย่างไร! ตลอดหลายปีที่ผ่านมา หมู่บ้านของเราไม่เคยมีเด็กหายสักคน ทำไมนางถึงบอกว่ามี! ”
“จริงด้วย ข้าว่าไฉซุ่นก็เลอะเลือนด้วยหรือเปล่า สตรีผู้นั้นกล่าวอะไรก็เชื่อ ไม่แน่ว่าเด็กสองคนยังเล่นอยู่ในหมู่บ้าน แค่ไม่ได้ยินผู้ใหญ่ตะโกนเรียก ตอนนี้น่าจะกลับบ้านไปแล้ว”
เดินทางเป็นเวลาอีกกึ่งถ้วยชา เห็นว่ายังไม่พบอะไรน่าสงสัย เซียวไฉซุ่นจึงเริ่มเกิดข้อกังขา
คิดไปคิดมา ก็รู้สึกว่าเหลือเชื่อนัก
เมื่อครู่นี้เขาเป็นอะไรไป เหตุใดถึงเห็นด้วยกับวาจาของเซี่ยยวี่หลัว ตามนางออกมาหาคนจริงๆ
เวลานี้เซี่ยยวี่หลัวกระโดดลงจากรถม้า ไปเดินดูรอบๆ มีคนมากล่าวกับเซียวไฉซุ่น “ไฉซุ่น เจ้าเป็นอะไรไป? เซี่ยยวี่หลัวกล่าวอะไรเจ้าก็เชื่อ เจ้าคงไม่ได้ถูกนางสะกดจนแยกทิศเหนือใต้ออกตกไม่ได้กระมัง? ”
เซียวไฉซุ่นขมวดคิ้วมุ่น ตะคอกเสียงดัง “พูดจาเหลวไหล! ”
ตอนนั้นเขาไม่ได้ถูกนางสะกด แต่เขาสั่นสะท้านเพราะพลังอำนาจของเซี่ยยวี่หลัว
สตรีผู้นี้พูดออกมาเป็นชุด เซียวไฉซุ่นไม่เชื่อก็ไม่ได้
เพียงแต่นี่ก็ออกมาเป็นเวลาหนึ่งถ้วยชาแล้ว ยังไม่พบอะไร เซียวไฉซุ่นจึงถอดใจ บางทีเสี่ยวฮวาอาจกลับบ้านไปแล้ว!
มีคนบ่นพึมพำ “เซี่ยยวี่หลัวนี่เดิมก็ไม่ใช่คนดีอะไร นางบอกว่าในหมู่บ้านของเรามีพวกค้ามนุษย์ ฟังอย่างไรก็รู้สึกว่าน่าสงสัย”
“กลับกันเถอะ จะมีพวกค้ามนุษย์เยอะขนาดนี้ได้อย่างไร หมู่บ้านของเราต่อให้อยู่บ้านกันทุกคน อย่างไรก็มีคนเดินอยู่นอกบ้านบ้าง ไม่มีทางที่คนแปลกหน้าเข้าหมู่บ้านแล้วจะยังไม่รู้ ข้าว่าบางทีนี่อาจเป็นเพียงคำพูดเพ้อเจ้อของนางเท่านั้น! ”
เซียวไฉซุ่นพยักหน้า “เช่นนั้นก็กลับกัน”
คนทั้งกลุ่มมาเสียเที่ยว ต้องกลับไปโดยไม่ได้อะไร ต่างก็รู้สึกโกรธแค้นเซี่ยยวี่หลัว
แต่ละคนมองดูนางย่อตัวอยู่บนพื้นค้นหาอะไรบางอย่างด้วยสายตาเย็นชา
เจ้าหาไปเถอะ ดูว่าเจ้าจะหาจนเจอดอกไม้อะไร