ชุ่ยเวยถอนหายใจ “อั๊ยโย! ท้ายที่สุดก็ลงจากเรือได้เสียที! ขอพูดความในใจหน่อยเถอะ หนทางการเดินทางครั้งนี้ลำบากเหลือเกิน!”
เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มอ่อน “ลำบากจริงๆ”
“ไม่นานก็ได้เจอคุณหนูหันและคุณหนูซูแล้ว!” ชุ่ยเวยนั่งลงข้างกายเหยาเยี่ยนอวี่ด้วยสีหน้าชื่นบานแล้วทุบแข้งขาให้นางพลางเอ่ยถาม “คุณหนูว่าคุณหนูหันและคุณหนูซูจะมารับพวกเราที่ท่าเรือหรือไม่”
“น่าจะไม่หรอกกระมัง” เหยาเยี่ยนอวี่ครุ่นคิดอย่างละเอียด “พวกนางก็ไม่รู้ว่าพวกเรากลับถึงเวลาใดนี่”
“คุณหนูใหญ่ต้องส่งคนมารับแน่นอน” ชุ่ยผิงพูดอย่างมั่นใจ
“เจ้ารู้ได้อย่างไร” ชุ่ยเวยเอ่ยถาม
ชุ่ยผิงพูดยิ้มๆ “คำนวณเวลาดูแล้ว คุณหนูใหญ่คงใกล้จะคลอดบุตรแล้วแหละ! หลายวันมานี้ยังไม่รู้ว่าพวกนางรอคอยการกลับไปเมืองหลวงอวิ๋นของคุณหนูมากเพียงใด! อีกอย่างฮูหยินรองน้อยก็มาด้วย คุณหนูใหญ่ต้องส่งคนมารับอยู่แล้วหรือเปล่า”
เหยาเยี่ยนอวี่พยักหน้าครุ่นคิด แม้นชุ่ยผิงจะเป็นคนตรงไปตรงมา ทว่าคำพูดกลับไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผล
ในขณะเดียวกัน ในเรือนฉีเสียง ณ จวนติ้งโหว
เหยาเฟิ่งเกออุ้มท้องกลมโตเดินเล่นตรงลานกว้าง พอเห็นว่านี่ก็ใกล้ถึงวันกำหนดคลอดแล้ว องค์หญิงต้าจั่งจึงสั่งหมัวมัวว่าห้ามให้นางออกจากประตูเรือนเด็ดขาด กลัวว่าไม่รู้ว่าถุงน้ำคร่ำจะแตกเมื่อใด เพื่อความปลอดภัย ทำได้เพียงให้นางเดินไปเดินมาแถวลานกว้างของเรือน
หลี่หลัวมัวพลันเข้ามาจากด้านใน พอเห็นเหยาเฟิ่งเกอจึงค้อมตัวลงพร้อมพูดยิ้มๆ “คุณหนูเจ้าคะ เรือของคุณชายรองมาถึงวันนี้แล้วเจ้าค่ะ!”
“จริงหรือ” เหยาเฟิ่งเกอรู้สึกดีใจเป็นพิเศษ “มาถึงยามใด ส่งรถม้าไปคอยตรงท่าเรือหรือยัง”
“คุณหนูวางใจเถอะ บุตรชายของบ่าวได้ยินคนของท่านซื่อจื่อพูดว่าสองสามวันก่อนคนในราชสำนักได้รับจดหมายของคุณชายรอง บอกว่าจะถึงเมืองหลวงวันนี้ จึงได้ส่งคนไปรอเมื่อสามวันที่แล้วแล้วเจ้าค่ะ! คนเหล่านั้นเฝ้าอยู่ตรงท่าตลอดเวลา ไม่กล้าไปไหนเลยเจ้าค่ะ!”
“พวกเขากลับมาอย่างปลอดภัยได้ก็ดีแล้ว!” หลายวันก่อนเหยาเฟิ่งเกอได้ยินว่าทำนบแม่น้ำจินแตก ทั้งสองโจวทางเขตตอนใต้ถูกน้ำท่วม ส่วนพวกเหยาเหยียนอี้บังเอิญไปเจอกับอุทกภัยและยังมีโรคระบาดพอดี นางกลัวว่าผู้ประสบภัยพวกนั้นจะปล้นรถม้าของใต้เท้าเหยา หรืออาจจะทำให้พี่น้องพี่สะใภ้และคนอื่นๆ ติดโรคระบาดไปด้วย จึงรู้สึกแตกตื่นจนหลับไม่สนิท
หลีหมัวมัวเอ่ยถาม “จะให้บ่าวจะพาคนไปรอที่ท่าเรืออีกหรือไม่ ได้ข่าวว่าครั้งนี้ฮูหยินรองพาฮั่นเจี่ยเอ๋อร์เดินทางมาด้วย”
“ไปเร็วๆ เถอะ!” เหยาเหยียนอี้สั่งการไม่หยุด “สั่งให้คนนำรถม้าเพิ่มอีกสามสี่คันแล้วเตรียมน้ำแข็งไปด้วย อากาศร้อนผ่าวเช่นนี้ พี่สะใภ้และฮั่นเอ๋อร์คงจะทนไม่ไหว”
“บ่าวจดจำไว้แล้วเจ้าค่ะ” หลี่หมัวมัวรับคำอย่างยิ้มแย้มแล้วเดินออกไป
ซานหูพยุงเหยาเฟิ่งเกอแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ “คุณหนูรองกลับมาทันก่อนคุณหนูกำเนิดบุตรพอดี คุณหนูวางใจเถอะ ครั้งนี้พวกบ่าวถึงจะรู้สึกวางใจเสียที!”
เหยาเฟิ่งเกอแย้มยิ้มแล้วเปรยอย่างจนใจ “เป็นเช่นนั้น!” ว่ากันว่าสตรีคลอดบุตรเป็นเรื่องที่ทรมานนัก หลังจากนั้นก็เกิดเรื่องของเฟิงฮูหยินน้อยขึ้นอีก วันนี้นางรู้สึกหวาดผวาจริงๆ
ตอนเที่ยงซูอวี้ยั่งกลับมาจากด้านนอก อาหารมื้อเที่ยงถูกจัดไว้บนตั่งไม้ในห้องนอน เหยาเฟิ่งเกอเอนกายบนตั่งไม้และลูบท้อง ซานหูและหู่พั่วคอยป้อนอาหารอยู่ข้างๆ ซูอวี้เสียงก็นั่งกินข้าวอยู่ตรงข้าม
เหยาเฟิ่งเกอจึงเอ่ยถาม “อีกไม่กี่วันคุณหนูรองเฟิงก็จะแต่งเข้าจวนแล้ว ในจวนมีเรื่องยุ่งมากมาย ท่านพี่ก็ควรสะสางงานต่างๆ ได้แล้ว วันนี้เหตุใดถึงมีเวลาว่างกลับมากินอาหารด้วย”
ซูอวี้ยั่งยกยิ้มแล้วพูดขึ้น “พี่ใหญ่จะแต่งตั้งอนุภรรยาผู้มีเกียรติ ข้าจะไปประสมโรงอะไรกับเขาด้วยเล่า”
เหยาเฟิ่งเกอไม่พูดไม่จา ช่วงนี้คุณชายสามซูมักจะเป็นเช่นนี้ มักจะพูดจาประชดประชันอยู่ตลอดเวลา ใครจะไปรู้ว่าไปผิดใจอะไรกับเขา ตอนแรกเหยาเฟิ่งเกอก็นึกว่าเหตุเพราะทารกในครรภ์ตนเองคือเพศหญิง หลังๆ มาก็รู้ว่าไม่ใช่เหตุผลนี้ ทุกครั้งที่เอ่ยถึงท่านซื่อจื่อ เขามักจะทำหน้าบูดหน้าบึ้ง ไม่รู้ว่ามีสิ่งใดผิดปกติไป
เหยาเฟิ่งเกอไม่มากความอีก แค่กินข้าวตามลำพังอย่างสุขใจ ภายในใจของซูอวี้เสียงกลับไม่มีความสุข เขาวางจอกเหล้าในมือลงอย่างแรงแล้วลุกขึ้นเดินไปด้านนอก เหยาเฟิ่งเกอเอ่ยถามคิ้วขมวด “เหตุใดถึงไปแล้วล่ะ ไม่กินแล้วหรือ”
“เครียดจนอิ่มแล้ว!” ซูอวี้เสียงพึมพำอย่างเย็นชาแล้วจากไป
สีหน้าเหยาเฟิ่งเกอเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา จากนั้นยกมือผลักช้อนที่ยื่นมาข้างปากออกแล้วแสยะยิ้ม “ไม่รู้ว่าเจอเรื่องเฮงซวยอะไรมาจากที่ใด กลับจวนก็ชอบใส่อารมณ์กับพวกเราตลอด!”
หู่พั่วตอบกลับด้วยเสียงแผ่วเบา “ตามหลักแล้วเรื่องเลวทรามเยี่ยงนี้บ่าวรู้ว่าไม่ควรมารายงานคุณหนู แต่ตอนนี้คุณชายสามทำเกินไปจริงๆ! บ่าวได้ยินจวู๋หงบอกว่าหลังจากที่คุณชายสามไปน้อมทำความเคารพฮูหยินเมื่อคืนนี้ เขาจึงลากตัวชิวฮุ่ยไปที่เงียบๆ หลังจากครึ่งชั่วยามผ่านไปถึงจะออกมา…
ซานหูพลันตวาดขัดขวางทันที “ตอนนี้มันเวลาใดแล้ว คำพูดเลวทรามพวกนี้เจ้าก็เอามาเล่าให้คุณหนูฟังหรือ”
เหยาเฟิ่งเกอแสยะยิ้ม “นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร! ไหนๆ เขาก็ชอบเช่นนั้น ข้าก็จะทำคุณงามความดีหน่อย ไปขอชิวฮุ่ยกับฮูหยิน ให้นางมาอยู่ในเรือนของข้าเถอะ จะได้ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ แล้วทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจที่ต้องทนดูคนอื่นแต่งตั้งอนุภรรยา” พูดจบนางก็สะบัดผ้าเช็ดหน้าในมือออกแล้วเหยียดกายลุกขึ้นเดินออกไปด้านนอก
ประจวบเหมาะกับตอนที่สาวใช้ชั้นล่างวิ่งวุ่นวายกลับมาพุ่งชนเหยาเฟิ่งเกอพอดี
เหยาเฟิ่งเกอยืนไม่นิ่งจึงเกือบจะลื่นล้ม โชคดีที่จับชั้นวางกระถางดอกไม้ด้านข้างไว้ทัน ทว่ากลับทำให้กล้วยไม้หนึ่งกระถางร่วงหล่นลงมาจนกระถางแตกกระจุยกระจายบนพื้น
สาวใช้ชั้นล่างคนนั้นนิ่งงันไปทันที จึงยืนอยู่ตรงนั้นไม่กล้าขยับไปไหน
“คุณหนูเจ้าคะ!” ซานหูเหมือนวิญญาณหลุดลอยออกจากร่างจึงรีบเข้าไปพยุงเหยาเฟิ่งเกอแล้วเอ่ยถามด้วยความร้อนใจ “คุณหนูเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”
“ปวด…ปวดท้อง!” เหยาเฟิ่งเกอพิงอยู่ในอ้อมกอดของซานหู มือข้างหนึ่งจับท้องใหญ่ๆ ของตนเองไว้ สีหน้าแปรเปลี่ยนไป
หู่พั่วออกมาจากด้านในจึงยกมือตบหน้าสาวใช้ชั้นล่างแรงๆ หนึ่งที “ไอ้สารเลว! เจ้าตาบอดหรือไร! จะวิ่งเร็วไปไยกัน”
“ฮูหยินน้อยสามได้โปรดอภัย!” สาวใช้ชั้นล่างถูกตบจนโซเซ เพิ่งจะได้สติกลับมา นางไม่สนใจเศษกระเบื้องและดินที่อยู่บนพื้นพลันคุกเข่าขอร้องให้อภัย “คุณชายสามให้บ่าวมาเอาเสื้อคลุม บอกว่ามีกิจธุระจะออกไปด้านนอก แล้วยังเร่งบ่าวให้เร็ว ห้ามทำให้เรื่องสำคัญล่าช้าเด็ดขาด…”
หู่พั่วเดินหน้ามาจิ้มหน้าผากของสาวใช้ชั้นล่างแรงๆแล้วสบถหยาบอย่างโมโห “พูดบ้าบออะไรของเจ้า! อย่าเอาคุณชายสามมาอ้าง! คุณชายสามเพิ่งจะออกไป มีเรื่องอะไรเขาจะไม่บอกกับแม่นมได้อย่างไร”
“อย่าเพิ่งสนใจนางเลย! รีบมาช่วยพยุงเข้า!” ซานหูพยุงเหยาเฟิ่งเกอไปนั่งบนเก้าอี้ข้างๆ ทว่าเหยาเฟิ่งเกอใกล้คลอดตัวจึงหนักมาก ซานหูอุ้มคนเดียวไม่ไหวจริงๆ
หู่พั่วหันไปช่วยซานหูพยุงเหยาเฟิ่งเกอไปถึงตรงเก้าอี้แล้วตะโกนเรียกขึ้น หมัวมัวหมอตำแยและคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านนอกต่างก็เข้ามา
เพราะเมื่อครู่ท้องถูกกระทบอย่างแรง ทำให้ท่อนล่างของเหยาเฟิ่งเกอมีเลือดหลั่ง หมอตำแยเห็นจึงสั่งการโดยด่วน “เร็ว! ฮูหยินน้อยสามใกล้คลอดแล้ว! รีบไปเตรียมน้ำอุ่น! พยุงฮูหยินน้อยสามไปที่เรือนข้างทิศตะวันตก! เร็ว!”
ทุกคนจึงรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาทันที กลับทิ้งสาวใช้ชั้นล่างไว้ข้างๆ ใครก็ไม่มีใจจะไปนึกถึงนางอีก
ช่วงนี้อารมณ์ของซูอวี้เสียงไม่คงที่จริงๆ
ก่อนหน้านี้เขาถูกพี่ชายลงโทษเพราะเรื่องของเหยาเยี่ยนอวี่ หลังจากนั้นหมอหลวงก็บอกว่าทารกในครรภ์ของเหยาเฟิ่งเกอคือเพศหญิง คุณชายสามซูจึงรู้สึกไม่ค่อยมีความสุข จากนั้นก็ได้รู้ว่าซูอวี้ผิงจะแต่งตั้งเฟิงซิ่วอวิ๋นเป็นอนุภรรยา เรื่องนี้ก็ต้องทำให้เขาโมโหเป็นฟืนเป็นไฟอยู่แล้ว เหตุใดพี่ใหญ่ไม่มีบุตรชายแล้วแต่งตั้งอนุภรรยาได้แต่เขากลับทำไม่ได้?