ภาคที่ 3 บทที่ 134 หนังสัตว์อสูร

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 134 หนังสัตว์อสูร

ยามได้ยินคำซูเฉิน กู่จิ่นถังก็หน้าตึงไปเล็กน้อย ใช้หินพลังต้นกำเนิดหมื่นก้อนเพื่อซื้อหนังมาทำเบาะหรือ ? พี่ชาย ระดับความเสแสร้งของท่านยกระดับไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว

แต่พอคิดดูแล้วก็พบว่าอีกฝ่ายไม่ได้เสแสร้งสักนิด

สำหรับซูเฉินแล้ว หินพลังต้นกำเนิดหมื่นก้อนไม่นับเป็นอะไรจริง ๆ

หลังจากสู้ราคากันสองรอบ ซูเฉินก็ได้มันมาครองในราคา 7 หมื่น

นับเป็นของชิ้นสุดท้ายที่เขาประมูลมาได้ในงานนี้

หลังจากได้มันมาแล้ว เขาก็ใช้เนตรมองโลกจุลภาค แล้วเริ่มตรวจสอบหนังผืนนั้นทันที ทำให้ชายหนุ่มพบว่ามันมีส่วนประกอบของจุลชีพอยู่นับไม่ถ้วน ถักทอกันแน่นหนาจนกลายเป็นชั้น เป็นภาพแปลกประหลาดจนไม่อาจอธิบายได้

กระทั่งใช้นัยน์ตานั้นแล้ว เขาก็ยังไม่อาจบอกได้ว่ามันคืออะไรกันแน่ ได้แต่เก็บงำความสงสัยแล้วเก็บแผ่นหนังกลับไปเท่านั้น

หลังจากรวบรวมของที่ชนะการประมูลมาได้แล้ว ทุกคนก็เดินทางกลับศาลาลมลอยเลื่อน

และด้วยได้ของมาไม่น้อย ทุกคนจึงต่างคนต่างกลับห้องตนไปเล่นกับ ‘ของเล่นใหม่’

กู่ชิงลั่วไม่ได้เอาของที่ซูเฉินมอบให้มาลองเล่น แต่นางกลับกำลังถือเข็มร้อยด้ายอยู่รอบปะการังใยสาหร่าย นางกำลังปักสมบัติชิ้นนี้อยู่นั่นเอง

ในขณะที่กู่ชิงกำลังปักมันให้ซูเฉิน ชายหนุ่มเองก็ไม่ได้นั่งเฉยเช่นกัน

ภายใต้แสงจากโคมไฟ เขาจ้องแผ่นหนังในมือนิ่ง ผ้าเท่อลั่วเค่อเองก็อยู่ข้างกายเขา

“ท่านรู้ไหมว่ามันคืออะไร ?” ซูเฉินถามขึ้น

ผู้ดำเนินงานบอกว่ามันเป็นสมบัติโบราณ ดังนั้นจึงมีแต่ผ้าเท่อลั่วเค่อที่อาจรู้ว่ามันคืออะไรกันแน่

ผ้าเท่อลั่วเค่อพินิจมันอยู่ชั่วขณะ “หากข้าจำไม่ผิด กล่องนี่น่าจะเป็นกล่องเพาะพันธุ์”

“กล่องเพาะพันธุ์ ?”

“ถูกต้องแล้ว เอาไว้เพาะจุลชีพ แต่เพราะมีสภาพการณ์ที่ประหลาดสักหน่อย พอขาดอาหารพวกมันก็จะไม่เคลื่อนไหว จริง ๆ แล้วหนังสัตว์อสูรชิ้นนี้เป็นรูปร่างอำพรางตาของจุลชีพพวกนี้ต่างหาก”

ได้ยินดังนั้น ซูเฉินก็อดรู้สึกชื่นชมอีกฝ่ายไม่ได้

เมื่อใช้เนตรมองโลกจุลภาคตรวจดูแล้วก็ไม่ต่างจากที่ผ้าเท่อลั่วเค่ออธิบายไว้ หนังแผ่นนี้ประกอบไปด้วยจุลชีพนับไม่ถ้วน ดังนั้นมันจึงแยกออกจากกันไม่ได้ และเมื่อถูกแยกออก จุลชีพพวกนี้ก็จะขาดสิ่งหล่อเลี้ยง สุดท้ายก็จะตายลงในพริบตา

“แล้วเพาะจุลชีพพวกนี้ไปเพื่ออะไรหรือ ?” ซูเฉินถามอีก

“นานมาแล้ว การเพาะจุลชีพเหล่านี้เป็นที่นิยมในอาณาจักรอาร์คาน่ามาก เผ่าอาร์คาน่าที่มีฐานะสูงเชื่อว่าสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ เหล่านี้สามารถทำหลายสิ่งที่พวกเขาไม่อาจทำได้ และหากพวกเขาสามารถคุมมันได้ก็จะเป็นประโยชน์มาก ซึ่งก็ถูกในหลาย ๆ ความหมาย สิ่งประดิษฐ์มีชื่อมากมายก็สำเร็จขึ้นได้โดยเกี่ยวพันใกล้ชิดกับเจ้าสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ เหล่านี้นี่ล่ะ”

“แล้วอันที่เรามีเล่า ?”

“ข้าไม่รู้ จุลชีพมีอยู่หลายประเภทนัก มองเฉย ๆ ไม่รู้ความหรอก” ผ้าเท่อลั่วเค่อยักไหล่ “อยากจะรู้ก็ต้องทำการค้นคว้าทดลองเอาเอง”

“แล้วต้องทำอย่างไรบ้าง ?”

“ใช้พลังงานจิตของเจ้าไงเล่า พลังงานจิตนั้นก็เหมือนกับมือไร้รูปที่สามารถสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตพวกนี้ได้”

ซูเฉินลองแผ่เส้นสายพลังจิตของตนออกไป แต่ก็เหมือนจะไร้ผล

ผ้าเท่อลั่วเค่อว่า “พวกมันหลับใหลอยู่ในกล่องเพาะพันธุ์มาหลายหมื่นปี ก่อนจะสื่อสารกับมัน เจ้าต้องปลุกมันก่อนสิ”

“ปลุกมันหรือ ? แล้วต้องทำอย่างไร ?”

“ก็ขึ้นอยู่กับว่ามันต้องการอะไร จุลชีพนั้นมีความต้องการแตกต่างกันไป บ้างก็ชอบพืชพันธุ์ที่เน่าแล้ว ชอบพลังต้นกำเนิด หรือเลือดสด ๆ เนื้อสัตว์อสูร โคลน หรือต้นไม้ต่าง ๆ… ใครจะเดาถูก ? เจ้าก็ลองไปเรื่อย ๆ ไม่แน่อาจพบสิ่งที่มันชอบก็ได้ จำไว้ว่าตอนเอาของให้มันกินก็ใช้พลังจิตกระตุ้นมันสักนิด มันจะได้สัมผัสถึงอาหารได้”

“……”

หลายวันต่อมา ซูเฉินก็เริ่มสรรรหาของทั้งหลายมา ‘แหย่’ หนังผืนนั้น แต่สุดท้ายก็ไร้ผลตอบรับอะไร

แต่ลองคิดดูแล้วก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ศาลาหมู่เมฆยังศึกษามันมาตั้ง 30 ปี มันคงเจออะไรมามากมาย แต่สุดท้ายก็ไร้ผลอะไร ของธรรมดาคงไม่อาจทำให้พวกมันพึงพอใจได้

ดังนั้นซูเฉินจึงไม่รีบร้อน เขาไม่มีความจำเป็นต้องรีบอีกด้วย แต่เขากลับได้นิสัยใหม่มาแทน ไม่ว่าจะเป็นของอะไร ได้มาแล้วเขาก็จะยัดเข้ากล่องไปทดสอบก่อน

นอกจากการค้นคว้าเรื่องหนังชิ้นนี้แล้ว ซูเฉินก็ใช้เวลาที่เหลือทำการวิเคราะห์ยาปลุกสายเลือดชั้นยอด หลังจากลองลงมือไปหลายอย่างแล้วเขาก็เริ่มเข้าใจวิธีการปรุงยาขึ้นคร่าว ๆ หากแต่จะให้สมบูรณ์ยังต้องใช้เวลาอีกนานนัก

เวลาที่เหลือเขาใช้มันอยู่กับกู่ชิงลั่ว หนุ่มสาวคู่นี้มักไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะไม่คิดแยกจากกันยามเวลาเอื้ออำนวย

กู่จิ่นถังคิดกล่อมให้นางรีบเดินทางกลับ แต่ก็รู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก คนทั้งสองรักกันขนาดนี้ แล้วจะให้เขาไปเป็นก้างทำลายความรักพวกเขาหรือ ? จึงได้แต่หลีกหน้าไปหาอวิ๋นเป้าและกังเหยียนแทนเท่านั้น

ทั้งสองยังไปพบฉือไคฮวง ชายชรารับแท่งชามาอย่างเต็มใจ แต่ไม่ขอรับหินพลังต้นกำเนิดที่ซูเฉินตั้งใจมอบให้ เขาสนใจยาต้นกำเนิดสายเลือดที่ศิษย์คิดค้นได้มากกว่าจึงขอสูตรยามา ด้วยเชื่อว่ามันจะช่วยให้เขาหาวิธีทะลวงสู่ด่านสู่พิสดารโดยไร้สายเลือดได้

วันนี้ ซูเฉินกับกู่ชิงลั่วกำลังเดินเล่นอยู่ในป่าต้นเฟิงในตอนเหนือของเมืองฉางผาน

แต่เพราะยังไม่ถึงหน้า ทั่วทั้งป่าจึงยังไม่ได้งดงามที่สุด ใบไม้บนต้นยังไม่ทันเปลี่ยนเป็นสีแดง ทั้งยังมีคนอีกมากมาย แต่ทั้งสองก็มองเพียงกันและกันเท่านั้น ไม่สนใจทิวทัศน์รอบกาย พวกเขาเพียงใช้ป่าต้นเฟิงเป็นข้ออ้างมาพบกันเท่านั้น หากอยู่ด้วยกันแล้วมีความสุขนั่นก็พอแล้ว

ทั้งสองเดินทอดน่องไปเรื่อย แต่พอเดินลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ก็หลงทางเสียแล้ว

ทันใดนั้น ระหว่างที่เดิน ๆ อยู่ก็มีงูตัวหนึ่งพุ่งเข้าใส่

ซูเฉินคว้ามันไว้ มอง ๆ นิดหน่อยแล้วเอ่ยว่า “เป็นงูพิษ”

ดังนั้นจึงหยิบ กล่องเพาะพันธุ์ ออกมาแล้วยัดเจ้างูเข้าไป จากนั้นใช้พลังจิตกระทุ้งมันสักหน่อย หลายวันมานี้เขาทำจนติดเป็นนิสัย ไม่ว่าจะได้อะไรมาก็จะลองยัดใส่ลงในกล่องเพื่อทดลองดู

เดิมทีเขาก็ไม่ได้หวังอะไรมาก แต่น่าแปลกที่ยัดมันลงไปได้ไม่นาน เนตรมองโลกจุลภาคก็มองเห็นจุลชีพทั้งหลายเริ่มขยับและบิดไปมา สิ่งมีชีวิตที่เหมือนกับว่าตายไปแล้วเริ่มขยับไปมา จับกลุ่มกันเคลื่อนเข้าหางูตัวนั้น

หากใช้ตาปกติมองจะเห็นว่าหนังสัตว์อสูรเริ่มโค้งตัวขึ้นจนน่าแปลก มันรัดร่างงูตัวนั้นไว้

“หืม ? มีอะไรหรือ ?” กู่ชิงลั่วเห็นแล้วก็ฉงน

“พวกมันเจออาหารแล้ว” ซูเฉินว่า

ซูเฉินเองก็ตื่นเต้นเช่นกัน เจ้าพวกนี้ชอบกินงูงั้นหรือ ?

เขาเคยลองให้มันกินเนื้อและเลือดสดจากสัตว์อสูรอื่นมาก่อน แต่ก็ไร้ผลตอบรับ หรือมันจะจุกจิก ชอบกินแต่เนื้องูหรือไร ?

ตอนนี้หนังสัตว์อสูรกำลังโอบร่างงูไว้จนมิด เจ้างูทั้งบิดทั้งดิ้นไปมาอย่างรุนแรงราวกับพบเรื่องน่าผวา หากแต่ไม่ว่าจะดิ้นอย่างไรสุดท้ายก็ถูกรัดแน่นกว่าเดิม

พริบตาต่อมามันก็หยุดดิ้น หนังสัตว์อสูรกลับไปเป็นเหมือนเดิม นิ่งเงียบสนิทไร้ความเคลื่อนไหว

ซูเฉินพบว่าร่างงูที่นอนอยู่บนหนังสัตว์อสูรนั้นยังอยู่ครบส่วน ไร้บาดแผลใด แต่มันกลับตายแล้ว

เกิดอะไรขึ้นกัน ?

ซูเฉินหยิบร่างงูที่ไร้ชีวิตขึ้นมาด้วยความตกใจ

ไม่มีบาดแผลตรงไหนเลย

แสดงให้เห็นว่าจุลชีพพวกนี้ไม่ได้สนใจเจ้างูเลย

แล้วมันสนใจอะไรกัน ?

คำตอบนั้นง่ายมาก เขาเพียงต้องหาว่าบนร่างงูมีอะไรหายไปก็เท่านั้น

ซูเฉินพบในที่สุดว่ามันคือพิษนั่นเอง !

พิษในร่างงูนั้นหายไปอย่างไรร่องรอย !!!

———————