เล่มที่ 10 บทที่ 283 มีพวกค้ามนุษย์จริง

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกสังหรณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก

นางย่อตัวดูรอยรถม้าบนพื้น บนพื้นมีรอยรถม้าไม่ตื้นไม่ลึกอยู่รอยหนึ่งจริง เพียงแต่ขาดๆ หายๆ เหมือนจงใจใช้ทางอ้อม

มองตามรอยรถม้า เซี่ยยวี่หลัวมาถึงพงหญ้าที่เต็มไปด้วยหญ้าขึ้นรก

หญ้าถูกล้อรถทับซ้ำจนหักงอไปไม่น้อย ดูท่า รถม้านี่จงใจเข้าไปในพงหญ้า

เพียงแต่ นี่เป็นเส้นทางสายหลัก ย่อมต้องมีรถม้าผ่านไปมาไม่น้อย จะมั่นใจได้อย่างไร ว่านี่เป็นรถม้าของพวกค้ามนุษย์?

เซี่ยยวี่หลัวไม่แน่ใจ ในใจประหนึ่งมีหินกดทับ รู้สึกหนักอึ้ง

บางที อาจไม่มีพวกค้ามนุษย์ นางคาดเดาไปเอง?

หากเป็นเช่นนั้นจริง เซี่ยยวี่หลัวย่อมรู้สึกขอบคุณสวรรค์ แต่หากมีพวกค้ามนุษย์จริงเล่า?

“ภรรยาเซียวยวี่ พวกเราหามานานขนาดนี้ยังไม่พบอะไรสักอย่าง บางทีอาจหาเด็กๆ พบแล้ว พวกเรากลับกันก่อน” เซียวลี่โวยวาย วาจาไม่เป็นมิตรเท่าไร

เซี่ยยวี่หลัวไม่ได้กล่าวตอบ ลุกพรวดขึ้น

รูปร่างที่ดูอ่อนแอบอบบางนั่นยืนเหยียดหลังตรง เส้นผมของนางเป็นสีดำสนิทดุจน้ำหมึก ผมยาวเฟื้อย เส้นผมพลิ้วไหวท่ามกลางสายลมที่พัดโชย เพียงมองเงาแผ่นหลังบอบบางนั่น ก็ทำให้คนจำนวนไม่น้อยเงียบเสียง

พลังอำนาจบีบคั้น

เซียวลี่ปิดปาก ไม่กล่าวอะไรอีก

เซี่ยยวี่หลัวมองหาทั่วบริเวณ ของสิ่งหนึ่งในพงหญ้าดึงดูดความสนใจของนาง

ของสิ่งนั้นถูกซ่อนอยู่ในพงหญ้า หญ้าขึ้นอย่างหนาทึบ เห็นของเล็กๆ นั่นไม่ชัดเจนนัก

เซี่ยยวี่หลัวเก็บของขึ้นมา นั่นคือผ้าเช็ดหน้าสีขาวผ่องดุจหิมะ เมื่อเห็นลวดลายที่ปักอยู่บนนั้น ในที่สุดบัดนี้ความไม่แน่ใจก็กลายเป็นแน่ชัด

เซี่ยยวี่หลัวตกใจจนอกสั่นขวัญหาย!

นางชูผ้าเช็ดหน้าพลางสาวเท้าวิ่งไปทางรถม้าทันที พร้อมตะโกนเสียงดังด้วยความร้อนรน “ไปกัน พวกนางเคยมาที่นี่”

ลวดลายบนผ้าเช็ดหน้า ปักลายแมวการ์ตูนที่ติดหูเตี๋ยเจี๋ยไว้ มุมหนึ่งของผ้าเช็ดหน้าปักตัวอักษรเมิ่งไว้ นั่นเป็นผ้าเช็ดหน้าที่นางปักให้เซียวจื่อเมิ่ง

หากเซียวจื่อเมิ่งอยู่ในหมู่บ้าน เช่นนั้นเหตุใดผ้าเช็ดหน้าของนางถึงปรากฏอยู่ในสถานที่ห่างไกลเช่นนี้ได้ ความเป็นไปได้อย่างเดียวคือ…

พอบอกเล่าสิ่งที่นางพบ เซียวไฉซุ่นตกใจจนมือสั่น

บุตรสาวของตนเองถูกพวกค้ามนุษย์จับไปจริง

มือของเขาสั่นเทิ้มรุนแรง ขนหัวลุกจนรู้สึกชา กุมสายบังเหียนอยู่นานก็ยังไม่มีแรงพอจะชักสาย

เกรงว่าคงควบคุมรถม้าไม่ไหวแล้ว

เดิมทีเซียวลี่ที่อยู่ข้างๆ คิดจะพูดจาเสียดสีเซี่ยยวี่หลัว ทว่าเวลานี้ไม่มีแก่ใจจะกล่าววาจาเสียดสีแล้ว รับสายบังเหียนจากมือเซียวไฉซุ่น เหวี่ยงแส้ตีม้าอย่างแรง รถม้าเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว รถม้าที่ตามอยู่ด้านหลัง เดิมทีหันหัวรถม้ากลับไปแล้ว ยามนี้ต่างก็หันกลับมาอย่างตื่นตระหนก เหวี่ยงแส้ตีม้าอย่างแรง ตามมาด้วยความเร่งรีบ

เซียวลี่ขับรถม้าไปพลางก่นด่าไปพลาง “สารเลว ใครกันที่กล้าบังอาจถึงเพียงนี้ ลักพาตัวเด็ก ลักถึงหมู่บ้านสกุลเซียวของข้า หากข้าจับพวกมันได้ จะเอาชีวิตเลวๆ ของพวกมันเสีย พวกสารเลว…”

เซียวไฉซุ่นตัวสั่นเทิ้ม ทอดสายตามองตรงไปข้างหน้าด้วยอาการเหม่อลอย

ส่วนเซี่ยยวี่หลัวกลับเรียกคืนสติจากอาการตกใจจนขวัญกระเจิงเมื่อครู่แล้ว นางจ้องทางข้างหน้าเขม็ง ริมฝีปากบางที่เดิมทีเป็นสีแดงชุ่มฉ่ำ บัดนี้ถูกนางกัดจนไม่เหลือสีเลือดแม้แต่น้อย

นางเองก็กลัว

ใบหน้ากลายเป็นสีขาวซีดราวกับเลือดทั้งตัวถูกสูบไปจนหมดอย่างไรอย่างนั้น

จื่อเมิ่ง เจ้าห้ามเป็นอะไรเด็ดขาด!

รถม้าวิ่งอย่างเร่งรีบเป็นเวลาหนึ่งถ้วยชา ในที่สุดก็เห็นรถม้าคันหนึ่งที่จอดอยู่ในตำแหน่งห่างออกไป

เซี่ยยวี่หลัวเห็นอย่างชัดเจน มีคนสองคน จากนั้นพอเห็นว่ามีคนมา ก็รีบขึ้นรถม้า เหวี่ยงแส้ตีม้า รถม้าเคลื่อนไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็หายลับตาไป

เซียวลี่ก่นด่าเสียงดัง กำลังจะตามไป

เซี่ยยวี่หลัวตะโกนบอกให้หยุด

มือของเซียวลี่ที่กุมบังเหียนอยู่ดึงขึ้นอย่างฉับพลัน ควบคุมรถม้าให้หยุด

จวบจนตอนที่เซียวลี่กลับถึงบ้าน เขายังรู้สึกว่าตัวเองช่างแปลกพิลึก ตอนนั้นเขาขับรถม้าอยู่ดีๆ เหตุใดเพียงแค่เซี่ยยวี่หลัวบอกให้หยุด เขาก็หยุดได้เล่า?

แม้แต่วาจาบิดามารดาหรือภรรยาของเขา เขายังไม่ค่อยฟัง เหตุใดเซี่ยยวี่หลัวตะโกนครั้งเดียว เขากลับเชื่อฟังโดยไม่คิดด้วยซ้ำ?

ราวกับเป็นบ่าวรับใช้ก็มิปาน!

ตัวเขาเซียวลี่ ไม่ใช่บ่าวรับใช้ของเซี่ยยวี่หลัวเสียหน่อย!

ม้ายกขาหน้าขึ้น ก่อให้เกิดฝุ่นตลบ รถม้าหยุดแล้ว

เซี่ยยวี่หลัวแทบจะกระโดดลงจากรถม้าในชั่วพริบตาที่รถม้าหยุดจอด

รถม้าอีกคันจะหยุด เซี่ยยวี่หลัวตะโกนเสียงดัง ออกคำสั่ง “พวกเจ้าตามไป ขวางรถม้าคันนั้นไว้! ”

รถม้าไม่กล้าหยุด เคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว

ยามนี้สองข้างทางมีดงต้นไม้อยู่ไม่น้อย เซี่ยยวี่หลัววิ่งไปยังตำแหน่งที่สองคนนั้นยืนเมื่อครู่

“จื่อเมิ่ง…”

“เสี่ยวฮวา…”

ด้านหลังดงต้นไม้ เด็กผู้หญิงสองคนถูกจับมัดมือและเท้าทั้งคู่ไว้ด้วยกัน ตาถูกปิดไว้ ปากถูกปิดไว้ มองไม่เห็น และส่งเสียงไม่ได้

แต่พวกนางได้ยินเสียงคนในครอบครัวของตัวเองกำลังเรียกพวกนางอยู่ เซียวจื่อเมิ่งขยับร่างกาย พยายามจะส่งเสียง แต่ปากถูกปิดไว้ ส่งเสียงไม่ได้แม้แต่น้อย

เสี่ยวฮวาส่งเสียงร่ำไห้อยู่ตลอด ร้องไห้จนน้ำตาไหลอาบแก้ม

เซี่ยยวี่หลัวตะโกนเรียกไม่นานนัก ก็หาเด็กสองคนพบ

ในเสี้ยววินาทีที่ได้เห็นแสงสว่างอีกครั้ง เซียวจื่อเมิ่งกอดเซี่ยยวี่หลัวพร้อมร้องไห้อย่างหนัก “ฮือๆ พี่สะใภ้ใหญ่ ข้านึกว่าจะไม่ได้พบท่านอีกแล้วเจ้าค่ะ”

นางถูกจับตัว ไม่ได้ร้องไห้ ทั้งยังทิ้งผ้าเช็ดหน้าที่นางชอบที่สุดไว้ให้พี่สะใภ้ใหญ่ ตอนนี้ได้พบพี่สะใภ้ใหญ่ ในที่สุดเซียวจื่อเมิ่งก็กลัวจนร้องไห้โฮ

เซี่ยยวี่หลัวกอดเซียวจื่อเมิ่งไว้แน่นด้วยความกลัวพร้อมร้องไห้

เสี่ยวฮวาร้องไห้จนเสียงแหบแล้ว แอบอยู่ในอ้อมอกเซียวไฉซุ่น สะอื้นเสียงเบา

เซียวไฉซุ่นกอดบุตรสาวที่สูญเสียไปแล้วได้กลับคืนอีกครั้ง หยาดน้ำตาร้อนคลอเต็มเบ้าตา

ทั้งหมดนี้ ต้องขอบคุณเซี่ยยวี่หลัว

เขาหันมองเซี่ยยวี่หลัว เห็นเซียวจื่อเมิ่งกอดเซี่ยยวี่หลัวไว้แน่น ท่าทางว่าง่ายอ่อนโยนนั่น เซียวไฉซุ่นสติเลื่อนลอยเล็กน้อย จื่อเมิ่งชอบเซี่ยยวี่หลัว ไม่จำเป็นต้องมีคำอธิบายใดๆ หากเป็นเขา คนที่มีทั้งความกล้าหาญและสติปัญญา คนเช่นนี้ใครบ้างจะไม่ชอบ!

เซียวยวี่ได้แต่งภรรยาดีเสียจริง!

พวกเขาพาเด็กๆ กลับไป

ระหว่างทางกลับ เซียวจื่อเมิ่งพักพิงอยู่ในอ้อมอกของเซี่ยยวี่หลัว บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง

ที่แท้จื่อเมิ่งเล่นครู่หนึ่งก็จะกลับบ้านแล้ว หันมองไปไม่เห็นพี่รอง จึงกลับไปก่อน เสี่ยวฮวาตามหลังนางไป หลังจากตามไปตลอดทาง อาศัยจังหวะที่รอบข้างไม่มีผู้ใด จื่อเมิ่งก็ไม่ทันรู้ตัว เสี่ยวฮวาแย่งผ้าเช็ดหน้าในมือจื่อเมิ่งแล้ววิ่งหนีไป จื่อเมิ่งย่อมต้องไล่ตาม

ทั้งสองคนไม่ได้วิ่งไล่ตามกันนานนัก ระหว่างที่พักอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ก็ถูกคนปิดปากและจมูกไว้ พอพวกนางตื่นขึ้น ก็อยู่ภายในรถม้าที่โยกโคลงเคลงแล้ว

แต่ตอนนั้นพวกนางถูกปิดตาและปากไว้ ไม่เห็นหน้าคนในรถม้าอย่างชัดเจน

เสี่ยวฮวากลัว จึงร้องไห้ตลอด

มีคนข่มขู่นาง บอกว่าจะจับนางโยนลงรถม้าให้ตกไปตายเสีย เสี่ยวฮวาจึงไม่กล้าร้องไห้อีก ได้แต่สะอื้นไห้เสียงเบา เซียวจื่อเมิ่งไม่ได้ร้องไห้ นั่งอยู่ภายในรถม้าอย่างเงียบสงบ

ภายในรถม้าน่าจะมีสองคน พวกเขาพูดคุยกันว่าจะนำเด็กไปขายที่ใด

สถานที่ที่กล่าวถึง เซียวจื่อเมิ่งฟังแล้วก็ไม่เข้าใจ เห็นว่าเป็นหออะไร ต่อไปจะให้พวกนางได้กินดีอยู่ดี ทั้งยังมีเงินมากมายจนใช้ไม่หมดด้วย

เซี่ยยวี่หลัวได้ฟังดังนั้น ก็รู้สึกขนหัวลุก!

หออะไร ได้กินดีอยู่ดี มีแต่สถานที่ประเภทนั้นถึงต้องการสตรีไม่ใช่หรือ?

เซียวจื่อเมิ่งกล่าว “ในภายหลังข้าจึงคิดได้วิธีหนึ่ง ข้าบอกว่าข้าปวดท้อง อยากเข้าห้องน้ำ หากพวกเขาไม่ยอมข้าก็จะปลดทุกข์บนรถม้า พวกเขาจึงกลัว แล้วดึงข้าลงรถม้า…”

ในช่วงจังหวะคับขัน เด็กคนนี้กลัวถึงเพียงนั้น กลับยังคิดหาวิธีเช่นนี้ได้